มีอาการปัสสาวะเล็ด กินยาก็ไม่หาย ขมิบอุ้งเชิงกรานเป็นประจำ ลองนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น สามารถผ่าตัดรักษาได้หรือไม่ มาทำความรู้จัก “การผ่าตัดใส่สลิง” เทคนิคการผ่าตัดรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่นิยมในปัจจุบัน พร้อมขั้นตอนการผ่าตัด ข้อดี ข้อจำกัด รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง คืออะไร
ก่อนทำความรู้จักการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง มาทำความรู้จักระบบทางเดินปัสสาวะในเบื้องต้นก่อน โดยปกติท่อปัสสาวะของเราจะมีกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นคอยพยุงให้ท่อปัสสาวะปิดแน่นระหว่างที่เกิดแรงดันในช่องท้อง เช่น ไอ จาม ออกกำลังกาย ยกของหนัก ออกแรงเบ่ง
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างกล้ามเนื้อส่วนนี้ก็สามารถอ่อนแรงลงได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุที่มากขึ้น การคลอดบุตร และทำให้ท่อปัสสาวะไม่ปิดสนิทจนเกิดเป็นอาการปัสสาวะเล็ด
การผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง (Midurethral Sling) คือ การผ่าตัดใส่สายสลิงซึ่งมีลักษณะเป็นตาข่ายทำจากวัสดุใยสังเคราะห์ขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรไว้ใต้ท่อปัสสาวะ เพื่อพยุงท่อปัสสาวะให้ยังคงปิดสนิทในระหว่างที่ช่องท้องเกิดแรงดัน ทำให้ไม่มีปัสสาวะเล็ดออกมา โดยตำแหน่งสำหรับการใส่สลิงจะแบ่งออกได้ 3 ตำแหน่ง ได้แก่
- ใส่สลิงผ่านออกมาที่เหนือหัวหน่าว
- ใส่สลิงผ่านออกมาที่ขาหนีบ
- ใส่สลิงและฝังไว้ใต้เนื้อเยื่อ ไม่โผล่ออกมาด้านนอกผิวหนัง
การผ่าตัดใส่สลิงสามารถทำได้ด้วยเทคนิคการผ่าตัด 2 แบบ คือ การผ่าตัดเปิดแผลทางหน้าท้อง และการผ่าตัดผ่านทางช่องคลอด ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากให้แผลเล็ก ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวหลังผ่าตัดเร็ว ในส่วนของขั้นตอนการผ่าตัด กระบวนโดยหลัก ๆ ที่จะเกิดขึ้นมีดังต่อไปนี้
- แพทย์ให้ยาระงับความรู้สึกผู้ป่วย
- แพทย์กรีดเปิดแผลขนาดเล็กภายในช่องคลอด และสอดสลิงเข้าไปใต้ท่อปัสสาวะผ่านออกมาที่ผิวหนังเหนือหัวหน่าว ขาหนีบ หรือฝังใต้เนื้อเยื่อ ขึ้นอยู่กับการประเมินตำแหน่งการผ่าตัดจากแพทย์
- เย็บปิดแผล ส่วนมากนิยมใช้การเย็บแผลด้วยไหมละลาย
- แพทย์อาจมีการส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะหลังผ่าตัด เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของสลิงว่ามีความเหมาะสมดีแล้ว
ใครเหมาะต่อการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง
การผ่าตัดใส่สลิงจะนิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะระหว่างที่เกิดแรงดันในช่องท้อง เช่น ไอ จาม ยกของหนัก ออกกำลังกาย ลุกนั่ง และมีอาการค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเป็นอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย เช่น มีความผิดปกติบริเวณท่อปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะ กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยที่อาการปัสสาวะเล็ดยังไม่รุนแรง หรือแพทย์ประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องผ่าตัดอาจได้รับคำแนะนำให้รักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การกินผักผลไม้เพื่อรักษาอาการท้องผูก การฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การใช้ยา การนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า
ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการอีกแบบอย่างกลั้นปัสสาวะได้น้อยหรือไม่ได้เลย ลักษณะอาการนี้มักเป็นอาการที่เกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกาย แพทย์มักจะแนะนำวิธีรักษาไปตามสาเหตุของอาการ เช่น งดเครื่องดื่มคาเฟอีน งดอาหารรสจัด การรักษาภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ข้อดีของการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง
- เป็นการผ่าตัดที่ให้แผลเล็ก ผู้ป่วยนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 1 คืน ก็สามารถกลับบ้านได้ และใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- เป็นการผ่าตัดที่มีอัตราประสบความสำเร็จสูง 90% ของผู้ป่วยที่รักษาอาการปัสสาวะเล็ดด้วยวิธีนี้มักมีอาการดีขึ้นหรือหายขาดจากอาการนี้
ข้อจำกัดของการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง
- ยังมีโอกาสที่ผู้ป่วยจะกลับมามีอาการปัสสาวะเล็ดได้ แต่จัดเป็นส่วนน้อย
- การผ่าตัดใส่สลิงไว้ใต้เนื้อเยื่อเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ค่อนข้างใหม่ ยังต้องมีการติดตามอัตราความสำเร็จจากการผ่าตัดอยู่
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง
- ภาวะแผลติดเชื้อ
- ภาวะแแผลมีเลือดออก
- โอกาสการบาดเจ็บที่อวัยวะหรือบริเวณใกล้เคียง เช่น ท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ
- สายสลิงเกิดการเคลื่อนที่ ผู้ป่วยต้องผ่าตัดซ้ำเพื่อปรับตำแหน่งสายสลิงใหม่
- แพทย์วางสายสลิงแน่นเกินไป ทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะลำบากหรือปัสสาวะไม่ออกหลังผ่าตัดแทน ต้องกลับมาผ่าตัดซ้ำเพื่อปรับสายสลิงให้หลวม หรือปรับตำแหน่งสายสลิงใหม่
- มีอาการปัสสาะเล็ดซ้ำ ปวดปัสสาวะแบบฉับพลันและกลั้นปัสสาวะไม่ได้ภายหลังผ่าตัด
ราคาการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิง
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยการใส่สลิงจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเทคนิคการผ่าตัดที่แพทย์เลือกใช้ รวมถึงเงื่อนไขการให้บริการในแต่ละสถานพยาบาล
การใส่สลิงใต้ท่อปัสสาวะเป็นวิธีรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่มีประสิทธิภาพสูง มีแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และได้ผลดีในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ด และเป็นรุนแรงจนถึงขั้นต้องผ่าตัด เราควรดูแลสุขภาพองค์รวมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการนี้ให้ดี เช่น ระวังไม่ให้มีอาการไอเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง งดยกของหนัก งดกินอาหารรสจัด ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอยู่เสมอ
เมื่อไรที่รู้สึกว่าการปัสสาวะไม่เหมือนเดิม มีอาการปัสสาวะเล็ดแม้เพียงเล็กน้อย หรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ให้เดินทางมาปรึกษาแพทย์โดยทันที เพื่อให้มีโอกาสรักษาอาการนี้ได้ โดยไม่ต้องถึงขั้นใช้วิธีผ่าตัด
อยากปรึกษาวิธีรักษาอาการปัสสาวะเล็ด ทำนัดกับคุณหมอผ่านทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย