มดลูกโต เกิดจากอะไร? ห้ามกินอะไรบ้าง?

มดลูก คือ ส่วนหนึ่งของอวัยวะสืบพันธ์ภายในของผู้หญิง ซึ่งจะประกอบไปด้วย มดลูกที่อยู่ตรงกลาง ปีกมดลูกสองข้างซ้ายและขวา และที่ปลายแต่ละข้างจะมีรังไข่อยู่ ตัวของมดลูกนั้นจะมีลักษณะเหมือนลูกแพรกลับหัว ขนาด 3-4 และ 2.5 นิ้ว และโดยปกติจะอยู่บริเวณลึกเข้าไปข้างในใต้กระดูกหัวหน่าวที่เราคลำได้

อาการภาวะมดลูกโต

ภาวะมดลูกโต คือภาวะที่มดลูกมีการขยายตัวมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นโดยธรรมชาติหรือภาวะผิดปกติ โดยอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย

เมื่อเกิดภาวะมดลูกโตขึ้น จะนำมาซึ่งภาวะรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด รู้สึกหนักบริเวณช่องท้องส่วนล่างเหมือนมีอะไรถ่วง หรือรู้สึกมีก้อนอะไรลอยอยู่ในท้องตอนนอนราบก็ได้

ภาวะมดลูกโตอาจมีสาเหตุจากสิ่งที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่หากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดออกผิดปกติบริเวณช่องคลอด มีอาการปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน ไข้สูง ตกขาวผิดปกติร่วม หรือน้ำหนักลดอย่างผิดสังเกต ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุที่ทำให้มดลูกโดยแบบที่เป็นอันตรายร้ายแรง

สาเหตุที่ทำให้มดลูกโต

ภาวะมดลูกโตหรือมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ อาจมาจากสาเหตุต่อไปนี้

1. การตั้งครรภ์

เมื่อมีการตั้งครรภ์ มดลูกจะขยายตัวใหญ่ขึ้นได้ถึง 1,000 เท่า เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเด็กในท้อง

หากรู้สึกว่ามดลูกโตร่วมกับประจำเดือนขาด ก็สามารถซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจเองก่อนเบื้องต้นที่บ้านได้

2. เนื้องอกมดลูก

เนื้องอกมดลูก เป็นเนื้องอกที่สามารถโตได้จากทั้งภายนอกและภายในมดลูก ผู้หญิง 80% เผชิญกับอาการเนื้องอกมดลูกเมื่ออายุ 50 ปี

เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่มักไม่ใช่เนื้อร้าย แต่มักส่งผลให้มีเลือดประจำเดือนออกมาก ปวดท้องมากระหว่างมีประจำเดือน เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ และปวดหลัง

แต่ถ้าเนื้องอกมดลูกมีขนาดเล็กก็อาจจะไม่มีอาการแสดงออกมา

3. ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

มดลูกโตอาจมาจากภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกแทรกตัวเข้าไปในกล้ามเนื้อของผนังมดลูก

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดประจำเดือนอย่างมาก และ/หรือเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นี้สามารถเกิดได้ที่มดลูกทั้งหมด หรือเกิดขึ้นเฉพาะจุด มดลูกจะโตขึ้นกว่าปกติ 2-3 เท่า

โดยอาการของผู้ป่วยจะคล้ายคลึงหรือทับซ้อนหรือเกิดร่วมกับโรคเนื้องอกมดลูกได้

4. มะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ภายในของผู้หญิง

มะเร็งมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งปากมดลูก ต่างก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มดลูกโตผิดปกติได้

ผู้ป่วยจะมีอาการมีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ ปวดปากช่องคลอด ปวดขณะปัสสาวะ ตกขาวออกผิดปกติ ทั้งปริมาณสีกลิ่น มีไข้ หรือน้ำหนักขึ้นหรือลดอย่างผิดสังเกต

ในที่นี้จะกล่าวถึงภาวะเนื้องอกในมดลูกเป็นหลัก กล่าวคือ เนื้องอกในมดลูกคือการเจริญเติบโตมากผิดปกติของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มีขนาดใหญ่จนแทรกหรือยื่นจากมดลูกปกติ ทำให้มดลูกโตขึ้น

บางทฤษฎีสันนิษฐานว่า ฮอร์โมนเพศหญิงเป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มดลูก มีส่วนเร่งให้เนื้องอกโตขึ้น

เพราะพบว่าส่วนใหญ่เนื้องอกในมดลูกจะมีขนาดเล็กลงหลังวัยหมดประจำเดือน มักเกิดเพียงก้อนเดียวหรือหลายๆ ก้อน และหลายๆ ขนาดแตกต่างกันออกไป

นอกจากนี้ คนที่รับประทานเนื้อแดงมาก รับประทานผักใบเขียว ผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์จากนมน้อย และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะมีความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกมดลูกมากขึ้น

