การสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) นับเป็นการกำจัดไขมันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เพราะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (The Food and Drug Administration: FDA) ในปี 2010 ว่าเป็นการขจัดไขมันที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดเซลล์ไขมันส่วนเกินออกจากใต้ผิวหนังได้อย่างถาวร และมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าการผ่าตัดไขมันแบบเดิม
สารบัญ
- สลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร?
- ข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็น
- ข้อเสียของการสลายไขมันด้วยความเย็น
- สลายไขมันด้วยความเย็นทำส่วนไหนได้บ้าง?
- ใครเหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น?
- ใครห้ามสลายไขมันด้วยความเย็น?
- การเตรียมตัวก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น
- ขั้นตอนการสลายไขมันด้วยความเย็น
- การดูแลตัวเองหลังสลายไขมันด้วยความเย็น
- ผลลัพธ์ของการสลายไขมันด้วยความเย็น
- สลายไขมันด้วยความเย็นเจ็บไหม
- สลายไขมันด้วยความเย็นกี่ครั้งเห็นผล
สลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร?
การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นการใช้เทคโนโลยีเครื่อง CoolSculpting โดยมีหลักการทำงาน คือ การส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็งลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อทำให้ไขมันค่อยๆ ตายไปด้วยความเย็นแล้วจึงถูกขับออกมาจากร่างกาย ส่งผลให้รูปร่างกระชับสมสัดส่วนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
โดยกระบวนการสลายไขมันด้วย CoolSculpting ไม่ทำให้เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีดยาชาหรือใช้ยาสลบ ไม่ทำให้เกิดรอยแผล ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นภายหลังทำ ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
เครื่อง CoolSculpting เป็นเครื่องมือส่งความเย็นผ่านหัวดูดผิว (Vacuum) โดยหัวดูดนี้จะประกบดูดกับผิวหนังบริเวณที่จะทำ แล้วส่งความเย็นลงไปสู่ไขมันที่สะสมใต้ผิวหนัง
จากนั้นจะปล่อยความเย็นในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง -11 ถึง -13°C ไปยังไขมันใต้ผิวหนังให้แข็งตัวและเกาะเป็นผลึก โดยคลื่นความเย็นจะเกาะเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้น ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียงอื่น และการทำแต่ละครั้งจะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ประมาณ 25-30% แล้วค่อยๆ กำจัดออกทางระบบขับถ่ายของเสียของร่างกาย ส่วนเซลล์ไขมันที่เหลือจากการสลายก็จะเรียงตัวใหม่ ชั้นไขมันจะบางลง จึงทำให้รูปร่างดูสมส่วน และกระชับมากขึ้น
ข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็น
- กำจัดเซลล์ไขมันเฉพาะจุดแบบถาวร
- สัดส่วนกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ไม่ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง
- ไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก โดยไม่ทำให้ผิวหนังไหม้จากความเย็น
- ไม่เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง
- ไม่ต้องฉีดยา หรือใช้ยาชาระหว่างทำ
- ไม่มีบาดแผลเพราะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น
- ใช้เวลาในการสลายเซลล์สั้น ประมาณ 35 นาทีต่อครั้ง สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ถึง 25-30%
- ช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำการสลายไขมัน เนียนเรียบและกระชับขึ้น
- ไขมันที่เหลือจะจัดเรียงตัวใหม่ มีการกระจายตัวอย่างสมดุล ส่งผลให้ชั้นไขมันบางลงและมีสัดส่วนเล็กลง
ข้อเสียของการสลายไขมันด้วยความเย็น
การสลายไขมันด้วยความเย็น มีข้อเสียอยู่เพียงเล็กน้อย ได้แก่
- รู้สึกตึงรั้ง และไม่สบายผิว บริเวณผิวหนังระหว่างที่ทำ
- รู้สึกเจ็บ ปวด แสบบริเวณผิวหนังในช่วง 2 สัปดาห์หลังการทำ จากนั้นจะค่อยๆ หายไป
- มีรอยแดง บวม ช้ำ และคันผิวหนังในบริเวณที่ทำ
- มีอาการข้างเคียง เช่น ร้อนวูบวาบ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เหงื่อออกหลังการทำ เป็นต้น แต่พบได้น้อยมาก
- ขจัดไขมันได้น้อยกว่าการดูดไขมัน แต่ปลอดภัยกว่า และเจ็บน้อยกว่า
สลายไขมันด้วยความเย็นทำส่วนไหนได้บ้าง?
