HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิว ลดความหย่อยคล้อย ลดริ้วรอย และช่วยให้ผิวเรียบเนียนด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ไม่เป็นอันตราย ไม่เกิดแผลเป็น ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา และไม่ต้องพักฟื้น
ทำ HIFU เจ็บแค่ไหน
แม้ว่าการทำ HIFU จะไม่ใช่การผ่าตัด แต่ก็ยังมีความเจ็บอยู่ดี ดังนั้น ที่หลายคนที่สงสัยว่า ทำ HIFU เจ็บไหม ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเจ็บอยู่บ้าง แต่เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกปวดๆ ตึงๆ เล็กน้อยร่วมด้วย
ส่วนสาเหตุที่ทำไมทำ HIFU แล้วเจ็บนั้น เพราะเป็นการยิงคลื่นอัลตราซาวด์เข้าไปที่ชั้นผิวหนังระดับลึกถึงชั้น SMAS เพื่อทำลายเนื้อเยื่อ กระตุ้นให้เกิดการหดตัว การสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่นั่นเอง
ดังนั้น หากต้องการทำไฮฟู่ครั้งแรก อาจต้องเตรียมใจเล็กน้อย แต่ไม่เจ็บเกินไปจนทนไม่ไหวแน่นอน
เปรียบเทียบ เทคโนโลยี HIFU แต่ละเครื่อง
เครื่อง HIFU ในท้องตลาดมีหลายแบรนด์มาก ในบทความนี้เรานำข้อมูล 4 เทคโนโลยีของเครื่องทำ HIFU จากประเทศเกาหลีใต้มาฝากกัน ดังนี้
- Liftera จากบริษัท Asterasys ให้พลังงานคงที่ในระดับพอเหมาะที่จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และไม่สูงเกินไปจนทำให้ผิวไหม้ มีจุดเด่นคือ หัวที่ใช้ยิงมีลักษณะเป็นหัวปากกา สามารถเข้าถึงบริเวณที่เข้าถึงได้ยากได้
- Model DS-HI3 จากบริษัท Daeshin Enterprise (DSE) ใช้เทคโนโลยี HIFU Macrofocus มีจุดเด่นคือ จุดโฟกัสของพลังงานมีขนาด 0.85 mm กว้างกว่า HIFU ทั่วไป (0.3-0.5 mm) ทำให้ได้พลังงานที่มีจุดโฟกัสกว้างกว่า
- Ultraformer III จากบริษัท CLASSYS ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Micro and Macro Focused Ultrasound (MMFU) สามารถยิงได้แม่นยำ และลงลึกกว่า HIFU ทั่วไป ให้พลังงานคงที่ และกระจายตัวสม่ำเสมอ มีหัวยิงขนาดเล็กที่สามารถเข้าถึงบริเวณที่มีพื้นที่ไม่มากได้ดี เช่น รอบดวงตา มุมปาก
- Doublo-S จากบริษัท Hironic ให้จุดโฟกัสของพลังงานขนาด 0.5-1 mm พลังงานค่อนข้างคงที่กว่า เมื่อเทียบกับ HIFU ทั่วไป
การทำ HIFU จะได้ผลดีหรือไม่นั้นขึ้นกับคุณภาพของเครื่อง ความแรงของพลังงานที่แพทย์เลือกใช้ และจำนวนช็อตที่เหมาะสมเป็นหลัก โดยแต่ละเครื่องจะส่งพลังงานไปได้ลึกหลายระดับ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเพื่อให้เหมาะกับการรักษาในแต่ละคนเอง