Default fallback image

7 เรื่องเข้าใจผิดของคีลอยด์ คนมีแผลเป็นควรรู้!

คีลอยด์เกิดขึ้นไว หายเองได้ ไม่เจ็บ ไม่ปวด รักษาแล้วหายถาวร แถมยังเป็นเนื้อร้ายมะเร็งด้วยจริงไหม? ก่อนจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ มาดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแผลเป็นคีลอยด์ที่เรารวบรวมมาฝากในบทความนี้กันดีกว่า  

1. คีลอยด์เกิดขึ้นไว?

ข้อเท็จจริง:  ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล คีลอยด์อาจเกิดขึ้นหลังเป็นแผลไปแล้วหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือหลายปี เมื่อเป็นคีลอยด์แล้ว แผลเป็นคีลอยด์จะค่อย ๆ ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่องนานหลายเดือนหรือหลายปี แต่บางครั้งอาจขยายตัวอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน  

2. คีลอยด์รักษาหายถาวร?

ข้อเท็จจริง: คีลอยด์อาจไม่หายถาวร แม้รักษาคีลอยด์แล้วก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยเฉพาะหากรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเดียว ซึ่งมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูงถึง 45–100%  

แพทย์มักแนะนำให้รักษาคีลอยด์หลายวิธีควบคู่กันไป เช่น การกดทับด้วยผ้าพันแผล เทปเหนียว หรือซิลิโคนเจล การผ่าตัด การฉีดคีลอยด์ การเลเซอร์ การฉายรังสีพลังงานต่ำ หรือการจี้เย็น เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำให้ได้มากที่สุด 

3. แผลเป็นทุกแผลเป็นคีลอยด์?

ข้อเท็จจริง: คีลอยด์เป็นผลจากกระบวนการฟื้นฟูแผลที่ผิดปกติ ทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไปจนเกิดเป็นแผลนูนขึ้นมา จึงไม่ใช่ทุกแผลเป็นจะกลายเป็นคีลอยด์ 

หากแผลนั้นได้รับการฟื้นฟูตามปกติ ปริมาณคอลลาเจนในการสมานแผลสมดุล ก็จะไม่เกิดคีลอยด์ตามมา ซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดแผลคีลอยด์มีหลายประการด้วยกัน เช่น 

  • มีผิวสีเข้ม 
  • คนในครอบครัวมีประวัติเป็นคีลอยด์ 
  • อายุ 10–30 ปี 
  • มีโรคประจำตัว อย่างความดันโลหิตสูง 
  • เป็นแผลบริเวณผิวหนังจุดที่ตึงรั้งมาก บาดเจ็บและโดนกระแทกง่าย อย่างหน้าอก หัวไหล่ หลังส่วนบน หรือหู

4. แผลเป็นนูนคือคีลอยด์?

ข้อเท็จจริง: แผลเป็นนูนนั้นมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ แผลนูนแบบนูนแบบไฮเปอร์โทรฟิก (Hypertrophic scar: HS) และแผลคีลอยด์ หมายความว่าไม่ใช่แผลนูนทุกชนิดจะเป็นคีลอยด์ไปทั้งหมด

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างแผลเป็นนูนทั้ง 2 ชนิดอยู่ที่ลักษณะของแผล โดยแผลเป็นไฮเปอร์โทรฟิกจะมีสีชมพูออกแดง ขนาดไม่ใหญ่เกินขอบเขตแผลเดิม ขณะที่คีลอยด์จะมีสีช้ำหรือคล้ำกว่า และยังนูนโตเรื่อย ๆ จนเกินขอบแผล

ข้อสำคัญอีกอย่างคือ แผลเป็นไฮเปอร์โทรฟิกมักยุบหายไปเองหลังผ่านไปราว 6–12 เดือน ส่วนคีลอยด์จะไม่ยุบด้วยตัวเอง กรณีเป็นไม่นานมากหรือมีขนาดเล็ก อาจใช้ทายารักษาแผลเป็น และใช้แผ่นแปะซิลิโคน หากคีลอยด์มีขนาดใหญ่ การรักษาจากแพทย์ผิวหนังจะเห็นผลได้ดีกว่า  

5. คีลอยด์เป็นมะเร็งร้าย?

ข้อเท็จจริง: แม้คีลอยด์จะมีลักษณะไม่น่ามองด้วยสีช้ำ ๆ และคล้ำกว่าสีผิวปกติ รวมถึงขนาดและรูปร่างของแผลที่อาจทำให้หลายคนกังวลใจ ความจริงแล้ว คีลอยด์เกิดจากกระบวนการฟื้นฟูที่ผิดปกติของร่างกาย ไม่ใช่มะเร็งร้าย 

หากตรวจคีลอยด์ด้วยสายตาแล้วยังบอกได้ไม่ชัดเจน แพทย์อาจขอตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อ (Biopsy) ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เพื่อการวินิจฉัยที่ละเอียดมากขึ้น บางครั้งอาจแยกได้ยากจากตาเปล่าว่าเป็นมะเร็งหรือคีลอยด์

6. คีลอยด์หายได้เอง ไม่ต้องรักษา?

ข้อเท็จจริง: อย่างที่บอกว่าคีลอยด์ไม่สามารถยุบไปได้เองเหมือนแผลนูนไฮเปอร์โทรฟิก คีลอยด์จะอยู่กับเราไปตลอด จนกว่าจะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาจากขนาดของแผล อายุของแผล รวมถึงการตอบสนองต่อการรักษาของตัวผู้ป่วย

เบื้องต้น แพทย์มักแนะนำการฉีดคีลอยด์หรือฉีดยาสเตียรอยด์ให้แผลเป็นยุบตัว เรียบเนียนขึ้น หากฉีดไปแล้วราว 4–5 เข็ม แล้วยังไม่ได้ผล อาจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน

หากแผลคีลอยด์มีขนาดใหญ่มาก แพทย์อาจผ่าตัดลดขนาดแผลเป็นหรือกำจัดแผลเป็นออก วิธีนี้มีโอกาสคีลอยด์กลับมาเป็นซ้ำสูง จึงมักผ่าตัดควบคู่กับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การฉีดคีลอยด์ การเลเซอร์ หรือการจี้เย็นเช่นกัน 

7. คีลอยด์ไม่เจ็บ ไม่ปวด?

ข้อเท็จจริง: คีลอยด์อาจก่อให้เกิดความเจ็บปวด อาการคัน ผิวหนังตึงรั้ง และไม่สบายตัวได้ โดยเฉพาะในช่วงที่แผลยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อใดที่คีลอยด์หยุดโต อาการเหล่านี้อาจค่อย ๆ หายไป

อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะก้อนแผลคีลอยด์อาจเกิดบริเวณข้อต่อ ซึ่งมักขยับเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้อาจรู้สึกตึงเวลาขยับ ไม่สบายตัว หรือเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก      

ความเข้าใจผิดหายไปแล้ว แต่คีลอยด์จะยังคงอยู่ แถมยังกระทบต่อจิตใจของเราด้วย หากมีความกังวลใจเรื่องแผลคีลอยด์ รักษาเองแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย กู้เอาความมั่นใจกลับคืนมา

ผิวเนียนไร้แผลเป็น ใคร ๆ ก็มีได้ด้วย แพ็กเกจรักษาคีลอยด์ สุดครบ แสนคุ้ม ที่ HDmall.co.th เลือกคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ ไม่ต้องไปไกลที่ไหนก็สวยได้ คลิกเลย!

Scroll to Top