ประเทศไทยมีผู้ที่เลี้ยงสุนัขและแมวจำนวนมาก รวมถึงสุนัขจรจัดตามท้องถนนก็เยอะเช่นกัน ทำให้โรคที่มีสุนัขและแมวเป็นพาหะอย่างโรคพิษสุนัขบ้าไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างใด
ในบทความนี้จะพามารู้จักโรคพิษสุนัขบ้าถึงประเด็นที่ควรทราบ ทั้งอาการของโรค ช่วงที่ควรฉีดวัคซีน จำนวนเข็ม รวมถึงข้อควรรู้ต่างๆ อ่านจบแล้วหากเข้าข่ายผู้ที่ควรฉีด ก็สามารถเช็กราคาแพ็กเกจฉีดวัคซีนได้ทันที
สารบัญ
- โรคพิษสุนัขบ้า คืออะไร?
- วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine) คืออะไร?
- ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า?
- วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดกี่เข็ม?
- วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ป้องกันได้กี่ปี?
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร?
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ตรงวัน เป็นอะไรไหม?
โรคพิษสุนัขบ้า คืออะไร?
โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเข้าไปส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง และอาจทำให้เกิดการอักเสบในสมองได้ เชื้อพิษสุนัขบ้าสามารถติดต่อได้จากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัด หรือข่วนจนเป็นแผล
ตัวอย่างสัตว์ที่เป็นพาหะได้ เช่น สุนัข แมว กระต่าย แรคคูน สกั๊งค์ ค้างคาว เมื่อรับเชื้อเข้าไป เชื้อจะมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 4-12 สัปดาห์ก่อนจะเริ่มแสดงอาการ ในบางกรณีอาจแสดงอาการได้ตั้งแต่ภายใน 2-3 วันแรกที่ติดเชื้อ
อาการของพิษสุนัขบ้าในระยะแรก อาจดูคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นเหน็บชา รู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ถูกกัด
แต่เมื่อเชื้อไวรัสเริ่มส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาการอาจแสดงออกได้ทั้งทางร่างกาย และทางจิตประสาท ดังนี้
- ตื่นตัวง่าย
- อารมณ์แปรปรวน
- นอนไม่หลับ
- วิตกกังวล
- สับสัน
- เห็นภาพหลอน
- น้ำลายไหลมากผิดปกติ
- กลืนอาการลำบาก
- กลัวน้ำ
- เป็นอัมพาต
ผู้ติดเชื้อที่เป็นอัมพาต มักมีเวลาฟักตัวของเชื้อนานกว่าอาการทางจิตประสาท แต่อาการจะรุนแรงกว่า และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีป้องกันก็คือการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine) คืออะไร?
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine) คือ การนำเชื้อไวรัสชนิดเชื้อตายมาฉีดให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเรบีส์ หรือเชื้อพิษสุนัขบ้านั่นเอง โดยเชื้อตายจะไม่ทำให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้าจริงๆ แต่อาจมีผลข้างเคียงบ้างในบางกรณี
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสามารถฉีดได้ทั้งก่อนรับเชื้อเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาเตรียมพร้อมไว้ก่อน และควรฉีดกระตุ้นอีกครั้งในกรณีที่ถูกกัดด้วย
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีด้วยกัน 2 ชื่อการค้าหลักๆ ได้แก่
- RabAvert
- Imovax
แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ไม่สามารถป้องกันการติดโรคได้ 100%
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า?
ผู้ที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า อาจมีดังนี้
- ผู้ที่เป็นสัตวแพทย์
- ผู้ที่ต้องดูแลสัตว์ หรือเลี้ยงสัตว์
- ผู้ที่ทำงานในห้องปฎิบัติการเกี่ยวกับพิษสุนัขบ้า
- ผู้ที่สัมผัส หรือมีโอกาสสัมผัสสัตว์ที่มีโอกาสติดเชื้อ
- ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ อาจมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้รับเชื้อ
- ผู้ที่ถูกสัตว์พาหะกัด ข่วน หรือทำให้เป็นแผล
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดกี่เข็ม?
