ในทุกๆ วัน การกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีไม่ว่าจะเป็นเย็นตาโฟ ชา กาแฟ น้ำหวาน ขนมขบเคี้ยวที่มีสีต่างๆ ล้วนส่งผลทำให้ฟันของเรามีสีคล้ำขึ้นได้ทั้งนั้น และทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้มหรือหัวเราะ เพราะฟันของตนเองมีสีคล้ำหรือเหลือง
ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ผ่านการฟอกสีฟัน ซึ่งเป็นการใช้พลังงานแสงและสารฟอกสีที่ปลอดภัยปรับความสว่างและสีของฟันให้ดูขาวสะอาดขึ้น
การฟอกสีฟันแบ่งออกได้หลายรูปแบบ แต่ที่เป็นที่นิยมได้แก่ การฟอกสีฟัน Cool light และการฟอกสีฟัน Zoom ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน Zoom แนวทางการฟอกสีฟันทีกำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบันเช่นกัน
สารบัญ
- ฟอกสีฟัน Zoom คืออะไร?
- ฟอกสีฟัน Zoom กี่ครั้งเห็นผล?
- ฟอกสีฟัน Zoom อยู่ได้กี่ปี?
- ฟอกสีฟัน Zoom เจ็บไหม?
- ข้อดีของการฟอกสีฟัน Zoom
- ข้อเสียของการฟอกสีฟัน Zoom
- ฟอกสีฟัน Zoom เหมาะกับใคร?
- ฟอกสีฟัน Zoom ไม่เหมาะกับใคร?
- การเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน Zoom
- ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Zoom
- การดูแลตัวเองหลังฟอกสีฟัน Zoom
- ผลข้างเคียงของการฟอกสีฟัน Zoom
ฟอกสีฟัน Zoom คืออะไร?
ฟอกสีฟัน Zoom (Zoom Teeth Whitening) คือ รูปแบบการฟอกสีฟันเพื่อปรับเนื้อฟันที่ดูเหลืองหรือหมองคล้ำให้ดูขาวสว่างขึ้น ผ่านการใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) กับคลื่นพลังงานแสง LED Light ซึ่งสามารถปรับระดับความเข้มข้นได้ถึง 3 ระดับ เคลือบลงไปที่เนื้อฟันเพื่อขจัดคราบความหมองคล้ำที่ฝังแน่นอยู่บนเนื้อฟัน โดยที่ยังปลอดภัยต่อผิวชั้นเคลือบฟันธรรมชาติ
ฟอกสีฟัน Zoom กี่ครั้งเห็นผล?
การฟอกสีฟัน Zoom สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยหลังจากทันตแพทย์ยิงพลังงานแสง LED ลงไปที่เนื้อฟันเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับบริการจะสังเกตเห็นความสว่างและสีของฟันที่ดูขาวขึ้นได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟัน Zoom ก็ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพฟันดั้งเดิมของผู้รับบริการ ดังนั้นจึงควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้ให้บริการถึงผลลัพธ์ที่เหมาะสมตามแต่ละคนไป
ฟอกสีฟัน Zoom อยู่ได้กี่ปี?
โดยทั่วไป ฟันที่ขาวขึ้นจากการฟอกสีฟันไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม มักจะมีความขาวสว่างอยู่ได้ประมาณ 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง
หลังจากนั้นฟันก็จะค่อยลดระดับความสว่างลง แต่จะลดลงมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ฟันในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน
ผู้เข้ารับบริการที่มีพฤติกรรมบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ กินอาหารที่มีสีจัดบ่อยมากๆ และไม่แปรงฟันให้สะอาด มีแนวโน้มที่สีฟันหลังฟอกจะกลับไปหมองคล้ำลงได้อีกครั้งภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
อาจกล่าวได้ว่าการฟอกสีฟัน Zoom ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ถาวร ดังนั้นหากผู้รับบริการต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานๆ ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีสีจัด เช่น กาแฟ ไวน์ เป็นต้น
ฟอกสีฟัน Zoom เจ็บไหม?
การฟอกสีฟันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด แต่มักทำให้รู้สึกเสียวฟันระหว่างการยิงพลังงานแสงลงไปที่น้ำยาฟอกสีฟัน และยังอาจรู้สึกเสียวฟันหลังรับบริการเสร็จแล้ว แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายไปภายใน 1-2 วัน
ข้อดีของการฟอกสีฟัน Zoom
การฟอกสีฟัน หรือการทำให้ฟันดูสว่างขึ้นนั้นมีด้วยกันหลายวิธี แต่การฟอกสีฟัน Zoom อาจมีข้อดีที่โดดเด่นกว่าวิธีอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- เห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าการฟอกสีฟันที่บ้าน
- ใช้เวลาในการฟอกไม่นาน ประมาณ 45-60 นาทีก็เสร็จ
- ไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างการฟอกสีฟัน
- น้ำยาและพลังงานแสงที่ใช้มีความปลอดภัยต่อช่องปาก
- กลับมาทำซ้ำได้ เมื่อสีฟันเริ่มหมองคล้ำอีกครั้ง
ข้อเสียของการฟอกสีฟัน Zoom
ในขณะเดียวกัน การฟอกสีฟัน Zoom ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาร่วมกันก่อนตัดสินใจ ดังนี้
- ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ตลอดไป และอาจมีระยะเวลาที่ฟันจะขาวสว่างอยู่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานฟันในแต่ละบุคคล
- ทำให้รู้สึกเสียวฟันได้บ้างในระหว่างฟอกสีฟัน และหลังฟอกสีฟันประมาณ 24 ชั่วโมง
- ต้องเดินทางมาฟอกสีฟันกับทันตแพทย์เท่านั้น
ฟอกสีฟัน Zoom เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการให้ฟันขาวขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเห็นผลได้ทันทีหลังฟอก
- ผู้ที่มีความไม่มั่นใจในสีของฟันซึ่งอาจหมองคล้ำมาก หรือดูเหลืองจนไม่ชอบในรอยยิ้มของตนเอง
- ผู้ที่ฟันเหลืองคล้ำจากการกินยาปฏิชีวนะบางชนิด และอยากจะปรับเนื้อฟันให้ดูขาวสว่างขึ้นอีกครั้ง
- ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้รอยยิ้มและภาพลักษณ์เป็นประจำ และจำเป็นจะต้องเสริมความสวยงามให้กับฟันด้านหน้าอยู่เสมอ เช่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ดารา นักร้อง นักแสดง
- ผู้ที่อยากแก้ปัญหาสีของฟันแบบชั่วคราว และมีเวลาที่จะกลับมาฟอกสีฟันซ้ำในอนาคตเมื่อฟันเริ่มลดความสว่างลง
ฟอกสีฟัน Zoom ไม่เหมาะกับใคร?
แม้การฟอกสีฟัน Zoom จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ไม่ใช่กระบวนการที่เหมาะกับทุกคนเสมอไป หากคุณมีข้อใดตรงกับเงื่อนไขดังต่อไปนี้ อาจต้องปรึกษาทันตแพทย์อย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจทำ
- หญิงตั้งครรภ์ หรือที่กำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ เพราะน้ำยาและพลังงานแสงอาจไปกระทบต่อสุขภาพของทารกได้
- เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เนื่องจากช่วงวัยยังอยู่ในระยะที่เส้นประสาทที่ฟันยังไม่แข็งแรงพอ และรู้สึกเสียวฟันได้มากในระหว่างฟอกสีฟัน
- ผู้ที่ฟันยังมีปัญหาความผิดปกติหรือเป็นโรคเกี่ยวกับฟัน เช่น ฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ โรคเกี่ยวกับรากฟัน ควรรักษาให้หายเสียก่อนการฟอกสีฟัน
- ผู้ที่มีการครอบฟัน รักษารากฟัน ทำวีเนียร์ ยังสามารถฟอกสีฟันได้ แต่ผลลัพธ์หลังจากฟอกสีฟันจะเปลี่ยนแปลงในส่วนของฟันธรรมชาติเท่านั้น อุปกรณ์บูรณะฟันที่ติดตั้งไว้ที่ฟันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหรือความสว่างไปด้วย
- ผู้ที่ติดการดื่มชา กาแฟ น้ำหวานมีสี อาหารที่มีสีจัดๆ เป็นประจำ ถึงแม้จะสามารถฟอกสีฟันได้ แต่อาจไม่คุ้มค่า เนื่องจากสีของอาหารที่กินสามารถไปกระตุ้นให้สีฟันลดความขาวสว่างเร็วขึ้น และอาจทำให้ไม่พึงพอใจในระยะเวลาของผลลัพธ์ที่สั้นกว่าที่คิด
- ผู้ที่สีฟันหมองคล้ำมีสีเข้มมากๆ การฟอกสีฟันอาจให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีพออย่างที่คาดหวัง และอาจต้องพึ่งพาการทำวีเนียร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสีฟันแทน
การเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน Zoom
การฟอกสีฟัน Zoom เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปลอดภัย จึงมีการเตรียมตัวที่ไม่ซับซ้อน ดังต่อไปนี้
- แจ้งโรคประจำตัว ประวัติยาประจำตัว ประวัติแพ้ยาต่างๆ รวมถึงอาหารเสริม วิตามินเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพที่กำลังกินอยู่ ณ ปัจจุบัน
- งดบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี 24 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนเดินทางมาฟอกสีฟัน
- ตรวจฟัน ขูดหินปูน เคลียร์ช่องปากก่อนฟอกสีฟัน
- หากมีโรคภายในช่องปากหรือเกี่ยวกับฟัน เหงือก และยังรักษาไม่หาย ให้แจ้งทันตแพทย์เสียก่อน เพื่อรักษาก่อนเริ่มฟอกสีฟัน
- แปรงฟันให้สะอาดก่อนเดินทางไปพบทันตแพทย์
ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Zoom
ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Zoom อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ตามแต่ละสถานที่ให้บริการ แต่ขั้นตอนหลักๆ ที่อาจพบได้ มีดังต่อไปนี้
- ทันตแพทย์เคลียร์ช่องปาก และตรวจเช็กสุขภาพฟันกับสีฟันดั้งเดิมก่อนฟอก
- ทันตแพทย์นำอุปกรณ์ตัวอย่างสีฟันมาวัดเทียบกับสีฟันเดิม และพูดคุยกับผู้เข้ารับบริการเกี่ยวกับสีฟันที่จะเปลี่ยนไปหลังฟอกสีฟัน
- ทันตแพทย์ทาวาสลีนที่ริมฝีปากผู้เข้ารับบริการและใส่อุปกรณ์ง้างพยุงช่องปาก เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถอ้าปากได้นานๆ ระหว่างฟอกสีฟันโดยไม่เมื่อย
- ทันตแพทย์อาจถ่ายรูปสีฟันเดิมเก็บไว้เป็นข้อมูล จากนั้นใส่อุปกรณ์ป้องกันการระคายเคืองน้ำยาที่ขอบเหงือกทั้งบนและล่าง
- ทันตแพทย์ทาน้ำยาฟอกสีฟันลงไปที่ผิวฟันด้านหน้าของผู้เข้ารับบริการ
- ทันตแพทย์ฉายแสง LED Light ลงไปที่ผิวฟันส่วนที่ทาน้ำยา โดยทั่วไปจะฉายทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที หากฟันมีสีเข้มมากๆ อาจพิจารณาเป็น 4 ครั้ง
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถพูดคุยถึงผลลัพธ์ที่ปรากฏ และข้อควรระวังต่างๆ กับทันตแพทย์ได้ทันที
การดูแลตัวเองหลังฟอกสีฟัน Zoom
หลังฟอกสีฟัน Zoom เสร็จแล้ว โดยปกติทันตแพทย์จะแนะนำการดูแลตัวเองหลังรับบริการให้ฟังอยู่แล้ว อาจมีข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้
- ควรงดกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีประมาณ 24 ชั่วโมงแรกหลังฟอกสีฟัน หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ
- ใช้ยาสีฟันสูตรลดอาการเสียวฟันในช่วง 1-2 วันหลังฟอกสีฟัน
- หากรู้สึกไม่สบายตัว ปวดฟัน สามารถกินยาแก้ปวดทั่วไปบรรเทาอาการได้ เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ไอบูโฟรเฟน (Ibuprofen)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีจัดๆ ให้ได้มากที่สุด หรือในกรณีที่ต้องดื่มน้ำที่มีสี ให้ใช้หลอดดูดแทนการดื่มจะดีที่สุด
- งดการสูบบุหรี่ เพื่อให้ผลลัพธ์ในการฟอกสีฟันคงอยู่ไปได้นานที่สุด
- เดินทางมาตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6 เดือนอยู่เสมอ
ผลข้างเคียงของการฟอกสีฟัน Zoom
ผลข้างเคียงที่พบเจอได้บ่อยจากการฟอกสีฟัน คือ อาการเสียวฟันในระหว่างรับบริการและหลังรับบริการประมาณ 24 ชั่วโมง และอาการระคายเคืองเหงือก ในกรณีที่น้ำยาไปสัมผัสโดนเหงือกด้านบนหรือล่างฟันส่วนที่ฟอก แต่โดยทั่วไปทางสถานพยาบาลจะมีใส่อุปกรณ์ป้องกันให้ เพื่อลดผลข้างเคียงในส่วนนี้
การฟอกสีฟันเป็นวิธีเปลี่ยนแปลงสีฟันที่ทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับผู้ที่อยากให้ฟันขาวขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว และยังไม่ได้มีความต้องการถึงขั้นมีสีฟันที่ขาวคงอยู่ตลอดชีวิต ในกรณีนี้ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำวีเนียร์แทน ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนเซรามิกรูปร่างเหมือนฟันมาแปะติดที่ผิวฟันด้านหน้าแทน