ผิวหน้าที่ดูขาวกระจ่างใส เนียนละเอียด และปราศจากริ้วรอยหรือจุดด่างดำต่างๆ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของผู้คนทั่วไปอย่างแน่นอน การทายารักษาภายนอกเพื่อให้เผยผิวสวยนั้นก็สามารถทำได้ แต่ยังมีวิธีหนึ่งที่ได้ผลรวดเร็วและชัดเจน อีกทั้งตอบสนองความต้องการของคนรักสวยรักงามได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือวิธี Q-switched
สารบัญ
Q-switched คืออะไร
Q-switched เป็นการลบรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำด้วยการใช้คลื่นแสง เมื่อทำแล้วจะส่งผลให้ลดการสร้างเม็ดสีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ผิวที่สร้างใหม่นั้นจะแลดูกระจ่างใส อ่อนวัย มีความนุ่มและเรียบเนียน และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะต้องทำประมาณ 3 – 6 ครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับความตื้นลึกของเม็ดสีของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน
วิธีการทำงานของ Q-switched
ก่อนการทำ Q-switched จะต้องทายาทิ้งไว้ประมาณ 40 – 60 นาที จากนั้นทำการยิงเลเซอร์ใช้เวลาประมาณ 10 – 30 นาที ซึ่งอาจจะมีอาการแสบร้อนบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นอาจมีผิวหน้าแดงบ้าง โดยพลังงานแสงที่ปล่อยออกมาจะทำให้เม็ดสีในบริเวณที่กำจัดนั้นแตกตัวออก ต่อจากนั้นเม็ดเลือดขาวจะดูดซึมเม็ดสีเหล่านี้และย่อยสลายเม็ดสีที่ผิดปกติ แล้วจะถูกกำจัดด้วยการขับเป็นของเสียออกจากร่างกาย
การทำ Q-switched ครั้งแรกมักได้ผลประมาณ 80 % แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะต้องทำประมาณ 3 ครั้ง โดยเว้นห่างกันครั้งละ 3 – 6 สัปดาห์ ซึ่งขึ้นอยู่กับแพทย์ผิวหนังที่เป็นผู้วางแผนการรักษา และหลังการทำอาจเกิดเป็นสะเก็ดเล็กๆ หรือรอยดำในบริเวณที่ทำ แต่จะหลุดออกจนหมดภายใน 1 – 2 สัปดาห์
ข้อดีของการทำ Q-switched
การทำ Q-switched เป็นการรักษาที่ได้ผลดีในผิวบริเวณที่มีฝ้า กระ ปานดำ จุดด่างดำที่บริเวณโหนกแก้ม รวมถึงรอยสักตามร่างกาย เช่น คิ้ว ลบรอยดำคล้ำที่บริเวณปาก ลบปานดำ รอยสิว รอยแผลเป็น และช่วยกระชับรูขุมขน โดยสามารถทำได้ทุกคน ยกเว้นผู้ที่เป็นสิวอักเสบอาจทำให้เพิ่มจำนวนสิวขึ้นได้
ข้อเสียของการทำ Q-switched
ขณะทำการรักษาด้วย Q-switched อาจรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยเหมือนโดนเข็มจิ้มเบาๆ ทั้งนี้แพทย์อาจป้องกันไว้ด้วยยาชา เพื่อลดอาการเจ็บหรือบางรายอาจมีอาการแสบร้อนในบริเวณที่ทำได้
วิธีดูแลตัวเองก่อนการทำ Q-switched
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำเพื่อทำความเข้าใจและลดความกังวลต่างๆ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง หรือมีอาการแพ้ยา จะต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำเสมอ
- ไม่ควรรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อหลีกเลี่ยงการที่เลือดจะออกนานขณะทำเลเซอร์ เช่น ยาแอสไพริน
- ห้ามโดนแดดอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ รวมทั้งงดการใช้เครื่องสำอางหรือครีมต่างๆ ในบริเวณที่จะทำ
วิธีดูแลตัวเองหลังการทำ Q-switched
- หลังการทำ Q-switched ผิวยังคงบอบบาง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด 1 สัปดาห์
- ไม่ควรให้แผลถูกน้ำ 24 ชั่วโมง และไม่ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่ทำ Q-switched แต่ให้ใช้น้ำเกลือล้างแผลแล้วทายาด้วยขี้ผึ้งวาสลีนจนกว่าแผลจะหาย
- ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันการโดนแสงแดดหรือแสงต่างๆ ที่จะตกกระทบ โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป
- หาเสื้อผ้า หมวก หรือร่มเพื่อป้องกันแสงแดดหลังการทำ Q-switched
อันตรายและข้อควรระวังในการทำ Q-switched
ควรศึกษาและเลือกสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน เพราะเครื่อง Q-switched มีหลายระดับ ซึ่งจะมีผลต่อการรักษา หากเครื่องมีมาตรฐานดีจะเห็นผลตั้งแต่การทำครั้งแรกๆ และต้องกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์เท่านั้น
ราคาของการทำ Q-switched
ส่วนใหญ่จะเป็นแพ็กเกจเริ่มตั้งแต่ 1,000 – 15,000 บาท หากจำนวนครั้งมากก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นไปด้วย โดยราคาจะคิดตามจำนวนครั้งที่เข้ารับการรักษาด้วยการทำ Q-switched นั่นเอง
นับว่า Q-switched เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความกระจ่างใสบนใบหน้า เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และราคาก็มีให้เลือกตามความพึงพอใจจากสถานเสริมความงามต่างๆ หลายที่
ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการลบฝ้า กระ จุดด่างดำ
นอกเหนือจากเทคโนโลยี Q-switched ที่สามารถลบขจัดรอยดำต่างๆ ออกไปได้แล้ว ยังมีอีกนวัตกรรมใหม่ล่าสุดซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “พิโค่เวย์ (Picoway)” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเครื่องเลเซอร์ใหม่ล่าสุด ที่สามารถแก้ปัญหาสภาพผิวได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีความแม่นยำ เห็นผลไว และมีประสิทธิภาพสูง
นอกจากนี้ เครื่อง Picoway ยังถือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถส่งเลเซอร์ไปยังชั้นผิวได้ลึกกว่าเลเซอร์รุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมาด้วย และยังเป็นเลเซอร์พลังงานความเร็วสูงถึงระดับ Picosecond หรือระดับหนึ่งส่วนล้านล้านวินาที ซึ่งใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อย ไม่ต้องพักฟื้น และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวของคุณแข็งแรง เรียบตึง และเปล่งปลั่งยิ่งกว่าเดิม
ผู้ที่เหมาะกับการทำเลเซอร์กับเครื่อง Picoway จะมีความใกล้เคียงกับผู้ที่รักษาผิวด้วยเทคโนโลยี Q-switched ซึ่งได้แก่ ผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ ปานดำ มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีบนผิวหนัง ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รอยสิว มีรอยดำหรือรอยแผลเป็นจากผิว ผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง ผู้ที่ผิวแตกลาย และผู้ที่ต้องการลบรอยสัก