ฮอร์โมน (Hormone) คือ สารเคมีในร่างกายที่ผลิตขึ้นจากกลุ่มเซลล์ในต่อมไร้ท่อต่างๆ เช่น ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) มดลูก รังไข่ ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ฮอร์โมนแต่ละชนิดในร่างกายจะมีหน้าที่เฉพาะ แล้วเดินทางด้วยกระแสเลือด เพื่อไปบอกอวัยวะต่างๆ ว่าต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง เช่น บอกให้นอน ให้หิว ให้เกิดการเผาผลาญพลังงาน ให้มีความรู้สึกนึกคิดต่างๆ รวมถึงมีอารมณ์ทางเพศ
หากฮอร์โมนผิดปกติ ไม่ว่ามีมากไปหรือน้อยไป ก็จะส่งผลให้ระบบของร่างกายผิดเพี้ยนไปด้วย เพราะร่างกายจะรับข้อมูลที่ผิดเพี้ยนนั่นเอง
สารบัญ
ตรวจฮอร์โมนเพื่ออะไร?
การตรวจฮอร์โมน เป็นการทำเพื่อให้รู้ว่าฮอร์โมนแต่ละชนิดมีการหลั่งออกมามากหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่ เป็นหนึ่งในวิธีหาสาเหตุของความผิดปกติในร่างกาย เมื่อทราบว่าฮอร์โมนใดที่ผิดปกติแล้ว ก็สามารถสืบย้อนกลับไปได้ว่าฮอร์โมนตัวนั้นหลั่งออกมาจากต่อมใดจนพบปัญหาที่แท้จริง และแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง ตรงจุด
หากแพทย์มีกังวลเกี่ยวกับต่อมใดๆ ในร่างกาย ก็อาจแนะนำให้ตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ X-Ray เพิ่มเติมเพื่อหาสัญญาณความผิดปกติ เช่น ต่อมใต้สมอง มดลูก อัณฑะ รังไข่ และต่อมไทรอยด์
ตรวจฮอร์โมนทำอย่างไร?
การตรวจฮอร์โมนทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ใช้กันมากที่สุดก็คือการตรวจระดับฮอร์โมนจากเลือด เพราะสามารถตรวจได้ทั้งระบบฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) คอร์ติซอล (Cotisol) และฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid)
ผู้ที่เข้ารับการตรวจฮอร์โมนควรเลือกโปรแกมตรวจให้เหมาะสมกับเพศของตนเอง เช่น ผู้หญิงอาจเลือกโปรแกรมที่เน้นตรวจฮอร์โมนเพศที่ต่างกับผู้ชาย
การตรวจอีกประเภทที่พบได้ทั่วไปคือการตรวจฮอร์โมนจากน้ำลาย ก็สามารถตรวจระดับฮอร์โมนได้หลายชนิดเช่นกัน เช่น เอสตราดิออล (Estradiol) โปรเจสเตอโรน (Testosterone) แต่ได้รับความนิยมน้อยกว่าการตรวจเลือดมาก
อาการแบบไหน อาจเกี่ยวกับฮอร์โมนผิดปกติ?
เนื่องจากฮอร์โมนเดินทางผ่านกระแสเลือดที่ไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ทำให้อาการของฮอร์โมนผิดปกตินั้นค่อนข้างกว้างและเกิดขึ้นได้กับหลายส่วน ต่อไปนี้คือตัวอย่างอาการที่อาจเกี่ยวกับฮอร์โมนผิดปกติ
- เหนื่อยล้า บางรายอาจกล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดเมื่อย
- ท้องผูก ลำไส้ทำงานผิดปกติ
- ผิวแห้ง
- สิวขึ้นผิดปกติ
- หัวใจเต้นเร็วขึ้นหรือช้าลงผิดปกติ
- ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำ หิวข้าวบ่อย
- ผมบาง ผมร่วงง่าย
- ความต้องการทางเพศลดลง ประจำเดือนผิดปกติ
- บางรายอาจมีบุตรยาก
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า วิตกกังวล
แต่อย่างไรก็ตาม ฮอร์โมนเป็นหนึ่งในปัจจัยของอาการเหล่านี้เท่านั้น หากมีอาการดังที่กล่าวไปเกิดขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดจากฮอร์โมนเสมอไป
สาเหตุที่อาจทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ
สาเหตุที่อาจทำให้ฮอร์โมนผิดปกตินั้นแตกต่างไปตามชนิดฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ก็อาจเกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาเยอะเกินไปจนทำให้การเผาผลาญมากหรือน้อยเกินไป โดยปัจจัยที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกตินั้นก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วย เช่น โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ยาที่ใช้ มะเร็งไทรอยด์ และอื่นๆ
ต่อไปนี้เป็นสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ที่ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ
- โรคเบาหวาน ส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) เกิดความผิดปกติ และอาจกระทบไปถึงฮอร์โมนเอสโตรเจน ไทรอยด์ โปรเจสเตอโรน และคอร์ติซอลด้วย
- ยาที่ใช้ ยาบางชนิดส่งผลต่อความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนบำบัด ยารักษาโรคมะเร็ง
