intrauterine insemination iui 1 scaled

รวมทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับการทำ IUI ฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ ใครหลายคนคงคุ้นเคยกับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ซึ่งเป็นวิธีผสมเทียมที่มีค่าใช้จ่ายสูง ราคาประมาณ​ 150,000-300,000 บาท อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้วอยู่เสมอ

มีคำถามเกี่ยวกับ IUI? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ในบทความจะพาไปทำความรู้จักอีกหนึ่งเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ที่มีราคาแค่หลักหมื่น นั่นก็คือ “การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “IUI” จะน่าสนใจแค่ไหน เหมาะกับใคร ไปดูกันเลย

ฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) คืออะไร?

การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (Intrauterine insemination: IUI) เป็นเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด โดยแพทย์จะคัดเลือกตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวได้ดี นำไปฉีดเข้าโพรงมดลูก โดยที่ตัวอสุจิไม่ต้องว่ายผ่านปากมดลูก

การที่ตัวอสุจิไม่ต้องว่ายผ่านปากมดลูกนั้น จะทำให้มีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวได้ดีจำนวนมากเข้าไปในโพรงมดลูก ช่วยเพิ่มโอกาสที่อสุจิจะทำการปฏิสนธิกับไข่มากยิ่งขึ้น

การทำ IUI จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์มากกว่าวิธีปกตินั่นเอง

IUI มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์กี่เปอร์เซ็นต์?

อัตราความความสำเร็จในการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก หรือ IUI ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • อายุของผู้หญิง โดยผู้หญิงที่มีอายุ 40 ขึ้นไป จะมีแนวโน้มอัตราการตั้งครรภ์ลดลง
  • จำนวนไข่ที่สมบูรณ์พอที่จะทำให้เกิดการปฏิสนธิได้
  • ความเข้มข้นของจำนวนอสุจิที่ใช้ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ฉีดอสุจิ
  • สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
  • ปัจจัยในการดำเนินชีวิต เช่น ผู้ที่ทำงานหนักและมีความเครียดมาก ก็อาจส่งผลให้อัตราการตั้งครรภ์ลดลง
  • การใช้ หรือไม่ใช้ยากระตุ้นรังไข่ โดยผู้ใช้ยากระตุ้นรังไข่จะมีอัตราการตั้งครรภ์สำเร็จสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้ยา แต่ก็ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดครรภ์แฝดด้วย

โดยข้อมูลจาก ​​American Pregnancy Association พบว่า อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการทำ IUI อยู่ที่ 20% ต่อการทำ IUI 1 ครั้ง

ใครที่สามารถทำ IUI ได้?

การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก หรือ IUI มักทำในคู่รักที่ฝ่ายชายมีปัญหาจำนวนอสุจิต่ำกว่ามาตรฐาน (น้อยกว่า 2 ล้านตัวต่อมิลลิลิตร) อสุจิเคลื่อนไหวได้น้อย หรือรูปร่างอสุจิผิดปกติไม่มาก

อย่างไรก็ตาม การทำ IUI สามารถใช้รักษาภาวะมีบุตรยากในกลุ่มคนเหล่านี้ได้เช่นกัน

  • ผู้ที่ต้องการรับบริจาคเชื้ออสุจิ
  • ผู้หญิงที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ด้วยวิธีปกติได้ภายใน 6 เดือน
  • ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) มีปัญหาเรื่องการตกไข่ หรือมูกบริเวณปากมดลูกผิดปกติ
  • ผู้ชายเคยแช่แข็งเชื้ออสุจิไว้
  • ผู้หญิงที่มีอาการแพ้อสุจิ ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์จะเกิดอาการแดง บวม แสบร้อน ซึ่งการทำ IUI จะช่วยให้สามารถตั้งครรภ์ได้โดยหลีกเลี่ยงการเกิดอาการแพ้

ใครที่ไม่สามารถทำ IUI ได้?

  • ผู้หญิงที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แบบรุนแรง
  • ผู้หญิงที่ตัดต่อนำรังไข่ทั้ง 2 ข้าง หรือทำการผูกท่อนำรังไข่ทั้ง 2 ข้างแล้ว
  • ผู้หญิงที่มีโรคเกี่ยวกับท่อนำรังไข่ชนิดรุนแรง
  • ผู้หญิงที่เกิดการติดเชื้อในอุ้งกระดูกเชิงกราน
  • ผู้ชายที่ไม่สามารถผลิตเชื้ออสุจิได้ จำนวนอสุจิหลังการเตรียมมีน้อยกว่า 1 ล้านตัว หรือตัวอสุจิมีรูปผิดปกติมาก

