“มะเร็งลำไส้ใหญ่” หนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตของคนไทยเป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นโรคที่มักทำให้ใครหลายคนอาจไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นอยู่ กว่าจะรู้ก็อยู่ในระยะลุกลามแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่า สาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่มาจากอะไร? รู้ได้อย่างไรว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่? มะเร็งลำไส้ใหญ่ป้องกันได้หรือไม่? ฯลฯ วันนี้ HDmall ชวนคุณมาหาคำตอบ และรู้จักมะเร็งลำไส้ใหญ่ไปด้วยกัน!
สารบัญ
- 1. มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากอะไร? ถ้าคนในครอบครัวเป็น เรามีความเสี่ยงไหม?
- 2. มะเร็งลำไส้ใหญ่มีอาการหรือสัญญาณอะไรบ้าง?
- 3. ไม่มีอาการของโรค จำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ไหม?
- 4. มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาอย่างไร?
- 5. มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาหายได้หรือไม่?
- 6. มะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันได้ไหม?
- 7. เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว กลับมาเป็นซ้ำได้อีกไหม?
1. มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากอะไร? ถ้าคนในครอบครัวเป็น เรามีความเสี่ยงไหม?
ตอบ: โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากความผิดปกติของการเจริญเติบโตบริเวณเนื้อเยื่อลำไส้ ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์และเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องจนควบคุมไม่ได้ โดยระยะแรกมักเกิดจากการเป็นติ่งเนื้องอกเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “โพลิป” (Polyp) เมื่อไม่ได้รับการรักษาหรือตัดทิ้ง อาจกลายไปเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งได้
ปัจจุบันเรายังไม่รู้สาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่ก็พบปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้น แบ่งได้เป็น 2 ปัจจัย คือ
- ปัจจัยความเสี่ยงจากตัวบุคคล ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ราว 90% มีอายุ 50 ปีขึ้นไป บางกลุ่มมีประวัติเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือมีประวัติเคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นถ้ามีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะญาติสายตรง คือ พ่อแม่ พี่น้อง และลูก
- ปัจจัยความเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง สัตว์เนื้อแดง อาหารไหม้เกรียม ดื่มน้ำน้อย สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ไม่ออกกำลังกาย และมีนำ้หนักตัวเกิน
รู้แบบนี้แล้ว อย่าลังเลที่จะไปตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างสม่ำเสมอ เพราะการมีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงของโรคด้วยเช่นกัน
2. มะเร็งลำไส้ใหญ่มีอาการหรือสัญญาณอะไรบ้าง?
ตอบ: ช่วงเริ่มต้นของโรคอาจเกิดเพียงติ่งเนื้อหรือเนื้องอกเล็ก ๆ ในลำไส้เพียงเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักไม่มีอาการ หรืออาการไม่ชัดเจน เลยแยกได้ยากว่าเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ หรือเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ดี ถ้าพบว่าตนเองมีอาการต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ขับถ่ายผิดปกติ มีอาการท้องเสีย สลับกับท้องผูกเรื้อรัง
- อุจจาระมีลักษณะลีบเป็นลำเล็ก หรือเป็นเม็ด
- อุจจาระปนเลือดสด หรือเลือดสีเข้ม
- มีอาการปวดท้อง รู้สึกไม่สบายท้อง มีอาการปวดเรื้อรัง อาหารไม่ย่อย อาการปวดเกร็ง โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย
- รับประทานอาหารปกติ แต่น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อ่อนเพลีย อ่อนแรง หรือตรวจพบภาวะโลหิตจาง
3. ไม่มีอาการของโรค จำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ไหม?
ตอบ: แม้จะไม่มีอาการของโรค การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะอย่างที่เกริ่นไปในข้อต้น ๆ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักไม่แสดงอาการ หรืออาการของโรคไม่ชัดเจนนัก การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่จะช่วยให้ตรวจเจอโรคได้ก่อนตั้งแต่ระยะต้น ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ และยังเป็นระยะที่มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูง การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่ อายุ 50 ปีขึ้นไป ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่หากมีความเสี่ยง แนะนำให้ตรวจตั้งแต่ช่วงอายุ 45-50 ปี
4. มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาอย่างไร?
