6 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ยอดฮิต

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Disease: STD) หมายถึงโรคที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมทางเพศไม่ว่าผ่านทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือแม้แต่ทางปาก (Oral Sex) อาจมีอาการที่ไม่รุนแรง รักษาได้ หรือรุนแรงรักษายาก ส่งผลต่อชีวิตเลยก็มี หลายคนมักเพิกเฉยต่อความสำคัญของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือมีความเชื่อผิดๆ ที่ส่งต่อกันมาจนสายเกินกว่าจะมารักษาดูแล หรือป้องกันการติดต่อของโรคไว้ได้ทัน

มาดูกันว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอาการอะไรที่ควรระวัง มีวิธีตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังไง? รักษาได้ด้วยวิธีไหน? และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร?

อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายจุดของร่างกาย แต่หลักๆ จะเป็นบริเวณที่มีการทำกิจกรรมทางเพศ ทั้งช่องคลอด ทวารหนัก และปาก โดยมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วไป ได้แก่

  • ปวด เจ็บ แสบ คันบริเวณที่มีการร่วมเพศ
  • มีหนอง แผล ก้อนบริเวณที่มีการร่วมเพศ
  • อาจมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  • ผู้หญิงอาจปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ
  • เจ็บปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดหรือทวารหนัก

นอกจากอาการทั่วไปของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังจำแนกอาการของโรคติดตามทางเพศสัมพันธ์ตามเพศได้ด้วย ซึ่งในผู้หญิงและผู้ชายก็จะมีอาการที่ต่างกันออกไปในแต่ละโรค ดังนี้

โรคหนองในแท้

โรคหนองในแท้ หรือโรคโกโนเรีย (Gonorrhoea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียโดยมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่ถุงยาง ใช้ระยะเวลาฟักตัวประมาณ 7-14 วัน

โรคหนองในแท้ในผู้หญิงจะมีอาการตกขาวผิดปกติเป็นน้ำสีเขียวหรือสีเหลือง มีอาการเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง อาจทำให้เกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือท่อรังไข่ตีบตัน และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีบุตรยา ท้องนอกมดลูก หรือมีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ได้

โรคหนองในแท้ของผู้ชายจะมีหนองข้นสีเหลืองหรือเขียวไหลออกจากท่อปัสสาวะ โดยอาจเกิดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ มีอาการเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ อักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายและต่อมลูกหมาก รอบๆ รูองคชาตเป็นสีแดง มีของเหลวออกจากทวารหนัก หากไม่ได้รับการรักษาจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นหมัน

โรคหนองในเทียม

โรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีอาการของโรคคล้ายๆ กับโรคหนองในแท้

โรคหนองในแท้ในผู้หญิงจะมีตกขาวเป็นมูกใสผสมกับมีหนอง ส่งกลิ่นเหม็น ปัสสาวะแสบขัด และอาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยร่วมด้วย

โรคหนองในแท้ในผู้ชายมักมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปวดอวัยวะเพศ บวมแดง และมีน้ำหนองเป็นมูกใสไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ

โรคหนองในแท้กับหนองในเทียมมีความแตกต่างกันคือ โรคหนองในเทียมจะมีอาการแสดงน้อยกว่าหนองในแท้ ไม่ชัดเจน หรือในบางคนอาจจะแสดงอาการช้าหลังได้รับเชื้อ 1-3 สัปดาห์ ทำให้หลายคนรู้ตัวช้า กว่าจะเข้ารับการรักษาก็อยู่ในระดับอาการที่รุนแรงแล้ว

โรคซิฟิลิส

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากกิจกรรมทางเพศ ส่งต่อเชื้อผ่านการสัมผัสแผลที่เกิดจากผู้ป่วยโดยตรง

อาการของโรคซิฟิลิสสามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ ทวารหนัก ช่องปาก ตามลำตัวและระบบภายในร่างกาย โดยอาการของโรคซิฟิลิสจะค่อยๆ แสดงออกหลังรับเชื้อประมาณ 2-4 สัปดาห์ เช่น มีตุ่มแผลขึ้นตามช่องคลอด ช่องปาก มีผื่นขึ้นตามตัวแต่ไม่คัน มีไข้ ปวดเมื่อยตัว

โรคเริม

เริม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการทำกิจกรรมทางเพศโดยไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะสอดใส่ทางอวัยวะเพศก็ดี หรือช่องปากก็ดี

เมื่อเกิดการฟักตัวของเชื้อไวรัสประมาณ 2-14 วัน จะปรากฎตุ่มน้ำ มีอาการบวมแดง แสบบริเวณที่อวัยวะเพศ ริมฝีปาก โดยเมื่อรักษาหายแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นอีกเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ

โรคหูดหงอนไก่

โรคหูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เนื่องจากเชื้อไวรัส HPV มักพบเห็นอาการบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือทางทวารหนัก มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อชมพูอ่อนคล้ายหงอนไก่ และอาจพัฒนาใหญ่ขึ้นจนมีรูปร่างคล้ายดอกกะหล่ำ

โรคแผลริมอ่อน

โรคแผลริมอ่อนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งจะเป็นแผลที่สร้างความเจ็บปวดมาก ๆ เนื่องจากมีลักษณะเป็นหนอง เลือดออกง่าย มีอาการแสบร้อน และเวลาเป็นก็จะมีแผลหลายจุดกระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณใต้หนังหุ้มปลายองคชาติ ถุงอัณฑะ บริเวณทวารหนัก หรือแม้แต่ขาหนีบ

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นเป็นวิธีการตรวจสอบในกลุ่มคนที่ยังไม่มีอาการชัดเจน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในระยะแรก หรือแม้แต่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ประเภทไม่แสดงอาการ เช่น การติดเชื้อ HPV โดยใช้วิธีการตรวจคัดกรองหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับโรคนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเลือด ปัสสาวะ รวมถึงการตรวจภายใน

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นมีข้อดีคือสามารถช่วยทำให้ผู้ป่วยรู้ตัวและได้รับการรักษาได้รวดเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อน และการแพร่กระจายของเชื้อโรคในอนาคตได้เป็นอย่างดี

การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละโรคและระดับความรุนแรงของโรคนั้นๆ โดยแพทย์จะทำการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วินิจฉัย รักษา และจ่ายยาเพื่อลดภาวะแทรกซ้อน รวมถึงควบคุมไม่ให้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมทางเพศอย่างปลอดภัยมากที่สุด เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเราสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วยตนเอง ดังนี้

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือกิจกรรมทางเพศ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเพื่อเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ด้วย
  • ไม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอน ควรมีคู่นอน สามี ภรรยาเพียงคนเดียว
  • ควรตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก่อนมีเพศสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย
  • ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อทางผิวหนัง
  • หมั่นตรวจภายใน หรือฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ไวรัส HPV
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเพิ่มโอกาสการติดเชื้อของโรคขณะมีเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้สารเสพติดด้วยการฉีดยา การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก แต่หากจำเป็นควรสวมใส่ถุงยาง
  • ในผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ หรือกิจกรรมทางเพศในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

สำหรับใครที่สำรวจตัวเองแล้วว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือมีอาการเสี่ยง สำรองคิวนัดหมายกับแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Scroll to Top