โรคมะเร็งเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย และมีรายละเอียดของโรคแตกต่างกันบ้างในบางอวัยวะ วิธีการรักษาอาจใช้เพียงวิธีการเดียวหรือหลายวิธีการร่วมกัน ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นโรค ระยะโรค และสุขภาพพื้นฐานของผู้ป่วย
สารบัญ
- โรคมะเร็งคืออะไร?
- โรคมะเร็งเกิดจากอะไร?
- โรคมะเร็งพบได้บ่อยหรือไม่?
- โรคมะเร็งมีอาการอย่างไร?
- รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคมะเร็ง?
- โรคมะเร็งมีกี่ระยะ?
- ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็งระยะที่ 4
- รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคมะเร็งระยะที่เท่าไหร่?
- โรคมะเร็งมีวิธีรักษาอย่างไร?
- วิธีการรักษาโรคมะเร็งตามระยะโรคเป็นอย่างไร?
- โรคมะเร็งมีโอกาสรักษาหายหรือไม่?
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
โรคมะเร็งคืออะไร?
โรคมะเร็ง คือโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโต หรือการตายตามธรรมชาติของเซลล์ปกติได้ (มีความผิดปกติของพันธุกรรม ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการแบ่งตัวหรือการตายของเซลล์ปกติ)
ทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์ เจริญเติบโตอย่างผิดปกติจนเกิดเป็นก้อนเนื้อ ลุกลาม แพร่กระจายไปทั่วร่างกายเข้าทำลายอวัยวะต่างๆ และต่อมน้ำเหลือง
ก้อนหรือแผลมะเร็งเหล่านี้ ไม่สามารถหายได้ด้วยการรักษาตามปกติ และจะโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ลุกลามทำลายเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง ในที่สุดก็จะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด กระแสน้ำเหลือง แพร่กระจายไปทำลายอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ทำให้เกิดการล้มเหลวของอวัยวะนั้นๆ
อวัยวะที่มักเกิดอาการและตรวจพบได้บ่อย คือ ปอด ตับ กระดูก ไขกระดูก สมอง และต่อมน้ำเหลือง ด้วยเหตุนี้โรคมะเร็งจึงเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต จากการล้มเหลวในการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ
ส่วนเนื้องอก หรือแผลธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง เป็นเนื้องอกที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ แต่ร่างกายยังควบคุมการเจริญเติบโตได้ ก้อนเนื้อที่ไม่ใช่มะเร็งจะโตช้า
แต่เมื่อนานไปแล้วมีขนาดก้อนเนื้อโตมากขึ้น อาจกดเบียดทับเนื้อเยื่อ อวัยวะข้างเคียงได้ แต่ไม่ลุกลามเข้าทำลาย ไม่ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง ไม่แพร่กระจายเข้ากระแสเลือดและหรือกระแสน้ำเหลือง จึงไม่เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสัยชีวิต
โรคมะเร็งเกิดจากอะไร?