- อาการบาดเจ็บบางชนิด อาจส่งกระทบถึงการผลิตฮอร์โมน โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่กระทบกับสมอง
- ความเครียด โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดสะสมเรื้อรัง ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติได้
- การใช้ชีวิต เช่น การกินอาหารโภชนาการไม่เหมาะสม หรือกินอาหารที่คิดว่าดีต่อสุขภาพ แต่เลือกใช้ส่วนผสมที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนเป็นประจำ เช่น ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
- การรับเอาสารเคมีปนเปื้อนเข้าร่างกาย มักพบได้ในอาหาร เช่น ยาฆ่าแมลงในผักผลไม้ ยาฆ่าเชื้อในเนื้อสัตว์ เป็นต้น
- ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism) โดยปกติต่อมไทรอยด์จะหลั่งฮอร์โมนออกมาเพื่อควบคุมการทำงานของหัวใจ สมอง และกล้ามเนื้อ ทำให้คุณมีพลังงานเพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักขึ้น เป็นต้น
- ความผิดปกติของต่อมหมวกไต (Congenital Adrenal Hyperplasia: CAH) ทำให้ขาดเอนไซม์จากต่อมหมวกไต ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ ความดันเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน
- กลุ่มอาการคุชชิง (Cushing Syndrome) เกิดจากการที่ร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงเกินไป ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ความดันเลือด และเป็นหนึ่งในสาเหตุของสิว น้ำหนักขึ้น ผิวช้ำง่าย เป็นต้น
- โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease) ส่งผลให้ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอ จนรู้สึกอ่อนเพลีย ความดันเลือดต่ำ น้ำหนักลด
- กลุ่มอาการเทอร์เนอร์ (Turner’s syndrome) เกิดจากโครโมโซมผิดปกติและอาจตรวจพบได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา โดยอาจทำให้โตช้า และมีรอบเดือนผิดปกติ
- กลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ (Prader-Willi Syndrome) เป็นอีกหนึ่งอาการจากพันธุกรรมที่ส่งผลต่อสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) และต่อมใต้สมอง ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีบทบาทสำคัญต่อฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ผู้ที่มีกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ จึงอาจมีฮอร์โมนเพศต่ำ
- ตับอ่อนอักเสบ ตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนหลายชนิด เมื่อตับอ่อนอักเสบจึงมีส่วนทำให้ฮอร์โมนหลายชนิดผิดปกติ เช่น อินซูลิน กลูคากอน (Glucagon) และฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone)
อย่างไรก็ตาม การจะวินิจฉัยว่าฮอร์โมนผิดปกตินั้นเกิดจากอะไรนั้นควรปรึกษาแพทย์ และบอกข้อมูล ประวัติการรักษาให้แพทย์ทราบโดยครบถ้วน เพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำยิ่งขึ้น
ตัวอย่างชนิดฮอร์โมนที่สำคัญ
ตัวอย่างฮอร์โมนที่ทำหน้าที่สำคัญในร่างกาย ซึ่งมักมีในรายการตรวจฮอร์โมน เช่น
- ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ช่วยในการนำน้ำตาลเข้าเซลล์เพื่อไปใช้ให้พลังงาน
- ฮอร์โมนไทรอยด์ (TSH, T3, T4) ทำหน้าที่ควบคุมหลายระบบในร่างกาย เช่น ควบคุมน้ำหนักและการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย เกี่ยวข้องกับการสร้างผิว ผม เล็บ เป็นต้น
- ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต (Cortisol, Aldosterone, DHEA) ช่วยกำจัดความเครียด ควบคุมสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ
- ฮอร์โมนเสริมสร้างและช่วยในการเจริญของเซลล์ (Growth hormone, IGF-1) เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิซึม การเจริญเติบโต และการฟื้นฟูของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
- ฮอร์โมนเพศ (Estradiols, Progesterone, LH, FSH, Testosterone) ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายและการทำงานของระบบสืบพันธุ์
อย่างไรก็ตาม การตรวจฮอร์โมนอาจไม่ใช่วิธีเฉพาะเจาะจงอันดับแรกๆ หลังจากเข้าไปพบแพทย์