อยากทำ IUI ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

คู่รักที่ต้องการทำ IUI ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไป คัดกรองโรคทางพันธุกรรม และตรวจหาสาเหตุภาวะมีบุตรยากก่อน เพื่อที่แพทย์จะได้วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น

  • ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด ตรวจหมู่เลือด ตรวจระดับฮอร์โมน ตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม หรือโรคติดต่อที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็ก เช่น เอชไอวี (HIV) การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบี หรือซี
  • ฝ่ายหญิง ตรวจการตกไข่ อัลตราซาวด์ช่องคลอดเพื่อดูมดลูกและรังไข่ หรือส่องกล้องดูโพรงมดลูกและท่อนำรังไข่
  • ฝ่ายชาย ตรวจความสมบูรณ์ของอสุจิ โดยดูรูปทรง ขนาด และปริมาณของอสุจิ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตัดสินใจเลือกวิธีการผสมเทียมที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

ขั้นตอนการทำ IUI เป็นอย่างไร?

การทำ IUI มี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 กระตุ้นรังไข่

ในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีปัญเรื่องการตกไข่ แพทย์จะให้ยาฮอร์โมนสังเคราะห์ในปริมาณน้อย เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่ออกมามากกว่า 1 ฟอง แต่จะต้องไม่มากเกินไป

รูปแบบยาจะมีทั้งแบบรับประทาน และแบบฉีด โดยในระหว่างที่รับการกระตุ้นรังไข่จะต้องเข้ารับการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของไข่อยู่เสมอ

ตัวอย่างยาฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ใช้กระตุ้นรังไข่

  • Luteinizing hormone (LH) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นรังไข่ในเพศหญิง ทำให้รังไข่ปล่อยไข่ออกมา
  • Follicle stimulating hormone (FSH) เป็นฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการตกไข่มากขึ้น
  • Gonadotropin-Releasing Hormone (GnRH Antagonist) ช่วยป้องกันไม่ให้ไข่ตกก่อนกำหนด จะฉีด 2-4 วันหลังจากฉีดยากระตุ้นรังไข่
  • Human Chorionic Gonadotropin (hCG) แพทย์จะฉีดในตอนที่ไข่มีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว เพื่อกระตุ้นให้ไข่ตกภายใน 24-36 ชั่วโมง

ข้อควรระวังในการใช้ยาฮอร์โมนสังเคราะห์กระตุ้นรังไข่

มีคำถามเกี่ยวกับ IUI? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • การใช้ยาฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง อารมณ์เเปรปรวน ร้อนวูบวาบ หรือท้องอืด ผู้เข้ารับการกระตุ้นรังไข่จึงควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเพื่อรับมือกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • การกระตุ้นรังไข่อาจทำให้เกิดครรภ์แฝด หรือภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปได้

ขั้นตอนที่ 2 เก็บสเปิร์ม หรือเชื้ออสุจิฝ่ายชาย

ขั้นตอนการเก็บเสปิร์ม (Sperm) หรือเชื้ออสุจิจะทำในวันถัดไปจากวันที่ฉีดยาฮอร์โมน hCG เพื่อกระตุ้นการตกไข่เลย

โดยฝ่ายชายจะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือหลั่งน้ำอสุจิ 2-7 วัน ก่อนเก็บสเปิร์ม และหลังจากเก็บสเปิร์มได้แล้ว จะต้องนำไปส่งแพทย์ภายใน 1 ชั่วโมง

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้รับเชื้ออสุจิแล้ว จะนำไปคัดแยกในห้องปฏิบัติการณ์ เพื่อเลือกตัวอสุจิที่มีคุณภาพไปฉีดเข้าโพรงมดลูก

ขั้นตอนที่ 3 ฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก

การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกจะทำหลังจากที่ไข่ตกแล้ว โดยไข่จะมีความสามารถในการทำปฏิสนธิได้ภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังการตกไข่ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณเวลาฉีดที่เหมาะสมเอง

ขั้นตอนการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกนั้น แพทย์จะนำน้ำเชื้ออสุจิบรรจุลงในท่อพลาสติกปราศจากเชื้อขนาดเล็กๆ แล้วทำการสอดท่อผ่านเข้าปากมดลูก และฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง

วิธีการนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ 15-30 นาที และไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด

หลังทำ IUI ต้องดูแลตนเองอย่างไร?

หลังจากฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกแล้ว แพทย์จะให้นอนพักประมาณ 30-60 นาที หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ตามปกติ โดยในระหว่างนั้นจะต้องดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น

  • งดมีเพศสัมพันธ์ในวันแรกที่ทำ IUI หลังจากนั้นสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่สด สะอาด ถูกหลักอนามัย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
  • พยายามไม่เครียด หรือกดดันจนเกินไป โดยการหากิจกรรมยามว่างทำ เช่น ดูหนัง อ่านหนังสือ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หากงดไม่ได้ ให้ดื่มไม่เกินวันละ 1 แก้ว
  • หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก การออกกำลังกายหนัก และการนั่งรถนานๆ
  • หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือสมุนไพร
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่

การทำ IUI กี่วันถึงรู้ผล?

แพทย์จะนัดตรวจการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการตรวจเลือด หลังจากทำ IUI ไปแล้ว 2 สัปดาห์ หากตรวจพบการตั้งครรภ์จะส่งให้สูติแพทย์ดูแลต่อไป แต่ถ้าไม่พบการตั้งครรภ์ก็จะให้ทำ IUI ซ้ำอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หากทำ IUI 3 ครั้ง แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ แพทย์อาจแนะนำให้ทำวิธีการผสมเทียมอย่างเด็กหลอดแก้วต่อไป

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำ IUI มีอะไรบ้าง?

แม้ว่าการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก หรือ IUI จะเป็นวิธีการที่ปลอดภัย มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เหมือนกัน ได้แก่

  • การติดเชื้อ ในขั้นตอนการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก จะต้องสอดสายสวนขนาดเล็กผ่านทางปากมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่พบได้น้อยมาก
  • การระคายเคือง ในขั้นตอนการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก จะต้องสอดสายสวนขนาดเล็กผ่านทางปากมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเลือดออกเล็กน้อยได้ แต่ไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์
  • การตั้งครรภ์แฝด การทำ IUI อย่างเดียวไม่ส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์แฝด แต่ในผู้ที่ใช้ยาฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ร่วมด้วย จะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์แฝดมากขึ้น

IUI แตกต่างจากการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ICSI และ IMSI อย่างไร?

แม้ว่าการทำ IUI IVF ICSI IMSI จะจัดอยู่ในเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธ์ุเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกัน ดังนี้

  • IUI (Intrauterine inseminationคือการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกโดยตรง และปล่อยให้อสุจิกับไข่ทำการปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติ
  • IVF (In-Vitro fertilizationคือการนำไข่และเชื้ออสุจิมาทำการปฏิสนธิในหลอดแก้ว หรือจานทดลอง ก่อนที่จะนำไปเพาะเลี้ยงเป็นตัวอ่อน และย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก
  • ICSI (Intracytoplasmic sperm injectionเป็นขั้นตอนย่อยของ IVF จะทำในกรณีที่การทำ IVF ปกติ ไม่ประสบความสำเร็จ โดยแพทย์จะคัดเลือกอสุจิ 1 ตัว ฉีดเข้าไปที่ไข่ 1 ใบ
  • IMSI (Intracytoplasmic Morphologically Selected Sperm Injection) เป็นเทคโนโลยีการคัดเลือกอสุจิด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูง 6,000 เท่า ทำให้สามารถเห็นลักษณะรูปร่างของตัวอสุจิได้ละเอียดกว่าการคัดเลือกอสุจิด้วยกล้องจุลทรรศน์ปกติ

นอกจากนี้ ใครหลายคนมักคิดว่า การตั้งครรภ์ด้วยเทคโนโลยีเจริญพันธุ์จะสามารถเลือกเพศลูกได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำ IUI, IVF, ICSI หรือ IMSI ก็ไม่สามารถเลือกเพศของลูกได้

แต่ในการทำ IVF หรือ ICSI แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของตัวอ่อนระยะก่อนฝังตัว (Preimplantation Genetic Diagnosis: PGD) เพิ่มเติม ซึ่งในขั้นตอนนี้จะช่วยให้รู้เพศของตัวอ่อนก่อนย้ายไปฝังในโพรงมดลูกได้ ซึ่งมีความแม่นยำ 99.99%

ทำ IUI ฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก ราคาเท่าไร ทำที่ไหนดี?

ราคาการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก หรือ IUI เริ่มต้นที่ 10,000-50,000 บาท ซึ่งอาจรวมค่าตรวจสุขภาพของชายและหญิง ค่ายากระตุ้นรังไข่ ค่าเก็บน้ำเชื้ออสุจิ ค่าทดสอบการตั้งครรภ์แล้ว หรือยังไม่รวมก็ได้ ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละสถานพยาบาล

ดังนั้นผู้ที่ต้องการทำ IUI จึงควรสอบถามรายละเอียดของแพ็กเกจกับเจ้าหน้าที่ก่อนตัดสินใจทำ

มีคำถามเกี่ยวกับ IUI? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