จะออกจากบ้านที ต้องทาลิปสติกที พอถึงตอนเที่ยงก็ต้องแวะห้องน้ำ เช็กสีลิปสติก ถ้าเป็นช่วงฝุ่นเยอะ หรือเป็นหวัด ต้องใส่มาสก์ บางทีลิปสติกก็เปื้อนมาสก์ไปอีก หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้เป็นประจำ การสักปากอาจเป็นทางเลือกที่น่าพิจารณา
สักปากคืออะไร?
สักปาก (Micro-pigmentation) คือการใช้เข็มหรืออุปกรณ์สักที่มีหัวขนาดเล็กบรรจุสีเข้าไปฝังไว้ที่ริมฝีปาก จนสามารถมองเห็นได้จากภายนอก เป็นเทคนิคประเภทเดียวกับการสักส่วนอื่นๆ ของร่างกาย สีสักสามารถอยู่ได้นาน ทำให้ไม่จำเป็นต้องคอยเติมลิปสติกบ่อยๆ
บริเวณที่นิยมในการสักปากได้แก่
- ริมฝีปากด้านนอก
- ริมฝีปากด้านใน
ตำแหน่งในการสักขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน
สักปาก ดีไหม ช่วยอะไร?
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ต้องการสักปาก มักมีข้อจำกัดหรือความต้องการตามข้อใดข้อหนึ่งจากด้านล่างนี้
- ผู้ที่มีริมฝีปากคล้ำ ดำ จนดูคล้ายคนสูบบุหรี่
- ผู้ที่มีสีปากซีด จนเหมือนสุขภาพไม่ดี
- ผู้ที่แพ้ลิปสติก ไม่สามารถทาลิปสติกสีได้
- ผู้ที่มีริมฝีปากไม่เท่ากัน (Uneven lips)
ขั้นตอนการสักปาก
การสักปากใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง โดยปกติแล้วขั้นตอนการสักอาจมีดังนี้
- หลังจากบอกความต้องการของคุณแล้ว ผู้ทำการสักจะทำการร่างแผนการสักให้ดูคร่าวๆ
- เมื่อตกลงแบบในการสักได้แล้ว ผู้ทำการสักจะเตรียมความพร้อมอุปกรณ์โดยการเติมสี ช่วงนี้ควรสังเกตให้แน่ใจว่าผู้ทำการสักใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
- ผู้ทำการสักจะให้ยาชาเฉพาะที่ แล้วค่อยๆ สักลงตามแผนที่ตกลงกันไว้ช้าๆ ช่วงนี้อาจรู้สึกเจ็บหรือไวต่อความรู้สึกบ้าง ในระหว่างการสักปากอาจมีเลือดออก เป็นเรื่องปกติ
- เมื่อสักเสร็จเรียบร้อย ผู้ทำการสักจะปิดปากไว้ด้วยผ้าพันแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ควรหาน้ำยาบ้วนปากสูตรต้านเชื้อแบคทีเรียมาใช้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละคน รวมถึงความชำนาญของผู้ทำการสักด้วย
ผลข้างเคียงสักปาก สักปากเจ็บไหม บวมไหม?
ปาก เป็นหนึ่งในอวัยวะที่บอบบางและไวต่อความรู้สึกมาก จึงมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจสักปาก
- ริมฝีปากบวม เนื่องจากการสักทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนังในการปล่อยหมึกสีเข้าไป แต่อาการควรจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน อาจใช้การประคบเย็นเพื่อช่วยลดบวมได้
- มีอาการเจ็บ อย่างที่กล่าวไปว่าริมฝีปากเป็นพื้นที่ที่บอบบางมาก ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะเจ็บหรือปวดหลังจากทำการสักปาก แต่อาการจะดีขึ้นใน 2-3 วันเช่นเดียวกับอาการบวม
- มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าส่วนอื่น ริมฝีปากเป็นส่วนที่ทำความสะอาดได้ยาก เพราะมีโอกาสสัมผัสกับน้ำลาย อาหาร และเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน จึงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก
- มีโอกาสเกิดแผลเป็น หากรักษาแผลได้ไม่ดีเท่าที่ควรอาจนำไปสู่การเกิดแผลเป็นได้ ควรเลือกสถานที่สักที่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและเป็นแผลเป็นให้มากที่สุด
- มีโอกาสเกิดอาการแพ้ ใครที่มีประวัติผิวแพ้ง่าย อาจมีโอกาสแพ้การสักได้มาก อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ ผื่น คัน และลมพิษ ดังนั้นควรปรึกษากับผู้ทำการสักเพื่อเลือกหมึกที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้
- อาการแพ้แบบรุนแรง บางกรณีอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงหลังสัก เช่น หายใจไม่ออก แก้มบวม คอบวม ถือเป็นกรณีฉุกเฉินที่ต้องพบแพทย์ทันที เพราะอาจนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม แม้ผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการสักปากจะมีโอกาสเป็นไปได้หลายอย่าง แต่กรณีรุนแรงนั้นเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยผลการศึกษาในโรงพยาบาลประเทศเยอรมนี (Academic Teaching Hospital in South-East Germany) พบผู้ที่มีอาการรุนแรงเพียง 0.02% เท่านั้น