ตอบ: เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษา โดยจะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ตำแหน่งของมะเร็ง ระยะของโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ณ ขณะนั้นว่าเหมาะกับวิธีใดมากที่สุด การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนมากจะใช้หลายวิธีร่วมกัน การรักษาหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 วิธี คือ
- การผ่าตัด เป็นการรักษาที่ทำได้ในทุกระยะของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยจะผ่าเอาลำไส้ใหญ่และต่อมน้ำเหลืองส่วนที่เป็นมะเร็งออก มักใช้รักษาควบคู่ไปกับการฉายแสงและการใช้ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะลุกลาม
- รังสีรักษา (Radiation Therapy) หรือที่เรียกว่าการฉายรังสี คือการใช้คลื่นรังสีพลังงานสูงในการยับยั้งและทำลายเซลล์มะเร็ง สามารถทำก่อนผ่าตัด เพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็ง ทำให้การผ่าตัดทำได้ง่ายขึ้น หรือทำหลังผ่าตัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังเหลืออยู่
- เคมีบำบัด (Chemotherapy) หรือที่เรียกว่าคีโม เป็นการใช้ยาหลากหลายรูปแบบ ทั้งยาฉีดและยารับประทาน เพื่อยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์หรือทำลายเซลล์มะเร็ง แต่อาจไม่จำเป็นต้องใช้รักษาผู้ป่วยทุกราย
นอกจากนี้ ยังมีการรักษาอื่น ๆ เช่น การใช้ยารักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) เป็นการให้ยาที่เข้าถึงเซลล์มะเร็งอย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติอื่น ๆ หรือการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นการฉีดยาเข้าไปที่เส้นเลือดดำ เพื่อกระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเองให้ตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็งเอง
5. มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาหายได้หรือไม่?
ตอบ: มะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถรักษาได้ แต่ต้องดูความรุนแรง ระยะของโรค และสุขภาพผู้ป่วยด้วย การตรวจเจอติ่งเนื้อหรือโรคตั้งแต่ระยะแรกที่มะเร็งยังไม่ลุกลาม และได้รับการรักษาผ่าตัดเอามะเร็งออกได้หมด จะมีโอกาสหายขาดได้สูงถึง 90%
ตรวจก่อน เจอก่อน เพิ่มโอกาสรักษาให้หายขาดได้! เลือกซื้อแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในราคาประหยัด จาก รพ. และคลินิกชั้นนำ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มได้ที่ HDmall.co.th คลิกเลย
6. มะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันได้ไหม?
ตอบ: ถึงแม้ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่จะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงของโรคได้หลายวิธี ดังนี้
- เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือตั้งแต่อายุ 45 ปี ในคนที่มีความเสี่ยงสูง
- ปรับการรับประทานอาหาร โดยจำกัดหรือลดการรับประทานสัตว์เนื้อแดง อาหารไขมันสูง อาหารปิ้งย่าง อาหารแปรรูป เพิ่มการรับประทานเนื้อปลา ผัก ผลไม้ ธัญพืชที่มีไฟเบอร์ และใยอาหารมากขึ้น
- ลดหรือจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ โดยผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน และผู้หญิงไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน
- ไม่สูบบุหรี่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ลำไส้ทำงานมากขึ้น และควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
7. เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว กลับมาเป็นซ้ำได้อีกไหม?
ตอบ: มะเร็งลำไส้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยอาจเกิดที่ตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นของลำไส้ใหญ่ หลังการรักษาในช่วง 2 ปีแรก แพทย์จะนัดติดตามอาการทุก 3-6 เดือน และในช่วง 3-5 ปีหลัง จะนัดติดตามอาการทุก ๆ 6 เดือน นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรปรับรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเองตามคำแนะนำแพทย์ด้วย โดยพยายามเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับมาเกิดซ้ำ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีกากใยอาหารสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถึงแม้ไม่มีอาการผิดปกติ ก็ใช่ว่าคุณจะไม่มีความเสี่ยง หมั่นสังเกตอาการของตัวเอง และที่สำคัญอย่าลืมตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะยิ่งคุณรู้ไวมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คุณห่างไกลจากโรคนี้ได้มากเท่านั้น
กำลังมองหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่อยู่ใช่ไหม? ที่ HDmall.co.th รวบรวมแพ็กเกจราคาประหยัดมาให้แล้ว คลิกเลย หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทักไลน์ปรึกษาทีมแอดมิน HDmall ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ แชทเลย