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็ง แต่จากการศึกษาเชื่อว่า น่าจะมาจากหลายปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน ได้แก่
- อายุ พบว่ายิ่งมีอายุมากขึ้น ยิ่งมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งสูงขึ้น เพราะมีโอกาสเกิดความผิดปกติจากการกลายพันธุ์ของเซลล์สูงขึ้น เนื่องจากการต้องซ่อมและสร้างหลายๆ ครั้งของเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บเสียหาย จากสาเหตุต่างๆ ตามอายุขัยของแต่ละคน
- ความผิดปกติจากพันธุกรรม ซึ่งโรคมะเร็งบางชนิดอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรมชนิดถ่ายทอดได้จากครอบครัว บางชนิดมีปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรมชนิดไม่ถ่ายทอด โดยเกิดความผิดปกติขึ้นเองตามธรรมชาติของคนคนนั้น และมักเป็นพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการแบ่งตัว หรือการตายของเซลล์ปกติ
- เชื้อชาติ พบว่าบางเชื้อชาติมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งบางชนิดสูงกว่าเชื้อชาติอื่นๆ เช่น คนจีนตอนใต้ เป็นโรคมะเร็งโพรงหลังจมูกมากกว่าคนเชื้อชาติอื่น หรือคนผิวขาวเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิด เมลาโนมาสูงกว่าคนชาติอื่น เป็นต้น
- การได้รับสารก่อมะเร็งอย่างต่อเนื่อง เช่น สารที่ใช้ในการถนอมอาหารที่ชื่อว่า ไนโตรซามีน (Nitosamine) หรือสารพิษที่เกิดจากการปิ้ง ย่าง ที่ชื่อว่าสารไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon)
- อาหาร เพราะพบว่าคนที่บริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารหมักดอง เค็มจัด หวานจัด หรือบริโภคเนื้อแดงสูง มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งบางชนิดสูงกว่าคนบริโภคอาหารมีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ในปริมาณเหมาะสม เช่น โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- โรคอ้วน พบว่าคนที่เป็นโรคอ้วนมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งบางชนิดสูงกว่าคนปกติ เช่นโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน พบว่าคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีภาวะทุพโภชนาการขาดวิตามินเอ ซี คนที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) หรือในคนปลูกถ่ายอวัยวะที่ได้รับบยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค เช่นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มักมีแนวโน้มจะเป็นมากกว่าคนปกติ
- การติดเชื้อโรคบางชนิด ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา เช่น ในโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งตับ และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ได้รับสารเคมีบางชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง จากการประกอบอาชีพ เช่น โรคมะเร็งบางชนิดพบบ่อยในช่างไม้ และบางชนิดพบบ่อยในคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับปิโตรเลียมหรืออุตสาหกรรมทำสีชนิดต่างๆ เช่นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- การได้รับยาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด หรือยาเคมีบำบัด
- การได้รับรังสีบางชนิดในปริมาณสูงหรืออย่างต่อเนื่อง เช่น รังสียูวีในแสงแดดหรือรังสีจากการตรวจรักษาโรค เช่น โรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งพบได้บ่อยหรือไม่?
โรคมะเร็งบางชนิดพบได้บ่อย มีดังนี้
- มะเร็งชนิดที่พบบ่อย 10 ลำดับแรกในผู้ชายไทย ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร
- มะเร็งชนิดที่พบบ่อยในผู้หญิงไทย 10 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งรังไข่ มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- มะเร็งที่พบบ่อยในเด็ก 3 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งสมอง และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งมีอาการอย่างไร?
โรคมะเร็งไม่มีอาการเฉพาะ แต่จะมีอาการคล้ายคลึงกับการอักเสบทั่วไป แตกต่างกันตรงที่มักเป็นอาการเรื้อรัง ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และอาการต่างๆ ไม่สามารถรักษาให้หายด้วยวิธีธรรมดาทั่วไป
อาการจากโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย ได้แก่
- มีก้อนเนื้อโตผิดปกติ โตเร็ว
- มีแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หายด้วยการรักษาปกติทั่วไป
- มีไข้เป็นๆ หายๆ หาสาเหตุไม่ได้ เป็นได้ทั้งไข้สูงและไข้ต่ำๆ
- ไอเป็นเลือด
- เสียงแหบโดยหาสาเหตุไม่ได้
- กลืนติดเจ็บ กลืนลำบาก
- เสมหะหรือน้ำลายมีเลือดปน
- เลือดกำเดาไหลบ่อยโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ท้องผูกสลับกับท้องเสียโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ตกขาว โดยมักมีกลิ่นด้วย
- ประจำเดือนผิดปกติ
- มีเลือดออกผิดปรกติ หลังมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
- มีเลือดออกทางช่องคลอดภายหลังหมดประจำเดือนแล้ว
- ซีดโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ห้อเลือดง่าย มีจุดแดงจากการมีเลือดออกที่ผิวหนัง คล้ายอาการของไข้เลือดออก เป็นๆ หายๆ
- มีอาการปวด ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือร่วมกับอาการอื่น เช่น แขน ขาอ่อนแรงและมีอาการชา
- มีอาการชักโดยไม่เคยเป็นมาก่อน
- ปวดศีรษะรุนแรง ร่วมกับอาเจียนและ หรือแขน ขาอ่อนแรง
- ผอมลง น้ำหนักลด โดยหาสาเหตุไม่ได้
- มีอาการผิดปรกติอื่นๆ โดยที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นอาการเรื้อรัง มีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่ดีขึ้นเมื่อได้รับการรักษาด้วยวิธีการรักษาปรกติทั่วไป
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคมะเร็ง?
