ในเชิงการแพทย์ ค่าความดันโลหิตเป็นตัวบอกถึงความยืดหยุ่นของเส้นเลือด เพราะหลักการทำงานของเครื่องวัดความดันจะอาศัยแรงบีบของเครื่องบีบจนเส้นตีบลง หากเส้นเลือดมีสารจำพวกไขมันแทรกอยู่ในผนังเส้นเลือดจะทำให้เส้นเลือดแข็งตัวขึ้น ทำให้เครื่องต้องใช้แรงบีบรอบแขนมากขึ้น ส่งผลให้อ่านค่าความดันได้สูงขึ้นนั่นเอง
ที่น่าสนใจคือ คนส่วนใหญ่อาจยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ตนเองควรมีค่าความดันโลหิตเท่าไรจึงจะปกติ หรืออยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี ซึ่งสามารถอ้างอิงกับตารางแสดงค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมจากสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย ฉบับปรับปรุง 2558 ได้เลย
สารบัญ
ค่าความดันโลหิต
ค่าความดันโลหิต เป็นค่าที่บอกถึงการทำงานของหัวใจว่า มีแรงดัน หรือสูบฉีดเลือดได้มาก หรือน้อยอย่างไร โดยมี 2 ค่าหลัก ได้แก่
- ค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic Blood Pressure: SBP)
- ค่าความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic Blood Pressure: DBP)
ยกตัวอย่างเช่น 120/80 มิลลิเมตรปรอท คือ ค่าความดันโลหิตตัวบน มีค่าแรงดัน 120 มิลลิเมตรปรอท ส่วนค่าความดันโลหิตตัวล่าง มีค่าแรงดัน 80 มิลลิเมตรปรอท
เปรียบเทียบค่าความดันโลหิตในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป
เมื่อค่าความดันโลหิต SBP และ DBP อยู่ต่างระดับกัน ให้ถือระดับที่รุนแรงกว่าเป็นเกณฑ์ โดยรายละเอียดค่าความดันโลหิตในระดับต่างๆ มีดังนี้
ค่าความดันโลหิตระดับเหมาะสม (Optimal)
|
โรคความดันโลหิตสูง ระดับที่ 1 (Grade 1 hypertension: Mild)
|
ค่าความดันโลหิตปกติ (Normal)
|
โรคความดันโลหิตสูง ระดับที่ 2 (Grade 2 hypertension: Moderate)
|
ความดันโลหิตสูงกว่าเกณฑ์ปกติ แต่ยังไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (High normal)
|
โรคความดันโลหิตสูง ระดับที่ 3 (Grade 3 hypertension: Severe)
|
ความดันโลหิตตัวบนสูง (Isolated Systolic Hypertension: ISH)
|
จากข้อมูลจะเห็นว่า ค่าความดันโลหิตปกตินั้น ความดันโลหิตตัวบนจะอยู่ในช่วง 120-129 มิลลิเมตรปรอท ส่วนค่าความดันโลหิตตัวล่างต้องมีค่า 80-84 มิลลิเมตรปรอท
หากเกินกว่านี้จะถือว่า อยู่ในภาวะที่มีความดันโลหิตสูง แต่ยังไม่ถือว่าเป็นโรค คือ ช่วง 130-139/85-89 มิลลิเมตรปรอท
ระดับความดันโลหิตที่เสี่ยงต่อโรคต่างๆ
หากค่าความดันโลหิตสูงกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท จะเริ่มถือว่า อยู่ในกลุ่มโรคความดันโลหิตสูงแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งโรคความดันโลหิตสูง แบ่งเป็น 3 ระดับความรุนแรง คือ
- โรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่รุนแรง ค่าความดันโลหิตอยู่ในช่วง 140-159/90-99 มิลลิเมตรปรอท
- โรคความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรงปานกลาง ค่าความดันโลหิตอยู่ในช่วง 160-179/100-109 มิลลิเมตรปรอท
- โรคความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรง ค่าความดันโลหิตตัวบนสูงกว่า หรือเท่ากับ 180 มิลลิเมตรปรอท ค่าความดันโลหิตตัวล่างมากกว่า หรือเท่ากับ 110
ซึ่งมีบางกรณีที่มีเพียงค่าความดันโลหิตตัวบนสูงกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท แต่ตัวล่างน้อยกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท จะถือว่า อยู่ในภาวะความดันโลหิตตัวบนสูงเพียงอย่างเดียว หรือเรียกว่า “ISH”
ข้อควรระวังเกี่ยวกับค่าความดันโลหิตสูง
หากค่าความดันโลหิตตัวบนกับตัวล่างอยู่ต่างระดับกัน ให้ยึดค่าที่รุนแรงกว่าเป็นเกณฑ์ เช่น ค่าความดันโลหิต 165/85 มิลลิเมตรปรอท จะถือว่าอยู่ในระดับโรคความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรงปานกลางแล้ว ถึงแม้ค่าความดันโลหิตตัวล่างจะอยู่ในระดับภาวะความดันโลหิตสูงกว่าเกณฑ์ก็ตาม
การวัดความดันโลหิตเพื่อดูว่า สุขภาพยังดีอยู่หรือไม่นั้น มักใช้ความดันโลหิตของคนอายุ 18 ปีเป็นเกณฑ์ เนื่องจากช่วงอายุ 18 ปี ถือเป็นวัยที่มีเส้นเลือดและหัวใจสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นหากร่างกายสุขภาพแข็งแรงก็ควรมีค่าความดันโลหิตพอๆ กับช่วงอายุ 18 ปี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน ทำให้บางคนอาจมีค่าความดันโลหิตที่ต่ำกว่าปกติ ในทางการแพทย์นั้น หากมีค่าความดันโลหิตต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ไม่มีอาการซีด หม้ามืดบ่อย หรือเป็นลมหมดสติ ก็ถือว่า สุขภาพร่างกายปกติ ไม่มีอันตรายอะไร
เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าความดันโลหิตต่ำกว่าเกณฑ์ เช่น ผู้หญิงวัยรุ่นมักจะมีค่าความดันโลหิตต่ำมากในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกายทำงานพร้อมกัน
แต่ในส่วนค่าความดันโลหิตที่สูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด สามารถเชื่อถือได้ว่า เป็นโรคความดันโลหิตสูงผิดปกติจริงๆ
หากคุณมีค่าความดันโลหิตสูง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจพัฒนาไปเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตันได้