5 เทคนิคการกินเค้ก แบบไม่อ้วน

เค้ก เป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบ แต่กินทีไรก็รู้สึกผิดทุกครั้ง เพราะเป็นของหวานที่มีแคลอรี่สูงมาก หากกินเค้กมากเกินไป จะทำให้เกิดโรคอ้วนได้ แล้วต้องกินเค้กยังไงไม่ให้อ้วน

เค้กให้พลังงานและน้ำตาลเท่าไหร่

ปริมาณพลังงานอาจแตกต่างตามไส้และวัตถุดิบ

  • เค้ก 1 ชิ้นเล็ก ขนาดประมาณ 35 กรัม จะให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี่
  • เค้ก 1 ชิ้นใหญ่ ขนาดประมาณ 80-100 กรัม จะให้พลังงาน 250-450 กิโลแคลอรี่ และน้ำตาลประมาณ 20-40 กรัม
  • เครป 1 ชิ้น จะให้พลังงานประมาณ 140-200 กิโลแคลรี่ (ขึ้นกับขนาดและวัตถุดิบ)

หากกินเค้ก 1 ปอนด์ (454 กรัม) จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานประมาณ 1,600 กิโลแคลอรี่ เทียบเท่าพลังงานที่ใช้ได้เกือบทั้งวัน แล้วยังได้น้ำตาลอีกมากมาย อาจถึง 200 กรัม ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่แนะนำไว้ต่อวันเกือบสิบเท่า

ดังนั้น การกินเค้กจึงต้องมีเทคนิคกันบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีและโรคอ้วนจะได้ไม่ถามหา

5 เทคนิคกินเค้กไม่ให้อ้วน

1. กินเค้กตอนเช้า

คนส่วนใหญ่มักกินเค้กช่วงกลางวันหรือเย็น เนื่องจากตอนเช้าเป็นเวลาเร่งรีบ ต้องเตรียมตัวไปทำงานหรือดูแลงานบ้าน การกินอาหารเช้าง่ายๆ น่าจะเหมาะสมมากกว่า แต่รู้ไหมว่าการกินเค้กในช่วงเช้านั้น จะทำให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานจากเค้กตั้งแต่เช้าไปจนตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ช่วงเช้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอยู่แล้ว หากเพิ่มน้ำตาลสักหน่อย ก็จะทำให้ร่างกายสดชื่น มีชีวิตชีวาและมีพลังงานใช้ทำกิจกรรมได้ตลอดทั้งวัน

แต่ถ้าตอนเช้าไม่สะดวกจริงๆ ก็ควรกินในช่วงบ่าย 2 โมง – 6 โมงเย็น เพราะเป็นเวลาที่อุณหภูมิของร่างกายสูงที่สุด จึงเป็นช่วงที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี แต่ห้ามกินหลัง 6 โมงเย็น เพราะร่างกายจะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว พลังงานจะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมัน สะสมตามร่างกายแทน

2. กินเค้ก กับ ชารสจืด

เนื่องจากขนมเค้กมีทั้งไขมันและน้ำตาลมาก จึงไม่ควรเพิ่มความหวานอีก เช่น กินคู่กับกาแฟเย็น นมเย็น หรือโกโก้ปั่น ทางที่ดีควรดื่มเป็นชาอุ่นๆ สักแก้ว เช่น ชาเขียว ชาคาโมมายด์ ชาเออร์เกรย์ หรือชาอะไรก็ได้ที่คุณชอบ ขอเพียงชานั้นไม่ใส่น้ำตาลเพิ่ม เพียงเท่านี้คุณก็สามารถกินเค้กได้อย่างมีความสุขแล้ว

3. หันมากินเค้กที่มีประโยชน์

ไม่ว่าจะเป็นเค้กประเภทชีสเค้กหรือทาร์ต ที่มีผักและผลไม้เป็นส่วนประกอบ ไม่ใส่ครีมสด หรืออาจเป็นพุดดิ้ง หรือคัสตาร์ดที่ไม่ใส่นมสดก็ได้ แต่ควรระมัดระวังประเภทที่มีเนย ครีม ช็อคโกแลต คาราเมล หรือที่ใส่น้ำตาลเป็นจำนวนมาก

ตัวอย่างที่แนะนำ คือ เค้กญี่ปุ่น เพราะส่วนใหญ่แบบญี่ปุ่นแท้ๆ เนื้อจะเบาๆ มีน้ำตาลไม่มาก รสชาติจึงไม่ค่อยหวาน ส่วนท็อปปิ้งเป็นพวกผลไม้สด แทนที่จะเป็นผลไม้เชื่อม หรือเป็นผลไม้แช่แข็ง จึงทำให้ได้วิตามินดีๆ จากผลไม้สดร่วมด้วย

4. กินเค้กไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน

ในแต่ละวันเราไม่ควรกินเค้กเกิน 200 กิโลแคลอรี่ หรือประมาณ 1 ชิ้นต่อวัน อีกทั้งไม่ควรกินในเวลาท้องว่างให้อิ่มไปเลยในครั้งเดียว เพราะจะทำให้เกิดไขมันสะสมได้ง่าย

5. ออกกำลังกายด้วย

หากคุณชอบกินเค้ก ก็ต้องชอบออกกำลังกายด้วย เพื่อนำพลังงานที่ได้ออกไปจากร่างกาย เช่น หากกิน 1 ชิ้น ก็ควรจะเลือกเต้นแอโรบิค 1 ชั่วโมง ซิทอัพ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ยกเวท ฯลฯ ถึงแม้จะไม่สามารถเอาพลังงานที่ได้จากเค้กออกได้หมดก็ตาม แต่ก็ทำให้พลังงานเหล่านั้นไม่สะสมเป็นไขมัน

สรุป เคล็ดลับที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้คุณกินเค้กได้อย่างมีความสุขมากขึ้น แต่ทางที่ดีไม่ควรกินบ่อยจนเกินไป อาจเลือกกินเฉพาะโอกาสพิเศษหรือ 2 – 3 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจเบาหวาน


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top