แพทย์วินัจฉัยโรคมะเร็งได้จากการสอบถามประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การเอกซเรย์ การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ ตามอาการของผู้ป่วย หรือตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น การส่องกล้อง เมื่อมีอุจจาระเป็นมูกเลือด
แต่ที่ได้ผลแน่นอนคือ การเจาะ ดูด และการตัดชิ้นเนื้อ จากก้อนเนื้อ หรือแผลที่ผิดปกติ ไปตรวจทางเซลล์วิทยาหรือพยาธิวิทยา
โรคมะเร็งมีกี่ระยะ?
การจัดระยะโรคมะเร็งมีหลายระบบ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความนิยมของแพทย์ว่าจะเลือกใช้ระบบใด แต่โดยทั่วไปนิยมใช้ระบบที่จัดทำโดยคณะกรรมการโรคมะเร็งแห้งประเทศสหรัฐอเมริกาเรียกว่า จัดระยะโรคมะเร็งในระบบเอเจซีซี (American Joint Committee on Cancer: AJCC)
โดยทั่วไป โรคมะเร็งมี 4 ระยะหลักๆ แต่บางระยะสามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีก โดยแพทย์โรคมะเร็งใช้เป็นข้อบ่งชี้ทางการรักษา ซึ่งจะยุ่งยากซับซ้อนสำหรับคนทั่วไป จึงไม่กล่าวถึงในที่นี้
ซึ่งทั้ง 4 ระยะจะคล้ายคลึงกันในโรคมะเร็งเกือบทุกชนิด ได้แก่
- ระยะที่ 1 โรค ก้อนเนื้อ แผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ลุกลามอยู่เฉพาะในเนื้อเยื่อ อวัยวะต้นกำเนิดของมะเร็ง
- ระยะที่ 2 โรค ก้อนเนื้อ แผลมะเร็งมีขนาดปานกลาง ลุกลามไม่มากและอาจมีการลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองใกล้เนื้อเยื่อ อวัยวะที่เป็นมะเร็ง (แต่เป็นการลุกบามเพียงเล็กน้อย เช่น ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองเพียง 1-2 ต่อม หรือต่อมน้ำเหลืองยังมีขนาดโตไม่เกิน 3 เซนติเมตร)
- ระยะที่ 3 โรค ก้อนเนื้อ แผลมะเร็งมีขนาดโตมาก และหรือลุกลามลึกเข้าไปยังเนื้อเยื่ออวัยวะข้างเคียง หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองใกล้ๆ อวัยวะต้นกำเนิดมะเร็ง โดยลุกลามอย่างมาก มากกว่า 1-2 ต่อม
- ระยะที่ 4 โรคมะเร็งระยะที่ 4 เป็นโรคมะเร็งที่มีความรุนแรงของโรคสูงสุด โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีโรคลุกลามรุนแรง แต่ยังไม่มีการแพร่กระจาย และกลุ่มที่มีการแพร่กระจายของโรคแล้ว
โดยโรคระยะที่ 4 ชนิดที่มีการแพร่กระจาย เป็นระยะที่โรคมะเร็งไม่มีโอกาสรักษาหายได้เป็นระยะโรคที่รุนแรงที่สุด แต่ถ้าเป็นโรคระยะที่ 4 ชนิดลุกลามรุนแรง แต่ยังไม่มีการแพร่กระจายจะมีโอกาสรักษาได้หาย ถึงแม้โอกาสรักษาหายจะน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับในโรคมะเร็งระยะอื่นๆก็ตาม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็งระยะที่ 4
โรคมะเร็งระยะที่ 4 ชนิดที่มีโรคลุกลามรุนแรง แต่ยังไม่มีการแพร่กระจาย ได้แก่ โรคมะเร็งในระยะที่มีการลุกลามโดยตรงอย่างรุนแรงจากก้อนแผลมะเร็งเข้าเนื้อเยื่อ อวัยวะที่อยู่รอบๆ ข้างเคียง เช่น ทำให้เกิดการทะลุของเนื้อเยื่ออวัยวะนั้น ลุกลามรุนแรงเข้าเนื้อเยื่ออวัยวะข้างเคียงพร้อมๆ กันหลายเนื้อเยื่อ
รวมถึงต่อมน้ำเหลืองใกล้อวัยวะต้นกำเนิดมะเร็ง โดยต่อมน้ำเหลืองมีขนาดโตมาก (เกิน 6 เซนติเมตร) หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงหลายต่อม แต่อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด
โรคมะเร็งระยะที่ 4 ชนิดที่มีการแพร่กระจาย ได้แก่
- ระยะที่มีการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง ไปยังอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ไกลออกไปจากเนื้อเยื่อ อวัยวะต้นกำเนิดโรคมะเร็ง เป็นการแพร่กระจายเข้าทางกระแสเลือด มักแพร่กระจายเข้าสู่ปอด ตับ กระดูก ไขกระดูก และสมอง