การสลายไขมันด้วยความเย็นเป็นการขจัดไขมันแบบเฉพาะเจาะจง เช่น บริเวณเหนียงใต้คาง ต้นแขนด้านใน เนื้อส่วนเกินบริเวณรักแร้ หน้าอก ปีกด้านหลัง หน้าท้องบน-ล่าง รอบเอว ไขมันส่วนเกินข้างสะโพก บั้นท้าย ต้นขาด้านใน-นอก เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันลงถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันมีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีความไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์อื่นของร่างกาย ดังนั้นการใช้อุณหภูมิเย็นเพื่อสลายไขมันออกไป จึงสามารถทำได้ผลดีในทุกจุดทั้งในบริเวณพื้นผิวกว้างและผิวส่วนแคบของร่างกาย ข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็น
ใครเหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น?
การสลายไขมันด้วยความเย็น สามารถทำได้เกือบทุกคน หากมีความต้องการกำจัดเซลล์ไขมันในจุดที่กำจัดได้ยากออก และไม่ต้องการให้มีเซลล์ไขมันกลับมาอีก โดยผู้ที่เหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น ได้แก่
- ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด
- ผู้ที่ออกกำลังกาย แต่ไม่สามารถลดไขมันในบางจุดได้
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ หน้าท้องหนา เอวหนา เหนียงใต้คาง ท้องแขนย้วย ต้นแขนใหญ่ ต้นขาใหญ่ ปีกสะโพกบาน หรือ สะโพกใหญ่
ใครห้ามสลายไขมันด้วยความเย็น?
ผู้ที่ห้ามทำการสลายไขมันด้วยความเย็น ได้แก่
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์
- ผู้ที่รับการผ่าตัดคลอดบุตรน้อยกว่า 6 เดือน
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการมีประจำเดือน
- ผู้ที่แพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น
- ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือผู้ที่เป็นโรคเลือดที่มีการแข็งตัวผิดปกติเมื่อสัมผัสกับความเย็น
- ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวตามปกติ
- ผู้ที่เป็นโรคไส้เลื่อน
- ผู้ที่ติดอุปกรณ์ในร่างกาย อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์ควบคุมการเต้นของหัวใจ
- ผู้ที่เพิ่งผ่าตัด หรือมีแผลผ่าตัด ในบริเวณที่จะทำการสลายไขมันน้อยกว่า 6 เดือน
- ผู้ที่มีแผลเปิด ผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ ในบริเวณที่จะทำการสลายไขมัน
การเตรียมตัวก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น
การสลายไขมันด้วยความเย็น ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่ใช่วิธีการดูดหรือการผ่าตัดไขมัน แต่จะคล้ายกับการทำทรีตเมนต์ทั่วไป ดังนั้นผู้รับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยสามารถเตรียมตัว ดังนี้
- รับประทานอาหาร และดื่มน้ำ ตามปกติ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- งดอาหารอย่างน้อย 1 ชม. หากทำการสลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณช่วงท้อง
ขั้นตอนการสลายไขมันด้วยความเย็น
การสลายไขมันด้วยความเย็น มีขั้นตอนการทำไม่นาน และไม่ยุ่งยาก ดังนี้
- ตรวจประเมินร่างกายเพื่อวางแผนและกำหนดจุดที่จะทำการสลายไขมันอย่างครอบคลุม
- แพทย์วางแผ่นเจลปกป้องผิว จากนั้นประกบหัวดูด (Vacuum) บริเวณเป้าหมาย
- แพทย์ทำการตรวจวัดอุณหภูมิให้อยู่ในระดับเหมาะสม ก่อนจะปล่อยคลื่นความเย็นเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง
- แพทย์ปล่อยลมเย็นต่อเนื่องกันครั้งละ 30-35 นาที ขึ้นอยู่ที่จุดที่ทำ
- จากนั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือนวดบริเวณที่ทำประมาณ 2-5 นาที ถือเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการสลายไขมัน
