หากคุณต้องการมีหน้าแข้งเกลี้ยงเกลาไร้ขนกวนใจเวลาใส่ขาสั้น สิ่งเหล่านี้คือทางเลือกและข้อควรระวังในการกำจัดขนที่คุณควรพิจารณา
1. การใช้ Electrolysis กำจัดขนขา
วิธี Elcetrolysis เป็นการปล่อยคลื่นความถี่สูงผ่านเข็มเข้าไปทำลายรากขน เมื่อรากขนถูกทำลายก็ใช้แหนบคีบขนออกมา
Electrolysis สามารถใช้กำจัดขนได้เกือบทุกส่วนในร่างาย แต่จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำ โดยเฉลี่ยแล้วอาจต้องทำทุก 1-2 สัปดาห์ พิจารณาตามวงจรการเกิดเส้นขน และประเภทเส้นขนแต่ละคน
การทำ Electrolysis ต้องทำโดยผู้ชำนาญการเท่านั้น เพื่อประเมินความเหมาะสมและจำนวนครั้งเป็นรายคน หลังจากครบคอร์สแล้วก็อาจไม่จำเป็นต้องมาทำอีก
ข้อควรระวังในการใช้ Electrolysis กำจัดขนขา
Electrolysis มีผลข้างเคียงที่อาจพบได้ ดังนี้
- อาจมีอาการแสบระหว่างทำและหลังทำ
- อาจมีรอยแดงจนเห็นได้ชัดเจน
- อาจเกิดการติดเชื้อหรือแผลเป็นได้ แต่กรณีนี้พบได้น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผลข้างเคียงที่ต้องพิจารณา แต่การทำ Electrolysis กับผู้ชำนาญการและสถานให้บริการที่ได้มาตรฐานก็สามารถลดความเสี่ยงรุนแรงได้
2. การใช้ Laser กำจัดขนขา
การใช้เลเซอร์กำจัดขนขา คือการใช้แสงความเข้มข้นสูงหรือความร้อนเข้าไปทำลายรากขน โดยเซลล์สีของเส้นขนจะดูดซับความร้อนจากแสงเลเซอร์เข้าไปทำลายตัวเองจนหลุดออกมา
การทำเลเซอร์กำจัดขนขา อาจต้องทำเป็นคอร์สเช่นเดียวกันกับ Electrolysis ใช้เวลานาน 4-6 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับแต่ละคน โดยประเภทของเลเซอร์ที่นิยมใช้อาจมีดังนี้
- YAG laser (Yttrium aluminum garnet laser) เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 2 ระดับ คือ 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร ทำให้สามารถกำจัดเม็ดสีได้ทั้งผิวหนังชั้นตื่นและชั้นลึก
- IPL (Intense pulsed light) เป็นแสงความเข้มข้นสูง ไม่ใช่เลเซอร์อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่สามารถใช้กำจัดขนได้เหมือนกัน สามารถปรับความยาวคลื่นได้ตั้งแต่ 515-1,200 นาโนเมตร แต่แสงอาจมีการกระจายตัวกว้างกว่าเลเซอร์
- Diode laser เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 810 นาโนเมตร ทำให้สามารถใช้กับผิวหนังชั้นลึกได้ มีความอ่อนโยนต่อผิว ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวบาง และผิวสีคล้ำได้
ในระหว่างทำเลเซอร์กำจัดขนขา ผู้ชำนาญการอาจใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่และให้สวมแว่นป้องกันแสงเลเซอร์ก่อนเริ่มเลเซอร์กำจัดขนขา
ผู้ใช้บริการบางคนแจ้งว่าสามารถเห็นผลได้ทันทีประมาณ 10-25% หลังทำ จากนั้นขนที่ขึ้นมาใหม่จะมีสีอ่อนและบางลง ซึ่งผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
เมื่อเลเซอร์กำขัดขนขาครบคอร์สแล้ว ขนจะไม่ขึ้นมาอีกหลายเดือนจนถึง 1 ปี แต่จะไม่ได้ผลกับขนสีอ่อน เทา หรือแดง การใช้เลเซอร์กำจัดขนจะได้ผลดีที่สุดกับขนสีเข้ม
ข้อควรระวังในการใช้ Laser กำจัดขนขา
การใช้เลเซอร์กำจัดขนขาควรทำโดยผู้ชำนาญการ เพราะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างผลข้างเคียงที่อาจพบหลังจากการทำเลเซอร์กำจัดขนขา
- อาจเกิดรอยแดงและระคายเคืองเป็นเวลาหลายวันหลังทำ
- อาจเกิดแผลเป็นหรือแผลพุพองจากความร้อน แต่กรณีนี้พบได้น้อย
- อาจไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่เต็มที่ในผู้ที่มีผิวสีแทน
- อาจทำให้ผิวไวต่อแดดชั่วคราว จึงต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือหมั่นทาครีมกันแดดจนกว่าจะจบคอร์ส
- อาจทำให้สีผิวเปลี่ยนไปอย่างถาวร แต่กรณีนี้พบได้น้อย
อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของเลเซอร์แต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ควรพิจารณาเลเซอร์กำจัดขนขาแต่ละชนิดก่อนใช้บริการ
3. แว็กซ์กำจัดขนขา
แว็กซ์คือการดึงขนออกมาโดยตรง (Epilation) แต่ควรรอให้ขนมีความยาวอย่างน้อย 1 ส่วน 4 นิ้วก่อน เพื่อให้แว็กซ์ติดและมีแรงดึงรากหลุดออกมาด้วย ก่อนแว็กซ์กำจัดขนขาจึงควรหลีกเลี่ยงการโกนขนประมาณ 2 สัปดาห์