อาการผู้มีภาวะเนื้องอกในมดลูก

ผู้มีเนื้องอกในมดลูก สาเหตุหนึ่งของมดลูกโต มักมีอาการต่อไปนี้

  • ปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว
  • มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่เท่าลูกปิงปองออกมาขณะมีประจำเดือน หรืออาการคล้ายตกเลือดขณะมีประจำเดือน
  • มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เพราะก้อนเนื้อที่มีขนาดใหญ่จะส่งผลให้คนไข้รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง
  • ท้องบวม ท้องโต ปวดเชิงกรานและช่องท้อง
  • ปัสสาวะบ่อย เพราะมดลูกเบียดกระเพาะปัสสาวะ
  • คลำพบก้อนที่ท้องน้อย หากก้อนเนื้องอกโตมากๆ ท้องอาจดูใหญ่เหมือนกำลังตั้งครรภ์
  • เจ็บปวดมากขณะมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากก้อนเนื้องอกอาจโตจนยื่นเข้าไปในช่องคลอด หรืออาจเป็นเนื้องอกตรงปากมดลูก
  • อยู่ในภาวะมีบุตรยากและแท้งบุตรง่าย เนื่องจากเนื้องอกที่โตเข้าไปในมดลูกอาจทำให้ท่อนำไข่อุดตันและขัดขวางการฝังของตัวอ่อน

เป็นมดลูกโต สามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่?

เป็นมดลูกโตแล้วจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้มดลูกโต เช่น หากเป็นมดลูกโตจากเนื้องอก การจะดูว่าผู้ป่วยสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาที่ชนิด ขนาด ตำแหน่ง และจำนวนของเนื้องอกมดลูก

ถ้าเป็นมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นั้นสามารถตั้งครรภ์ได้และการตั้งครรภ์จะทำให้อาการของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สงบลงคืออาการปวดท้องประจำเดือนจะหายไป แต่ในทางกลับกันตัวโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เองก็เป็นสาเหตุนึงของการมีบุตรยากฉะนั้นผู้ป่วยท่านใดที่มีภาวะดังกล่าวก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าเป็นมดลูกโตจากมะเร็งมาก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาตัวโรคมะเร็งให้หายและสงบก่อน มะเร็งบางชนิดหลังจากที่โรคสงบแล้วจะสามารถตั้งครรภ์ได้แต่บางชนิดก็ไม่แนะนำให้ตั้งครรภ์ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญทั้งโรคมะเร็งเองและแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ก่อนการตัดสินใจตั้งครรภ์

การรักษามดลูกโต

คนไข้ที่มดลูกโตและมีอาการอื่นๆ ที่ค่อนข้างรุนแรง สามารถทำการรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

การรักษาโดยการผ่าตัด แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1. การตัดเฉพาะเนื้องอก (Myomectomy)

เป็นวิธีรักษามดลูกโตที่มักทำในคนไข้รายที่อายุน้อยหรือยังมีความต้องการมีบุตร

โดยสามารถผ่าตัดส่องกล้องหรือผ่าตัดเปิดหน้าท้อง โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดและขนาดของเนื้องอก รวมทั้งบริเวณที่เกิดเนื้องอก

2. การตัดมดลูก (Hysterectomy)

การผ่าตัดมดลูกสามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีก ได้แก่

  • การผ่าตัดมดลูกและปากมดลูกออกทั้งหมด (Total Hysterectomy) เป็นการผ่าตัดนำเอามดลูกและปากมดลูกซึ่งเป็นทางเข้าสู่มดลูกที่อยู่ติดกับช่องคลอดด้านในสุดออกไปทั้งหมด เป็นวิธีการผ่าตัดมดลูกที่ใช้มากที่สุด
  • การผ่าตัดเฉพาะส่วนของมดลูก (Subtotal Hysterectomy) เป็นการผ่าตัดนำมดลูกออกไปโดยเหลือส่วนของปากมดลูกไว้เช่นเดิม
  • การผ่าตัดนำมดลูก ปากมดลูก ท่อนำไข่ และปีกมดลูกออกไปทั้งหมด (Total Hysterectomy with Bilateral Salpingo-Oophorectomy)
  • การผ่าตัดมดลูกแบบถอนราก (Radical Hysterectomy) เป็นการผ่าตัดนำเอามดลูกและเนื้อเยื่อในบริเวณที่ใกล้เคียง อย่างท่อนำไข่ ปีกมดลูก ต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อไขมัน รวมถึงเนื้อเยื่อบางส่วนของช่องคลอดออกไปด้วย วิธีนี้มักถูกนำมาใช้เมื่อต้องการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง

เป็นมดลูกโต ควรกินอะไร ไม่ควรกินอะไร?

ผู้ป่วยที่มีมดลูกโต ไม่ว่าจะสาเหตุอะไรก็ตามก็ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นหนักในอาหารที่มีกากใยและไฟเบอร์

ควรงดเว้นของที่มีปริมาณไขมันมากๆ หรือของที่พลังงานสูง เนื่องจากจะทำให้น้ำหนักในร่างกายเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้ปริมาณมวลไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้นตาม

ซึ่งจะนำมาถึงระดับฮอร์โมนต่างๆในร่างกายผิดปกติไปได้ ซึ่งฮอร์โมนบางตัวอาจจะทำให้โรคที่เป็นสาเหตุของมดลูกโตกำเริบขึ้น


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจมะเร็งสำหรับผู้หญิง

Scroll to Top