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือการฉีดก่อนรับเชื้อ และการฉีดเมื่อรับเชื้อไปแล้ว
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าก่อนสัมผัสโรค (Pre-exposure prophylaxis rabies: PrEP)
เป็นการฉีดเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคขึ้นมาเช่นเดียวกับวัคซีนชนิดอื่นๆ รายละเอียดการฉีดมีดังนี้
- ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม
- เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 7 วัน
- เข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรค (Rabies Post-Exposure Prophylaxis: Rabies PEP)
การฉีดประเภทนี้เป็นการฉีดวัคซีนหลังจากสงสัยว่ารับเชื้อพิษสุนัขบ้ามาแล้ว เช่น หลังจากถูกสุนัขกัด โดยวัคซีนจะเข้าไปป้องกันเชื้อไวรัสไม่ให้เข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง รายละเอียดการฉีด อาจมีดังนี้
- หากไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน และถูกสุนัขกัด อาจต้องฉีดวัคซีนทั้งหมด 4 เข็ม โดยเข็มแรกจะต้องฉีดให้เร็วที่สุดหลังถูกกัด ซึ่งแพทย์อาจฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (Human rabies immunoglobulin: HRIG) เพื่อฆ่าเชื้อบริเวณแผล จากนั้นจึงรับวัคซีนตามปกติอีก 3 เข็ม โดยวัคซีนปกติเข็มต่อจาก HRIG ฉีดให้วันที่ 3, 7 และ 14 หลังจากเข็มแรกตามลำดับ
- หากเคยรับวัคซีนมาก่อนในอดีตแล้ว อาจฉีดกระตุ้นเพียง 2 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 3 วัน โดยไม่ต้องฉีดอิมมูโนโกลบูลิน แต่ยังคงต้องมารับวัคซีนเร็วที่สุดหลังจากถูกกัดเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนกรณีไหน การรับวัคซีนพิษสุนัขบ้าให้ตรงตามกำหนดที่แพทย์แนะนำมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันเชื้อ
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ป้องกันได้กี่ปี?
ไม่มีระยะเวลาป้องกันของวัคซีนที่ชัดเจน ดังนั้นหากรับเชื้อหรือถูกกัดหลังจากฉีดเข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือนขึ้นไป ต้องกลับมารับวัคซีนกระตุ้นทันที แต่อาจฉีดเพียง 2 เข็ม หรือขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
นอกจากนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงรับเชื้อพิษสุนัขบ้าในชีวิตประจำวัน เช่น เลี้ยงสุนัข ควรรับวัคซีนทุก 2 ปี และหากมีความเสี่ยงสูง เช่น ทำงานในห้องปฎิบัติการตรวจเชื้อพิษสุนัขบ้า อาจต้องฉีดกระตุ้นทุก 6 เดือน ร่วมกับตรวจเลือดเพื่อกำหนดแนวทางการฉีดวัคซีนด้วย
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร?
ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามักพบได้ไม่บ่อย แต่มีความเป็นไปได้ที่จะพบอาการ ดังนี้
- เจ็บ ปวด หรือบวมบริเวณที่ฉีดวัคซีน
- อาจมีอาการปวดหัว หรือเวียนหัว
- อาจมีอาการคลื่นไส้
- อาจมีอาการปวดท้อง
- อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ
แม้ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจะไม่รุนแรง แต่หากมีอาการแพ้สารชนิดใด หรือเคยรับวัคซีนตัวไหนแล้วแพ้มาก่อนในอดีต ควรแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะรับวัคซีน
รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากโรคเรื้อรัง หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียร์รอยด์ (Steroids) ควรแจ้งกับแพทย์ให้ทราบเช่นกัน
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ตรงวัน เป็นอะไรไหม?
การรับวัคซีนให้ครบตามกำหนดมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ดังนั้นหากหากลืมนัดหมายฉีดวัคซีน ควรติดต่อแพทย์เพื่อรับวัคซีนให้ครบตามกำหนด