ชวนรู้จักวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสที่สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งและอาจเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งตับ และตับแข็งได้
สารบัญ
- ไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร?
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร?
- ใครควรฉีดวัคฉีนตับอักเสบบี?
- ใครไม่ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี?
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบฉีดตอนไหน และฉีดกี่เข็ม?
- สิ่งที่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยไหม?
- ผลข้างเคียงของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
- หากลืมนัดฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีทำอย่างไร?
- ข้อควรระวังของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร?
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus: HBV) เป็นไวรัสที่ทำให้ตับเกิดการติดเชื้อและอักเสบ ผู้ติดเชื้อที่อายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันส่วนมากมักไม่มีอาการแสดง
ส่วนผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันอาจเริ่มแสดงอาการภายใน 3 เดือนหลังติดเชื้อ บางรายอาจเกิดอาการติดเชื้อเฉียบพลัน โดยเฉพาะผู้สูงอายที่อายุ 60 ปีขึ้นไป
ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีส่วนมากมักมีอาการในระยะสั้น เมื่อร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาก็จะหายเป็นปกติ
แต่บางคนอาจนำไปสู่การติดเชื้อเรื้อรังมากกว่า 6 เดือน และอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่นตับแข็ง มะเร็งตับ ไวรัสตับอักเสบบีจึงอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตได้
เชื้อสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางเลือดและของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด น้ำลาย และน้ำอสุจิ
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร?
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี คือวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้ตับอักเสบ หากฉีดครบโดสตั้งแต่อายุไม่เกิน 6 เดือน อาจให้ผลป้องกันการติดเชื้อได้ตลอดชีวิต
ระดับภูมิคุ้มกันอาจค่อยๆ น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบเข้าไป ภูมิคุ้มกันก็จะกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ใครควรฉีดวัคฉีนตับอักเสบบี?
ตามที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (Centers for disease control and prevention: CDC) แนะนำ
ผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนควรฉีด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีโอกาสเสี่ยงรับเชื้อมากกว่าคนทั่วไป ดังนี้
- ผู้ที่คนในครอบครัวมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกี่ยวกับตับ เช่น ตับแข็ง ไขมันพอกตับ
- ผู้ที่ติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
- ผู้ที่จำเป็นต้องกินยากดภูมิต้านทาน
- ผู้ที่เดินทางต่างประเทศบ่อยๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีไวรัสตับอักเสบบีเยอะ
- ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างฟอกเลือด
- ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอายุตั้งแต่ 19-59 ปี หากอายุ 60 ปีขึ้นไป แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรฉีดหรือไม่
ใครไม่ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี?
โดยปกติแล้ววัคซีนไวรัสตับอักเสบบีมีความปลอดภัยสูง แต่เช่นเดียวกับวัคซีนหลายๆ ชนิดที่มีข้อยกเว้นบางประการ และควรแจ้งกับแพทย์ก่อนรับวัคซีน ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีอย่างรุนแรงในเข็มแรก
- ผู้ที่ไวต่อยีสต์หรือส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ที่กำลังมีอาการป่วย อาจต้องรอให้หายสนิทก่อนจึงจะมาปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนอีกครั้ง
วัคซีนไวรัสตับอักเสบฉีดตอนไหน และฉีดกี่เข็ม?
ผู้ที่ทำการฝากครรภ์กับแแพทย์มักได้รับคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนตับอักเสบบีตั้งแต่แรกเกิด และจะฉีดครบ 3 เข็มตั้งแต่อายุ 6-18 เดือน
แต่ผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนเลยก็สามารถฉีดได้เช่นกัน เพราะมีโอกาสที่จะรับเชื้อได้เมื่ออายุมากขึ้น
ระยะเวลาการฉีดทั้ง 3 เข็มอาจมีดังนี้
- เข็มแรก สามารถนัดวันและเวลาได้ตามที่สะดวก
- เข็มที่สอง ฉีดห่างจากเข็มแรก 1 เดือน
- เข็มที่สาม ฉีดห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
หากลืมฉีดหรือมีเหตุให้เลื่อนนัด ให้รีบกลับไปปรึกษาแพทย์ทันทีที่สะดวก เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมในการฉีดให้ต่อ
สิ่งที่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
เพื่อลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีหากมีอาการใดๆ ดังต่อไปนี้
- มีไข้ หรือเกิดการติดเชื้อ
- เป็นโรคหัวใจ
- เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
- เป็นโรคไต
- อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือกำลังพยายามมีลูก
- อยู่ระหว่างให้นมบุตร
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมว่าควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี หรือเว้นออกไปก่อน ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยไหม?
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) แนะนำว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ถือว่ายังน้อยกว่าการติดไวรัสตับอักเสบบี
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 ได้มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีไปแล้วกว่า 100 ล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกา และยังไม่มีการรายงานผลกระทบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ผลข้างเคียงของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
โดยปกติวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่บางคนอาจมีผลเคียงเล็กน้อย ดังนี้
- มีผื่นหรือรอยแดงบริเวณที่ฉีด
- ปวดหัว
- เวียนหัว
- อ่อนเพลีย
- อารมณ์แปรปรวน
- เจ็บคอ
- น้ำมูกไหล
- มีไข้
- คลื่นไส้
หากลืมนัดฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีทำอย่างไร?
การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีให้มีประสิทธิภาพจะต้องฉีดให้ครบโดสเท่านั้น หากลืมกำหนดนัดฉีดวัคซีน ให้ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อนัดหมายใหม่ทันทีที่นึกออก
ข้อควรระวังของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
ยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของไวรัสตับอักเสบบี หากใช้ยาใดๆ ดังต่อไปนี้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีน
- ยาที่กดการทำงานของภูมิคุ้มกัน เช่น Adalimumab, Anakinra, Infliximab เป็นต้น
- ยารักษาโรคมะเร็ง
- ยากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น Prednisone, Cortisone
อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวไม่ใช่ทั้งของปัจจัยที่อาจกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนได้ การบอกข้อมูลสุขภาพ ประวัติการใช้ยา อาหารเสริม และสมุนไพรกับแพทย์อย่างครบถ้วน รวมถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จะช่วยให้แพทย์กำหนดแนวทางได้อย่างเหมาะสมขึ้น
โดยสรุปแล้ว แม้จะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้บ้าง หรือบางคนอาจมีอายุเลยวัยที่ควรฉีดมาแล้ว แต่หากเทียบผลกระทบกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ การฉีดวัคซีนป้องกันก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