ยาขับเลือด มีอีกชื่อเรียก คือ “ยาสตรี” เป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยา หรือร้านขายของชำ โดยทั่วไปจะประกอบด้วยสมุนไพรชนิดต่างๆ เช่น ตังกุย ขิง ไพล พริกไทย อบเชย ว่านชักมดลูก เทียนดำ เทียนแดง โกฏหัวบัว โกฏสอ
สมุนไพรที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมีฤทธิ์ของฮอร์โมนไฟโตเอสโทรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกของผู้รับประทานยาหนาขึ้น ซึ่งหากไม่มีเด็กทารกในมดลูก เยื่อบุดังกล่าวก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน
สารบัญ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาสตรี
ผู้หญิงหลายคนเข้าใจว่า การรับประทานยาสตรีที่มีฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศหญิง จะช่วยขับตัวอ่อน หรือขับเลือดออกมาได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด และอันตรายอย่างมาก
เนื่องจากยาสตรีเป็นยาที่ใช้สำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือเลือดลมในร่างกายไม่ปกติ เพราะยาจะมีฤทธิ์กระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิง และปรับฮอร์โมนให้ประจำเดือนมาอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่มีผลเกี่ยวกับการทำแท้งแต่อย่างใด ความจริงแล้ว ยาสตรีมีผลตรงข้ามกับการทำแท้งด้วยซ้ำ คือ ทำให้ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้นต่อไป
ห้ามทานยาสตรี ระหว่างตั้งครรภ์
ยาสตรีหลายยี่ห้อยังนิยมใช้แอลกอฮอล์เป็นกระสายยา (ของเหลวสำหรับละลายตัวยา) มีสรรพคุณช่วยบำรุงให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติในผู้ที่มีฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล อย่างไรก็ตาม แอลกอฮอล์ในยาสตรีนั้นมีผลทำลายระบบประสาท และพัฒนาการของทารกได้ ทำให้เมื่อคลอดออกมาแล้ว เด็กจะพิการทางสมอง หรืออวัยวะต่างๆ
ช่วงเวลาที่เสี่ยงอย่างมากที่ยาสตรีจะทำให้ทารกเกิดความผิดปกติ คือ อายุครรภ์ 3 เดือนแรก เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว ทารกกำลังสร้างอวัยวะสำคัญ
ดังนั้น หากทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ คุณควรงดยาสตรีทุกชนิด และปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานยาใดๆ ก็ตาม นอกจากนี้ ยาสตรียังไม่มีผลช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ หรือช่วยคุมกำเนิดอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
ในทางตรงกันข้าม การรับประทานยาสตรีเท่ากับเป็นการเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงจนทำให้ประจำเดือนมาได้ แต่ไม่ได้แก้ที่สาเหตุ หรือความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ หากรับประทานไประยะหนึ่งแล้วประจำเดือนยังมาไม่ปกติ คุณควรไปพบแพทย์แทน ไม่ควรรับประทานยาสตรีต่อเนื่องยาวนาน
ข้อควรระวังในการใช้ยาสตรี
การรับประทานยาสตรีเท่ากับการรับประทานฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มเข้าไปในร่างกาย ในขณะที่ผู้หญิงปกติจะมีฮอร์โมนเพศหญิงมากพออยู่แล้ว ดังนั้นการรับประทานยาสตรีอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ จึงทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์ได้
นอกจากนี้ ยาสตรียังเพิ่มความเสี่ยงทำให้เป็นโรคมะเร็งได้ด้วย โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งโพรงมดลูก หรือโรคมะเร็งรังไข่ และยังเกิดผลเสียต่อตับซึ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นด้วย และอาจเกิดอาการติดสุราได้ ซึ่งเป็นผลมาจากแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นกระสายยาในยาสตรี
อีกทั้งยาสตรียังไม่ควรใช้ในผู้ที่มีโรคตับ และโรคไตร้ายแรง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนในร่างกายด้วย แต่หากต้องการใช้ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการทำแท้งด้วยการใช้ยาอย่างปลอดภัย
สำหรับผู้ที่อยู่ในเงื่อนไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 305 เช่น
- กรณีที่หญิงตั้งครรภ์เพราะถูกข่มขืนกระทำชำเรา
- หญิงที่ตั้งครรภ์อายุไม่ถึง 15 ปี
- หญิงที่ตั้งครรภ์จากการถูกล่อลวง บังคับ ข่มขู่ เพื่อทำอนาจารเพื่อสนองความใคร่ และไม่พร้อมมีบุตร
หากอยู่ในเงื่อนไขตามกฎหมายกำหนด สามารถยุติครรภ์ได้อย่างถูกกฎหมายและถูกวิธีได้ โดยมียาสำหรับยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งการทำแท้งจะต้องทำโดยแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น