ความสัมพันธ์ระหว่างสีตาและสุขภาพมีการศึกษาและสังเกตในบางแง่มุมของวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งอาจพบความสัมพันธ์ที่น่าสนใจในบางด้าน แต่ไม่ถือว่าเป็นกฎเกณฑ์ที่แน่นอนสำหรับทุกคน
สารบัญ
ตาสีเข้ม : มีโอกาสเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้น้อยกว่า
งานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ที่มีม่านตาสีอ่อนนั้นจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้มากกว่ากลุ่มที่มีสีออกไปทางเข้มถึง 2 เท่า โดยเชื่อว่าม่านตาสีเข้มนั้นจะช่วยลดรังสี ultraviolet ที่เข้าสู่ดวงตาซึ่งรังสีนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ดังนั้นการได้รับแสงมากกว่าปกติในผู้ที่มีม่านตาสีอ่อนจึงอาจทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้มากกว่า
ตาสีเข้ม : มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังน้อยกว่า
การมีม่านตาสีเข้มนั้นมักจะแสดงว่าคุณมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าผู้ที่มีม่านตาสีอ่อน งานวิจัยหนึ่งที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมและข้อมูลการได้รับแสงแดดในเด็กอายุ 6-10 ปีจำนวนเกือบ 500 คนนั้นพบว่าเด็กที่มีพันธุกรรมที่ทำให้มีม่านตาสีฟ้านั้นจะมีแนวโน้มที่จะเกิดไฝได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่มีพันธุกรรมนี้ (ซึ่งจำนวนไฝที่เป็นในช่วงเด็กนั้นอาจจะสามารถคาดเดาความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังในผู้ใหญ่ได้) งานวิจัยอีกชิ้นยังพบว่าผู้ที่มีตาสีฟ้าหรือเขียวนั้นมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่ตามากกว่าเนื่องจากมีสารดูดกลืนแสงที่ช่วยป้องกันดวงตาจากการทำลายของแสงแดดในปริมาณที่น้อยกว่า แต่ไม่ว่าคุณจะมีดวงตาสีอะไร วิธีที่แนะนำก็คือการใช้แว่นกันแดดหรือคอนแทคเลนส์ที่สามารถดูดกลืนรังสี ultraviolet ได้
ตาสีอ่อน : เป็นคนชื่นชอบการแข่งขัน
งานวิจัยหนึ่งได้ให้ผู้เข้าร่วมวิจัยทำแบบสอบถามเกี่ยวกับบุคลิกภาพ พบว่าผู้ที่มีตาสีเข้มนั้นมักจะมีความเกี่ยวข้องกับคำศัพท์เช่น “ใจกว้าง เห็นใจผู้อื่น เข้ากับคนง่าย” มากกว่าผู้ที่มีตาสีอ่อนซึ่งมักจะเลือกคำเกี่ยวกับการแข่งขัน ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นยังจะต้องการหลักฐานเพิ่มเติม แต่นักวิจัยเชื่อว่านี่อาจจะเป็นผลมาจากการวิวัฒนาการ เมื่อหลายพันปีก่อน ชาวยุโรปเหนืออาจจะพบว่าผู้ที่มีตาสีอ่อนนั้นแปลกหรือน่าดึงดูดมากกว่า ทำให้ผู้ที่มีตาสีอ่อนนั้นมักจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขัน
ตาสีเข้ม : เชื่อว่าสามารถเชื่อถือได้มากกว่า
งานวิจัยหนึ่งได้ให้ผู้เข้าร่วมวิจัยให้คะแนนความน่าเชื่อถือของรูปถ่าย พบว่ารูปของผู้ที่มีตาสีน้ำตาลนั้นมีคะแนนความน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ที่มีดวงตาสีอ่อน และถึงแม้ว่าจะทำการเปลี่ยนสีตาแล้วก็ตามแต่ก็ยังได้ผลในลักษณะเดียวกัน นอกจากนั้นเมื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ยังพบว่าผู้ชายที่มีตาสีเข้มนั้นมักจะมีลักษณะที่ดูน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ที่มีตาสีอ่อน (เช่น ปากใหญ่ คางกว้าง และตาโตกว่า ซึ่งเป็นลักษณะที่แสดงถึงความสุข)
ตาสีอ่อน : มีแนวโน้มในการเกิดโรคด่างขาวน้ำกว่า
งานวิจัยหนึ่งได้ทำการติดตามผู้ที่เป็นโรคด่างขาว และสามารถระบุรหัสพันธุกรรม 13 ตำแหน่งที่มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเกิดโรคด่างขาวที่เพิ่มขึ้น และพบว่าผู้ที่เป็นโรคนั้นมักจะไม่มีดวงตาสีอ่อน งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งได้ทำการศึกษาต้นตระกูลของผู้ป่วยโรคด่างขาว และพบว่าส่วนใหญ่นั้นจะมีดวงตาสีเข้ม และมีเพียง 27% ที่มีตาสีฟ้าหรือเทาซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากบันทึกข้อมูลสีตาของประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นแล้ว ผู้ที่เป็นโรคด่างขาวยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแพ้ระบบภูมิคุ้มกันตัวเองโรคอื่นเช่นลูปัส โรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตาสีเข้ม : ดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่า
งานวิจัยหนึ่งได้ทำแบบสอบถามและพบว่าผู้ที่มีตาสีอ่อนนั้นมีการดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ที่มีตาสีเข้มอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าน่าจะเกิดจาก melanin ซึ่งเป็นสารสีที่ทำให้ดวงตามีสีเข้มขึ้น สารนี้มีส่วนในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ดังนั้นหากปริมาณของเมลานินในดวงตานั้นสัมพันธ์กับระดับของเมลานินในสมอง อาจจะแสดงว่าผู้ที่มีดวงตาสีเข้มนั้นจะไวต่อสารกระตุ้นต่างๆ เช่นแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ที่มีดวงตาสีอ่อน อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนี้