ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยกับผู้หญิงทุกวัย ทั้งวัยที่กำลังมีประจำเดือน ใกล้หมดประจำเดือน รวมทั้งวัยหมดประจำเดือนแล้ว ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกไม่มีอาการที่สามารถสังเกตได้อย่างแน่ชัด ส่วนมากมักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจภายใน ลองมาทำความเข้าใจกันดูว่า ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกคืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร และจะรักษาได้อย่างไรบ้าง ถ้าไม่รักษามีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งไหม
สารบัญ
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกคืออะไร?
“ติ่งเนื้อ” เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในผู้หญิง อาจมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดงา หรือใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ และอาจมีเพียงติ่งเดียว หรือมีจำนวนมากกว่านั้นก็ได้ ส่งผลให้มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ ประจำเดือนมามากผิดปกติ อาจมีตกขาวปนเลือด หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็นออกมาจากช่องคลอด
ติ่งเนื้อที่พบได้บ่อยในผู้หญิง มีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่
1. ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial Polyp / Uterine Polyp) หรือ ติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อยื่นออกมาจากผนังด้านในของมดลูกเข้าสู่โพรงมดลูก มีทั้งรูปร่างกลม และวงรีมีก้าน เกิดจากการที่เนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดปกติ โดยทั่วไปจะไม่เจริญเป็นมะเร็งและมักไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติใดๆ
2. ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก (Cervical Polyp) มีลักษณะเป็นเนื้อสีแดงเชอร์รี่ใสๆ หรือแดงอมม่วง ยื่นออกมาจากปากมดลูก มักไม่เจริญเป็นมะเร็งเช่นกัน
นอกเหนือจากติ่งเนื้อทั้ง 2 ประเภทข้างต้นแล้ว ยังมี ติ่งเนื้อช่องคลอด (Vaginal Polyps) ซึ่งจัดเป็นประเภทติ่งเนื้อที่แยกต่างหากจากติ่งเนื้อในโพรงมดลูกและติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
แม้ว่าติ่งเนื้อในช่องคลอดจะพบน้อยกว่าติ่งเนื้อในมดลูกและปากมดลูก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยมักมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเล็กๆ สีชมพูหรือแดง ยื่นออกมาจากผนังช่องคลอด อาจเกิดจากการอักเสบเรื้อรังหรือการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อช่องคลอด
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกเกิดจากสาเหตุใด?
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกอย่างแน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดได้หลายปัจจัย เช่น
- การอักเสบของปากมดลูก ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส และอาจเกิดจากการใช้อุปกรณ์ภายในมดลูก เช่น ห่วงอนามัย (IUD) หรือสารเคมีบางชนิดในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอด
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเยื่อปากมดลูกและนำไปสู่การเกิดติ่งเนื้อ
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่าก่อนตั้งครรภ์
- การคลอดบุตรหรือการผ่าตัดที่ปากมดลูก ซึ่งที่ให้ปากมดลูกเกิดการบาดเจ็บ อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อได้
- พันธุกรรม ผู้ที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นติ่งเนื้อปากมดลูก จะมีความเสี่ยงเป็นติ่งเนื้อปากมดลูกได้เช่นกัน
ตอบทุกข้อสงสัยและแก้ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับติ่งเนื้อที่ปากมดลูก คลิกอ่านต่อ
อาการแบบไหนที่บอกให้รู้ว่า เป็นติ่งเนื้อที่ปากมดลูก?
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ไม่มีอาการที่สามารถสังเกตได้อย่างแน่ชัด แต่ตรวจพบได้จากการตรวจภายใน และตรวจอัลตราซาวด์อุ้งเชิงกรานและมดลูก โดยอาจมีสัญญาณดังนี้
- มีเลือดออกจากช่องคลอดกะปริบกะปรอยโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ค่อนข้างมาก คล้ายกับประจำเดือน
- มีประจำเดือนมาก หรือนานผิดปกติ
- ตกขาวปนเลือด หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อที่ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
อย่างไรก็ตาม หากแพทย์ตรวจพบติ่งเนื้อจะแนะนำให้ตัดออก โดยไม่ต้องรอให้มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น จากนั้นแพทย์จะนำตัวอย่างชิ้นเนื่อเยื่อของติ่งเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาในห้องปฏิบัติการ เพื่อทดสอบว่า เป็นเนื้อร้ายหรือไม่
อาการที่เป็นอยู่ ใช่ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกรึเปล่า อยากตรวจเพิ่มเติมให้มั่นใจ ปรึกษาทีม HDcare หาแพ็กเกจราคาดีใกล้คุณได้ ที่นี่
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก รักษาได้อย่างไร?
ในบางกรณีติ่งเนื้อที่ปากมดลูกสามารถหายหรือหลุดออกมาได้เองในช่วงที่มีประจำเดือน หรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์ แต่ในกรณีที่ติ่งเนื้อไม่สามารถหลุดออกมาเองได้ แพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดเอาติ่งเนื้อออก
การผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เป็นการผ่าตัดเล็ก สามารถทำได้ในห้องตรวจ เจ็บน้อย ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องใช้ยาสลบ ส่วนใหญ่ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้วสามารถกลับบ้านได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ แพทย์จะย้ายไปห้องผ่าตัด แล้วผ่าตัดโดยผูกสายผ่าตัดรอบโคนติ่งเนื้อแล้วตัดออก หรือใช้วิธีจี้ขั้วติ่งเนื้อด้วยไฟฟ้า
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกอันตรายหรือไม่?
หลายคนกังวลว่า ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกอาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก แต่ความจริงแล้ว ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกมีโอกาสเป็นเนื้อร้ายหรือเซลล์มะเร็งได้ก็จริง แต่ไม่เสมอไป และมีโอกาสน้อยมาก ติ่งเนื้อปากมดลูกโดยส่วนมากจะเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่ร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม แม้ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้แล้วไม่รักษา อาจมีความเสี่ยงเกิดการติดเชื้อ ตกขาวปนเลือด หรือมีกลิ่นเหม็นได้
นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ด้วย โดยเฉพาะเมื่อติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่หรือขัดขวางการฝังตัวและการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่ารอให้มีอาการผิดปกติ หรือติดเชื้อก่อนค่อยรักษา..หมั่นตรวจภายในเป็นประจำทุกปี เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมา
สงสัยว่าเป็นติ่งเนื้อที่ปากมดลูกอยู่หรือเปล่า? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย