โยเกิร์ตถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แต่คุณควรทราบว่าโยเกิร์ตแบบใดที่เหมาะสม บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับการเลือกโยเกิร์ตที่เหมาะสมที่สุดในผู้ป่วยเบาหวาน จากการศึกษาแบบ meta-analysis ของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า การกินโยเกิร์ตทุกวันทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดลงถึง 17% อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับชนิดของโยเกิร์ตด้วย
สารบัญ
ต้องมองหาอะไรในโยเกิร์ต?
ในโยเกิร์ตประเภทที่ดีที่สุด คุณจะได้รับ
- โปรตีน
- คาร์โบไฮเดรต
- แคลเซียม
- แบคทีเรีย probiotic
ในปริมาณที่เหมาะสม และจะไม่ได้น้ำตาลหรือไขมันอิ่มตัวมาก หมายความว่าโยเกิร์ตที่เหมาะสมควรเป็นโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันเพื่อลดการเพิ่มของน้ำตาล
คุณควรเลือกซื้อโยเกิร์ตชนิดธรรมดา หากคุณต้องการรสชาติเพิ่มเติม คุณอาจเติมแยมหรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาลงไปในโยเกิร์ต
โยเกิร์ตแบบกรีก ของว่างชั้นดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โยเกิร์ตแบบกรีก คือโยเกิร์ตที่ผ่านการนำไขมันในนมออกไป ทำให้เหลือแต่โยเกิร์ตที่ข้นขึ้นและอุดมไปด้วยโปรตีน ต่างจากโยเกิร์ตธรรมดาที่ยังมีไขมันจากนมผสมอยู่ คุณสามารถหาซื้อโยเกิร์ตชนิดนี้ได้ที่บริเวณที่ขายผลิตภัณฑ์จากนมในร้านขายของชำทั่วไป โยเกิร์ตชนิดนี้จะเหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยมีส่วนประกอบและคุณสมบัติต่อไปนี้
- ให้พลังงานได้มากถึง 20 กรัม เทียบกับโยเกิร์ตชนิดธรรมดาที่จะให้โปรตีน 5 กรัมต่อถ้วยขนาด 6 ออนซ์
- มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเพียง 1/3 ของคาร์โบไฮเดรตในโยเกิร์ตแบบธรรมดา
- คนมักรู้สึกว่าโยเกิร์ตแบบกรีกย่อยง่ายกว่าโยเกิร์ตแบบธรรมดา เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตและ lactose ที่น้อยกว่า
- มีโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดา เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อด้วย
- มีแมกนีเซียม วิตามินดีสูง สร้างความแข็งแรงต่อกระดูก
- มีปริมาณโซเดียมเพียงครึ่งเดียวของโยเกิร์ตธรรมดา เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตด้วย
- อิ่มท้องได้นาน ลดอาการทานจุกจิก
การมีโยเกิร์ตอยู่ในรายการอาหารเบาหวาน
โยเกิร์ตในอาหารเช้า
คุณอาจรับประทานโยเกิร์ตแบบกรีกชนิดไขมันต่ำ รสธรรมชาติ 6-8 ออนซ์ และใส่ผลไม้เพิ่มเติม เช่น เบอร์รี่ กล้วยหั่นชิ้น หรือแอปเปิ้ล และอาจเพิ่มแอลมอนด์ประมาณ 6-8 ชิ้นเพื่อให้ได้โปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพเพิ่ม
คุณสามารถใส่สารแทนความหวานที่ไม่มีน้ำตาลได้ ซึ่งโดยทั่วไปโยเกิร์ตแบบกรีกมักมีรสหวานจากน้ำผึ้ง ดังนั้นหากถ้าหากคุณมีโควตาคาร์โบไฮเดรตเหลือเล็กน้อย คุณอาจเพิ่มน้ำผึ้งเล็กน้อยแทนการใช้สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาลได้
แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดในผู้ป่วยเบาหวานที่สามารถรับประทานคาร์โบไฮเดรตได้มากพอ อาจเหมาะที่จะใช้สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาล และอาจเพิ่มผลไม้หรือขนมปังโฮลวีต 1 แผ่นแทนการเติมน้ำตาลจากน้ำผึ้ง โดยหากใช้สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาลร่วมกับการเพิ่มผลไม้อีก 1 ที่จะคิดเป็นคาร์โบไฮเดรต 24 กรัม และหากเพิ่มผลไม้หรือขนมปังจะเพิ่มเป็น 40 กรัม
โยเกิร์ตสำหรับใช้จิ้ม
โยเกิร์ตแบบกรีกชนิดไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน อาจสามารถใช้ในซอสจิ้มแทน sour cream หรือเมนูอื่นๆ ได้เนื่องจากรสชาติและเนื้อโยเกิร์ตนั้นเหมือนกับซอสทั่วไป นอกจากนั้นยังอาจใช้กับขนมอบที่อาจใช้กับ sour cream ได้ เช่น คุกกี้ สโคน หรือเค้ก
ตัวอย่างเมนูอาหารที่ควรลองที่ใช้โยเกิร์ตแบบกรีกเป็นส่วนประกอบ
- Blueberry Smoothie
- Tzatziki ใส่มิ้นท์
- แซนวิชโยเกิร์ตกรีก โดยใช้โยเกิร์ตแทนมายองเนส และทานกับขนมปังโฮลวีต
- สลัดโยเกิร์ต อาจลองผสมกับนมและผงปรุงรสบ้างก็ได้
ถึงแม้โยเกิร์ตจะเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ปริมาณการบริโภคในแต่ละมื้อควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และควรศึกษาสารอาหารของโยเกิร์ตแต่ละยี่ห้อให้ดีเสียก่อน
อย่าชะล่าใจว่าทานโยเกิร์ตเท่าไหร่ก็ได้ ด้วยเหตุผลว่าเป็นอาหารสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน เพราะอย่าลืมว่าในโยเกิร์ตเกือบทุกชนิดนอกจากแบบไขมัน 0% ยังมีปริมาณไขมัน น้ำตาลและคอเรสเตอรอลเป็นส่วนประกอบ หากรับประทานโดยไม่ระมัดระวัง ก็ไม่ต่างจากการทานขนมหวานที่จะทำให้อาการโรคเบาหวานทรุดหนักลงได้