- แพทย์แนะนำการดูแลตัวเอง และอาจวางแผนหรือแนะนำให้ทำซ้ำหลังจากการทำครั้งแรกประมาณ 2 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พอใจยิ่งขึ้น
- กลับบ้านได้โดยไม่ต้องพักฟื้น
การดูแลตัวเองหลังสลายไขมันด้วยความเย็น
การดูแลตัวเองหลังการสลายไขมันด้วยความเย็น จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้ระยะยาวขึ้น โดยควรปฏิบัติดังนี้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งดทำทรีตเม้นท์ที่ตำแหน่งอื่นด้วยวิธี CoolSculpting ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- งดประคบร้อน และนวด ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม และทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวขึ้นได้อีก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ผลลัพธ์ของการสลายไขมันด้วยความเย็น
การสลายไขมันด้วยความเย็น จะทำให้เซลล์ไขมันที่ถูกคลื่นความเย็นค่อยๆ ถูกขับออกทางระบบขับถ่ายของเสียตามธรรมชาติ โดยจะเริ่มเห็นผลได้ใน 3 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นหลัง 3 เดือน เพราะร่างกายขจัดเซลล์ไขมันที่ตายออกจากชั้นไขมันใต้ผิวหนังจนหมด จึงทำให้สัดส่วนกระชับและผิวเรียบเนียนขึ้น ทั้งนี้ในการทำแต่ละครั้งจะกำจัดเซลล์ไขมันออกได้ประมาณ 20–30% เท่านั้น ขึ้นอยู่กับจุดที่ทำและคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ด้วย
สลายไขมันด้วยความเย็นเจ็บไหม
ในระหว่างการสลายไขมันด้วยความเย็น ผู้รับบริการจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย พร้อมกับรู้สึกแสบ และชาแปลบๆ ที่บริเวณผิวที่ทำ โดยในช่วง 5-10 นาทีแรก จะรู้สึกไม่สบายผิว ตึง รั้ง เนื่องจากความแน่นของหัวเครื่องมือที่ค่อยๆ ดูดบริเวณผิว จากนั้นจะรู้สึกเย็นก่อนจะรู้สึกชา และปวดเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อได้รับลมเย็นต่อเนื่องจนครบ 30-35 นาที หลังจากการสลายไขมันในช่วง 1-2 สัปดาห์ จะยังรู้สึกเมื่อย และคันบริเวณผิว และในช่วงระยะ 3-4 สัปดาห์ บางคนอาจยังมีอาการชาอยู่บ้าง แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเอง พร้อมกับผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน
สลายไขมันด้วยความเย็นกี่ครั้งเห็นผล
การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นการขจัดเซลล์ไขมันแบบถาวร สามารถเห็นผลได้ในครั้งแรก แต่แพทย์อาจแนะนำให้ทำซ้ำครั้งที่ 2 หลังจากการทำครั้งแรกประมาณ 2 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่งขึ้น ซึ่งผู้รับบริการจะสามารถเห็นสัดส่วนที่กระชับขึ้นใน 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับไขมันบริเวณที่ทำ ทั้งนี้แพทย์อาจวางแผนและแนะนำให้ทำ 4 ครั้งต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เป็นการกำจัดไขมันได้ถาวร และหากไม่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ไขมันบริเวณนั้นก็จะไม่กลับมาอีก
การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นวิธีขจัดไขมันที่มีความปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเจาะผิวหนัง ไม่ทำให้มีอาการเจ็บเพราะบาดแผล และไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการกำจัดไขมันวิธีอื่น ดังนั้นการสลายไขมันด้วยความเย็น จึงเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญราคาย่อมเยากว่าการขจัดไขมันวิธีอื่น แต่ปัจจัยหลักที่ผู้รับบริการควรศึกษาและเลือกสรรให้ดี คือ การใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเกิดผลข้างเคียงตามมาน้อยที่สุด