ฟันเหลือง ฟันหมอง ฟันเป็นคราบคล้ำไม่สดใส เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจโดยเฉพาะเวลาต้องยิ้มเห็นฟัน หรือหัวเราะกว้างๆ หลายคนจึงเลือกแก้ปัญหานี้ด้วยการฟอกสีฟันเพื่อให้ฟันดูขาวขึ้นอย่างชัดเจนและเห็นผลรวดเร็วทันใจ
หลายคนอาจคิดว่า การฟอกสีฟันต้องไปทำที่คลินิก หรือโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้เราสามารถฟอกสีฟันด้วยตัวเองได้ที่บ้านแล้ว แถมยังได้ผลลัพธ์ดีเกือบเทียบเท่าการฟอกฟันที่คลินิกเลยทีเดียว
สารบัญ
- ความหมายของการฟอกสีฟัน
- สาเหตุที่คนเรามีสีฟันแตกต่างกัน
- ข้อดี-ข้อเสีย การฟอกสีฟันด้วยตัวเองกับฟอกสีฟันที่คลินิก
- 1. ค่าใช้จ่าย
- 2. ผลลัพธ์ และระยะเวลา
- วิธีฟอกสีฟันด้วยตัวเอง
- อุปกรณ์ที่อยู่ในชุดฟอกสีฟันด้วยตัวเอง
- เตรียมตัวก่อนฟอกสีฟันอย่างไรบ้าง
- ขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วยตนเอง
- ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันด้วยตนเอง
- ฟอกสีฟันด้วยตัวเอง มีผลข้างเคียงหรือไม่?
- การดูแลหลังฟอกสีฟัน
- ค่าใช้จ่ายในการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง
- ตัวอย่างวิธีการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง ราคา และระยะเวลาที่ใช้
ความหมายของการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟัน (Teeth whitening) คือ การใช้สารบางอย่าง เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogenperoxide) เพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับเนื้อฟัน และเปลี่ยนสีฟันให้ดูขาวสว่างขึ้น จึงเหมาะกับผู้ที่มีเนื้อฟันเหลืองโดยธรรมชาติ หรือฟันมีสีจากการเกิดคราบบนฟัน
ทั้งนี้การเปลี่ยนสีฟันให้ขาวขึ้นนั้นมีด้วยกันหลายวิธี เช่น ใช้ยาสีฟันที่มีสารฟอกฟันขาว หรือใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อฟันขาวรูปแบบต่างๆ แต่ที่เราจะแนะนำวันนี้ก็คือ การฟอกสีฟันโดยใช้ถาดพิมพ์ครอบฟันร่วมกับน้ำยา หรือเจลฟอกฟัน ซึ่งเป็นวิธีฟอกสีฟันด้วยตนเองที่เรียกได้ว่า ให้ผลดีที่สุด
สาเหตุที่คนเรามีสีฟันแตกต่างกัน
- กรรมพันธุ์ สีฟันของคุณจะเป็นอย่างไรนั้น พื้นฐานหลักๆ มาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลต่อสีของเนื้อฟันตามธรรมชาติโดยตรง ว่าจะขาวหรือเหลืองมากน้อยแค่ไหน
- ช่วงวัย และการเจริญพันธุ์ เมื่ออายุมากขึ้น เคลือบฟันของเราจะบางลง และค่อยๆ เผยสีเหลือง หรือสีน้ำตาลของชั้นเนื้อฟันตามธรรมชาติออกมา
- พฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมด้านการรับประทานอาหาร การดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอออล์ พฤติกรรมด้านการดูแลช่องปาก การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟันที่ไม่ถูกวิธี การรับฟลูออไรด์มากจนเกินไป รวมไปถึงการที่ฟันถูกทำลายจากอุบัติเหตุต่างๆ ย่อมมีผลทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้ทั้งสิ้น
ข้อดี-ข้อเสีย การฟอกสีฟันด้วยตัวเองกับฟอกสีฟันที่คลินิก
เมื่อเกิดปัญหาฟันเหลือง หรือมีสีไม่พึงประสงค์ ทางออกที่หลายคนมักหันมาพึ่งพิงก็คือ “การฟอกสีฟัน” ซึ่งมีทั้งการฟอกสีฟันโดยผู้เชี่ยวชาญ ในคลินิกทันตกรรมต่างๆ และการฟอกฟันด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งทั้งสองวิธีหลักๆ นี้มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ค่าใช้จ่าย
การฟอกสีฟันที่คลินิกย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า นอกจากนี้ราคายังถูกประเมินจากประเภทและอุปกรณ์ที่เลือกใช้ด้วย สนนราคาอยู่ที่ 3,000-12,000 บาทต่อครั้ง ขณะที่การฟอกฟันด้วยตัวเองที่บ้านนั้นมีค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก
คุณสามารถหาซื้ออุปกรณ์และน้ำยาฟอกฟันมาใช้เองได้ในเริ่มต้นเพียงไม่กี่ร้อยไปจนถึงหลักพัน ตามแต่ยี่ห้อ และคุณภาพผลิตภัณฑ์
2. ผลลัพธ์ และระยะเวลา
การฟอกฟันที่บ้านอาจจะต้องอาศัยวินัยในการทำอย่างสม่ำเสมอ และใช้เวลาพอสมควรจึงจะเห็นผล ขณะที่การฟอกฟันในคลินิกมักจะเห็นผลอย่างรวดเร็วหลังทำทันที แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการเสียวฟันที่มากกว่า
ดังนั้นจึงอยู่ที่แต่ละคนว่าต้องการความรวดเร็วมากน้อยแค่ไหน รวมถึงปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายมาร่วมพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
วิธีฟอกสีฟันด้วยตัวเอง
อันดับแรก คุณต้องมีชุดอุปกรณ์สำหรับฟอกสีฟันด้วยตัวเอง มีทั้งแบบที่ใช้ภายใต้การควบคุมของทันตแพทย์ และแบบหาซื้อมาใช้เองจากร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องให้ทันตแพทย์แนะนำ
ข้อแตกต่างกันของอุปกรณ์ฟอกสีฟันทั้ง 2 แบบนี้ก็ คือ ความเข้มข้นของ Hydrogenperoxide ในน้ำยาฟอกสีฟัน โดยแบบที่หาซื้อได้ทั่วไปจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า
อุปกรณ์ที่อยู่ในชุดฟอกสีฟันด้วยตัวเอง
- ถาดครอบฟัน หากเป็นถาดครอบฟันจากคลินิกทันตกรรม ทันตแพทย์จะพิมพ์ถาดที่รับกับรูปฟันของคนไข้แต่ละรายพอดี ทำให้สารฟอกสีฟันสัมผัสกับผิวฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
- น้ำยา หรือเจลฟอกสีฟัน จะมีส่วนผสมของ Hydrogenperoxide ประมาณ 10% หรือน้อยกว่านั้น
- ไซริงค์ สำหรับฉีดน้ำยาฟอกสีฟัน
เตรียมตัวก่อนฟอกสีฟันอย่างไรบ้าง
ก่อนถึงขั้นตอนการฟอกสีฟัน คุณควรทำความสะอาดและเตรียมความพร้อมของช่องปาก และฟันตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แปรงฟันให้สะอาด โดยใช้ยาสีฟันที่ผสมโพแทสเซียมไนเตรท (Potassiumnitrate) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดความตึงเครียดของเส้นประสาทในเนื้อฟัน จึงช่วยลดอาการเสียวฟันที่จะเกิดขึ้นจากการฟอกฟันได้
- รับการขูดหินปูนกับทันตแพทย์ให้เรียบร้อยก่อน เพราะคราบหินปูนที่หนาเตอะอาจทำให้การฟอกสีฟันไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร หรือฟอกไปแล้วฟันดูไม่ขาวขึ้นสักเท่าไหร่
- อุดฟันกับทันตแพทย์ให้เรียบร้อย หากปวดฟันควรไปให้ทันตแพทย์ตรวจดูก่อนตัดสินใจฟอกสีฟันด้วยตนเอง
ขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วยตนเอง
- ใช้ไซริงค์ฉีดเจลฟอกสีฟัน หรือทาเจลลงบนถาดครอบฟันให้ทั่ว
- ใส่ถาดครอบฟันให้เข้ากันพอดีกับรูปฟัน ทิ้งไว้ประมาณ 1–4 ชั่วโมง ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ หรือคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ที่ใช้
- ทำการฟอกสีฟันอย่างสม่ำเสมอ ระยะแรกควรฟอกสีฟันทุกวัน แต่หากมีอาการเสียวฟันสามารถทำวันเว้นวันได้ และควรทำต่อเนื่องกัน 1–3 สัปดาห์ เพื่อรักษาระดับความขาวของฟันไว้
ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันด้วยตนเอง
ในแต่ละครั้งที่ฟอกสีฟัน ฟันจะขาวสว่างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ฟันของแต่ละคนอาจขาวขึ้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสีฟันเริ่มต้น ระยะเวลาที่ครอบถาดฟัน และความเข้มข้นของเจลฟอกสีฟันที่ใช้ด้วย
นอกจากนี้ผู้ที่ฟอกสีฟันด้วยตนเองก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากการฟอกสีฟันด้วยตัวเองนั้นไม่ได้ทำให้ฟันขาวขึ้นถาวร และหลังหยุดฟอกสีฟัน ฟันก็อาจมีสีคล้ำลงเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานอาหารที่เพิ่มสีและคราบให้เนื้อฟัน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมถึงการละเลยการดูแลสุขภาพฟัน เช่น แปรงฟันไม่สะอาดทั่วถึง ไม่ใช้ไหมขัดฟัน
นอกจากนี้การฟอกสีฟันด้วยตัวเองจะไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน เมื่อเทียบกับการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ เนื่องจากการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์จะใช้ Hydrogenperoxide ที่เข้มข้นกว่า และมีการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ มาช่วยเสริมประสิทธิภาพของน้ำยา เช่น
- การฟอกสีฟันด้วยเทคโนโลยี Zoom ที่ใช้แสงสีฟ้ามากระตุ้นน้ำยา
- การใช้แสง Cool light หรือลำแสงเลเซอร์ มากระตุ้นน้ำยา
ฟอกสีฟันด้วยตัวเอง มีผลข้างเคียงหรือไม่?