- ระยะที่โรคมะเร็งแพร่กระจายเข้าสู่กระแสน้ำเหลือง ไปสู่ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไปจากเนื้อเยื่อ อวัยวะต้นกำเนิดมะเร็ง ตัวอย่างเช่น ในโรคมะเร็งปากมดลูก เมื่อมีโรคลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ปากมดลูกคือ ต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกรานช่องท้องน้อย จัดเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3
แต่เมื่อแพร่กระจายตามกระแสน้ำเหลืองไปสู่ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลจากปากมดลูก คือต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องและหรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า จะจัดเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 ชนิดแพร่กระจาย
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคมะเร็งระยะที่เท่าไหร่?
แพทย์โรคมะเร็งจะให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งระยะที่เท่าใด ไปพร้อมๆกับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินสุขภาพของผู้ป่วย วิธีการตรวจที่สำคัญในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งระยะที่เท่าไร คือ การสอบถามประวัติอาการต่างๆ การตรวจไตและสมดุลของเกลือแร่
- เอกซเรย์ปอด ดูการทำงานของปอด หัวใจ และการแพร่กระจายของมะเร็งเข้าสู่ปอด
- ตรวจภาพอวัยวะต้นกำเนิดมะเร็งด้วยการเอกซเรย์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์และเอ็มอาร์ไอ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เพื่อดูการลุกลามของก้อนแผลมะเร็ง
- ตรวจอัลตราซาวนด์ (sonogram) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ตับ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และหรืออาการของผู้ป่วย เพื่อดูการแพร่กระจายของโรคมะเร็งเข้าสู่ตับ
- ตรวจกระดูก อาจโดยการสแกนกระดูกทั้งตัว ตามอาการของผู้ป่วยหรือข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เพื่อดูการแพร่กระจายของโรคมะเร็งเข้าสู่กระดูก
- การตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม ตามอาการของผู้ป่วยและหรือข่อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น การส่องกล้อง การตรวจน้ำไขสันหลัง การตรวจไขกระดูก และการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ เช่น การสแกนกระดูกหรือเพ็กสแกน
โรคมะเร็งมีวิธีรักษาอย่างไร?
วิธีหลักในการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน คือ การผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด ฮอร์โมน (ใช้รักษาเฉพาะโรคมะเร็งชนิดที่มีธรรมชาติของโรคตอบสนองต่อฮอร์โมน)
และการปลูกถ่ายไขกระดูก สเต็มเซลล์ (ใช้รักษาในบางระยะของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่การรักษายังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เกินกว่าผู้ป่วยทุกคนจะเข้าถึง)
ส่วนการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ ก็เช่น ยารักษามุ่งเป้า ชีวสารรักษา การปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ และการปลูกถ่ายไขกระดูก สเต็มเซลล์ในโรคมะเร็งชนิดอื่น (นอกเหนือจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง) ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา และวิธีการเหล่านี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เกินกว่าผู้ป่วยทุกคนจะเข้าถึง
นอกจากนี้ วิธีการรักษาที่สำคัญอีกวิธีหนึ่ง คือ การรักษาประคับประคอง พยุงอาการ การรักษาทางอายุรกรรมทั่วไป ซึ่งใช้รักษาโรคมะเร็งในผู้ป่วยทุกคนและในโรคมะเร็งทุกระยะ และใช้ร่วมกับวิธีการต่างๆ ในการรักษาตัวโรคมะเร็ง (ผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด)
ส่วนการรักษาด้วยการแพทย์สนับสนุนและการแพทย์ทางเลือก มีบางวิธีการที่แพทย์นำมาใช้ร่วมกับวิธีการรักษาหลัก แต่หลายวิธียังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่าได้ประโยชน์
วิธีการรักษาโรคมะเร็งตามระยะโรคเป็นอย่างไร?