หากใช้แว็กซ์ตามเวลาเหมาะสมของวงจรการเจริญเติบโตเส้นขน ขนที่แว็กซ์กำจัดออกควรจะขึ้นมาพร้อมๆ กันในภายหลัง ไม่ใช่ขึ้นเป็นหย่อมๆ บางส่วน แลดูไม่เกลี้ยงเกลา
หากทำการแว็กซ์กำจัดขนขากับผู้ชำนาญการตามสถานที่ให้บริการต่างๆ ควรประเมินช่วงเวลาให้เหมาะสมกับวันนัด เพราะหากเส้นขนยังยาวไม่พอ ผู้ชำนาญการอาจนัดให้มาแว็กซ์ใหม่ในภายหลัง
นอกจากนี้ หากเส้นขนยาวเกิน 1 ส่วน 2 นิ้ว (ครึ่งนิ้ว) ถือว่ายาวเกินกว่าจะกำจัดขนขาด้วยวิธีการแว็กซ์ เนื่องจากอาจได้ผลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ควรตัดเล็มออกเล็กน้อยก่อนแว็กซ์กำจัดขนขา หรือไปพบผู้ชำนาญการเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมต่อไป
การแว็กซ์เป็นการกำจัดขนขาที่ราคาไม่แพงหากเทียบกับเลเซอร์ แต่ผลอาจอยู่ได้เพียง 2-8 สัปดาห์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
ข้อควรระวังในการแว็กซ์กำจัดขนขา
แม้การแว็กซ์กำจัดขนขาจะค่อยข้างปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณาดังนี้
- อาจดึงขนออกไม่หมด หากใช้แว็กซ์ผิดวิธีก็มีโอกาสที่รากขนจะไม่ได้ถูกดึงออกมาด้วย อาจถูกดึงออกมาเพียงครึ่งเดียวหรือบางส่วนเท่านั้น
- อาจเกิดขนคุดภายใน กรณีใช้แว็กซ์กำจัดขนขาขณะที่ขนยังไม่ยาวพอและยังเหลือรากขนอยู่ อาจทำให้ขนเติบโตขึ้นอยู่ใต้ผิวหนังจนเกิดการระคายเคืองได้
- อาจเกิดการระคายเคือง เนื่องจากการแว็กซ์เป็นการดึงขนออกมาโดยตรง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองไปจนถึงเจ็บได้
หากพิจารณาข้อควรระวังและผลลัพธ์ของการแว็กซ์แล้วยังไม่ตอบโจทย์ อาจลองปรึกษาผู้ชำนาญการ หรือหาวิธีกำจัดขนขาแบบอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป
4. ครีมกำจัดขนขา
ครีมกำจัดขนขาสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด เป็นวิธีที่นิยมกันมาอย่างยาวนาน เพราะง่าย เห็นผลเร็ว และสามารถทำเองที่บ้านได้
ครีมกำจัดขนขามักมีส่วนผสมของ ไทโอไกลโคเลท (Calcium thioglycolate) เมื่อทาครีมกำจัดขนขาแล้ว ไทโอไกลโคเลทจะเข้าไปทำลายโปรตีนเคราติน (Keratin protein) ในเส้นขนซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นขา
เมื่อโปรตีนเคราตินที่เปรียบเสมือนเสาหลักของเส้นขนถูกทำลาย เส้นขนก็จะอ่อนนุ่ม หลุดออกได้ง่าย
แต่การใช้ครีมกำจัดขนขา เป็นวิธีที่ได้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขนจะค่อยๆ ขึ้นมาใหม่ภายใน 2-5 วัน เพราะรากขนไม่ได้ถูกทำลาย
ข้อควรระวังในการใช้ครีมกำจัดขนขา
เนื่องจากครีมกำจัดขนขามีทั้งแบบที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของผู้ชำนาญการ และแบบที่ซื้อได้เองตามท้องตลาด จึงอาจทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนและเกิดผลข้างเคียงได้
- อาจเกิดการระคายเคืองผิว ผิวหนังชั้นนอกมีโปรตีนเคราตินเป็นส่วนประกอบเช่นกัน การทาครีมทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจทำลายเซลล์ผิวชั้นนอกจนเกิดความระคายเคืองได้
- อาจยังคงเห็นรอยดำของขนอยู่ กรณีนี้มักจะเกิดกับผู้ที่มีเส้นขนสีเข้ม หนา เนื่องจากเส้นขนบางส่วนยังคงอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ได่ถูกดึงออกมาด้วยนั่นเอง
- อาจเกิดอาการแพ้ หลายคนที่ซื้อครีมตามท้องตลาดมาใช้อาจไม่ได้ทดสอบก่อนใช้จริง เมื่อทาลงไปบนขาแล้วอาจเกิดอาการแพ้ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เลือกใช้ครีมกำจัดขนขาและไม่เกิดผลข้างเคียงมากนัก ก็ไม่ควรใช้ติดต่อกันทุก 2-5 วัน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้เช่นกัน
โดยสรุปแล้ว หากคุณต้องการกำจัดขนขาเพียงชั่วคราวและต้องการความรวดเร็ว ครีมกำจัดขน และการแว็กซ์ขนโดยผู้ชำนาญการอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ
แต่หากต้องการกำจัดขนขาในระยะยาว Electrolysis และ เลเซอร์ประเภทต่างๆ อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า แต่ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการแว็กซ์และครีมกำจัดขนเช่นกัน