น้ำยาที่ใช้ฟอกสีฟันจะไปทำปฏิกิริยาให้เม็ดสีบนฟันแตกตัวออกจึงอาจทำให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง เช่น รู้สึกเสียวฟัน เหงือกพอง ระคายเคืองเนื้อเยื่อในปาก
ผลข้างเคียงเหล่านี้จะเกิดขั้นในช่วง 1– 2 วันแรก หลังการฟอกสีฟันแต่ละครั้ง และจะหายไปได้เอง แต่หากรู้สึกเสียวฟัน หรือระคายเคืองในปากมากๆ ก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการหรือปรึกษาหมอฟันเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
การดูแลหลังฟอกสีฟัน
การดูแลช่องปาก และฟันหลังการฟอกสีฟันถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ฟันคความขาวได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยมีข้อแนะนำดังต่อไปนี้
- แปรงฟันให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และอาจใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อป้องกันอาการเสียวฟันจากการฟอกฟัน
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสีอย่างเย็นตาโฟ ซอสต่างๆ รวมถึงลูกอมและของหวาน เพราะอาหารพวกนี้จะทำให้ฟันเหลืองเร็ว
- หากอยากให้ฟันขาวสดใสยาวนาน ควรงดสูบบุหรี่ด้วย
- หากมีอาการเสียวฟันมากๆ ให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
ค่าใช้จ่ายในการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง
ผลิตภัณฑ์สำหรับฟอกสีฟันที่วางขายทั่วไป มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาท จนถึงหลักพันบาท คุณสามารถเลือกราคา และคุณสมบัติได้ตามต้องการ
แต่หากเป็นการฟอกสีฟันด้วยตัวเองภายใต้การควบคุมของทันตแพทย์ ชุดอุปกรณ์จะมีราคาแพงกว่า ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเจลฟอกสีฟัน และวัสดุที่ใช้ครอบฟันเพราะเป็นถาดฟันที่ทำพิเศษสำหรับคนไข้แต่ละราย น้ำยาฟอกฟันมีความเข้มข้นมากกว่า
ตัวอย่างวิธีการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง ราคา และระยะเวลาที่ใช้
- พิมพ์ฟันและทำถาดฟอกสีฟัน วิธีนี้คุณจะต้องเข้าพบทันตแพทย์ก่อน เพื่อทำการพิมพ์ฟันและทำถาดฟอกสีฟันที่มีขนาดพอดีกับปากและฟัน จากนั้นให้สวมถาดฟอกสีฟันไว้ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง/วัน ฟันจะค่อยๆ ขาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์จึงจะเห็นผล
- ปากกาเจลฟอกฟันขาว พียงทาเจลลงบนฟัน ปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้ฟันค่อยๆ ขาวขึ้น ผลลัพธ์ และความรวดเร็วนั้นขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และราคาของผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกซื้อ ราคาปากกาเจลฟอกฟันขาวตามท้องตลาดมีตั้งแต่หลักสิบปลายๆ ไปจนถึงหลายร้อย
- แผ่นฟอกสีฟัน หาซื้อง่าย ใช้สะดวก เพียงนำแผ่นพลาสติกที่มีน้ำยาฟอกสีฟันมาแปะฟันทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยลอกออก ราคามีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึง 2,000-3,000 บาท ระยะเวลาเห็นผลก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และราคาอีกเช่นกัน
การใช้อุปกรณ์ฟอกสีฟันด้วยตนเองนั้นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ซื้อจากคลินิกก็ตามเพราะหากใช้ผิดวิธีอาจส่งผลให้ฟันเสียหาย หรือเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพปากและฟันได้
นอกจากนี้บางรายก็อาจไม่เหมาะกับการฟอกสีฟันวิธีนี้ ทางที่ดีจึงควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเลือกใช้อุปกรณ์ฟอกสีฟันด้วยตนเอง และมองหาอุปกรณ์ฟอกสีฟันที่มีเครื่องหมายรับรองจากองค์การอาหาร และยาว่าปลอดภัยเท่านั้น