วิธีการรักษาโรคมะเร็งตามระยะของโรค ในที่นี้จะกล่าวโดยรวม ซึ่งในโรคมะเร็งบางชนิดหรือในผู้ป่วยบางคน อาจได้รับการรักษาแตกต่างออกไป โดยขึ้นกับอายุและสุขภาพของผู้ป่วย และข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ของผู้ป่วยแต่ละคน
ทั้งนี้ การเลือกใช้วิธีการรักษาตามระยะของโรคมะเร็ง จะได้จากการศึกษาทางการแพทย์ของโรคมะเร็งแต่ละชนิด
- การรักษาโรคมะเร็งระยะที่ 1 เป็นการรักษาเพื่อหวังผลหายขาด อาจใช้วิธีการรักษาหลักเพียงวิธีการเดียว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งหรืออวัยวะที่เป็น เช่น ผ่าตัดเพียงวิธีการเดียวหรือรังสีรักษาเพียงวิธีการเดียว
ยกเว้น เมื่อเป็นโรคระยะที่ 1 แต่เป็นชนิดที่มีความรุนแรงโรคสูง (แพทย์ทราบได้จากลักษณะทางพยาธิวิทยาของโรคมะเร็งชนิดนั้นๆ เช่นมีการลุกลามของเซลล์มะเร็งเข้ากระแสเลือดหรือกระแสน้ำเหลือง) ก็อาจมีการรักษาร่วมกันหลายวิธีการ เช่นการผ่าตัดร่วมกับรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด - การรักษาโรคมะเร็งระยะที่ 2 เป็นการรักษาเพื่อหวังผลหายขาด ในโรคมะเร็งบางชนิดที่มีความรุนแรงของโรคต่ำ อาจยังคงใช้วิธีการรักษาเพียงวิธีการเดียว แต่ส่วนใหญ่มักใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การผ่าตัดร่วมกับรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
- การรักษาโรคมะเร็งระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ชนิดที่มีการลุกลามรุนแรงแต่ยังไม่แพร่กระจาย ในผู้ป่วยที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถึงแม้โอกาสรักษาหายจะต่ำกว่าในโรคมะเร็งระยะที่ 1 และ 2 แต่แพทย์ก็ยังคงให้การรักษาโดยหวังผลหายขาด และมักใช้การรักษาหลายวิธีการร่วมกัน
แต่ในผู้ป่วยที่มีสุขภาพไม่ดีและผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งมักทนผลข้างเคียง แทรกซ้อนจากการรักษาเพื่อการหายขาดไม่ได้ แพทย์จะให้การรักษาด้วยการบรรเทา ประทังอาการ และการรักษาเพื่อประคับประคอง พยุงอาการ การรักษาทางอายุรกรรมทั่วไป
โรคมะเร็งระยะที่ 4 ชนิดที่มีการแพร่กระจาย ซึ่งเป็นโรคในระยะที่รักษาไม่หาย หากผู้ป่วยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แพทย์จะให้การรักษาโดยการบรรเทา ประทังอาการ แต่ถ้าผู้ป่วยสุขภาพไม่ดีหรือเป็นผู้ป่วยสูงอายุ แพทย์จะให้การรักษาโดยการประคับประคอง พยุงตามอาการ การรักษาทางอายุรกรรมทั่วไป
โรคมะเร็งมีโอกาสรักษาหายหรือไม่?
โรคมะเร็งมีโอกาสรักษาหายได้ (อัตราอยู่รอดที่ 5 ปี) แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ ระยะโรคและชนิดของเซลล์มะเร็ง ธรรมชาติของโรคมะเร็งแต่ละชนิด อายุและสุขภาพของผู้ป่วยโดยทั่วไป
- โรคระยะที่ 1 มีอัตราอยู่รอดที่ 5 ปี ประมาณร้อยละ 70-90
- โรคระยะที่ 2 มีอัตราแยู่รอดที่ 5 ปี ประมาณร้อยละ 50-80
- โรคระยะที่ 3 มีอัตราอยู่รอดที่ 5 ปี ประมาณร้อยละ 20-50
- โรคระยะที่ 4 หากเป็นโรคระยะที่ 4 ชนิดลุกลามรุนแรง แต่ยังไม่มีโรคแพร่กระจาย มีอัตราอยู่รอดที่ 5 ปี ประมาณร้อยละ 5-30 แต่ในกลุ่มที่มีโรคแพร่กระจายเข้ากระแสเลือดหรอต่อมน้ำเหลืองระยะไกล มักไม่มีโอกาสอยู่รอดที่ 5 ปี ส่วนใหญ่มักอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 2 ปี
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่พบบ่อย HD รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว
1. อัตราอยู่รอดที่ 5 ปี หมายความว่าอย่างไร?
คำตอบ โรคมะเร็งเกือบทุกชนิดหลังครบการรักษาแล้ว ก็จะมีการติดตามอาการต่อไปอีก 5 ปี หากไม่พบโรคมะเร็งเป็นซ้ำหรือแพร่กระจาย ทางการแพทย์จะถือว่าผู้ป่วยหายขาดจากโรคมะเร็งแล้ว
เพราะโรคมะเร็งส่วนใหญ่ภายหลังรับรักษาครบแล้ว ถ้าจะมีการย้อนกลับเป็นซ้ำหรือการแพร่กระจาย มักเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากครบการรักษา (ประมาณร้อยละ 80-90 เกิดขึ้นภายใน 2-3 ปีหลังครบการรักษา) หรือหากมีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง ก็อาจมีโอกาสกลับมาเป็นได้เช่นกัน
2. โรคมะเร็งย้อนกลับเป็นซ้ำหมายความว่าอย่างไร?
คำตอบ โรคมะเร็งย้อนกลับเป็นซ้ำ หมายถึง ภายหลังการรักษาครบแล้ว แพทย์ตรวจซ้ำไม่พบโรคมะเร็ง แต่เมื่อติดตามโรคระยะหนึ่ง มักนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป กลับตรวจพบว่ามีโรคมะเร็งชนิดเดิมเกิดขึ้นในเนื้อเยื่ออวัยวะเดิม (รอยโรค) และหรือในต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงกับเนื้อเยื่ออวัยวะเดิม
3. โรคมะเร็งชนิดที่ 2 หมายความว่าอย่างไร?
คำตอบ โรคมะเร็งชนิดที่ 2 หมายความว่าเมื่อเป็นโรคมะเร็งชนิดที่หนึ่งแล้ว ยังตรวจพบโรคมะเร็งชนิดใหม่อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคมะเร็งคนละชนิดกับโรคมะเร็งเดิม และมักเกิดในเนื้อเยื่ออวัยวะใหม่ ไม่ใช่เนื้อเยื่ออวัยวะเดิม
4. มีวิธีตรวจคัดกรองให้พบโรคมะเร็งตั้งแต่เริ่มเป็นหรือไม่?
คำตอบ มีเพียงโรคมะเร็งบางชนิด (ส่วนน้อย) เท่านั้น ที่มีวิธีตรวจคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพ ให้พบโรคมะเร็งตั้งแต่เริ่มเป็น โรคมะเร็งโดยส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งปัจจุบันโรคมะเร็งที่มีวิธีตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่
5. มีวิธีป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหรือไม่?
คำตอบ ปัจจุบันมีเพียงโรคมะเร็งปากมดลูกเท่านั้นที่มีวิธีการป้องกันการเกิดที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ที่สำคัญคือ บุหรี่ เหล้า อาหารไม่มีประโยชน์ โรคอ้วน การสำส่อนทางเพศ และสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งแวดล้อม
โรคมะเร็งเป็นโรคที่ยิ่งพบได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสในการรักษาหายขาดก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น คุณจึงควรตรวจสุขภาพ หรือตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำทุกปี