สารพัดปัญหาเรื่อง น้องสาว มีกลิ่น scaled

ช่องคลอดมีกลิ่น แก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง

กลิ่นไม่พึงประสงค์จากช่องคลอด เช่น กลิ่นคล้ายน้ำปลา ปลาเค็ม หรือกลิ่นคาว ร่วมกับการมีตกขาว เป็นปัญหาที่หลายคนอาจเคยเผชิญ บทความนี้จะช่วยอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น รวมถึงวิธีดูแลและแก้ไขอย่างเหมาะสมตามหลักสุขภาพ โดยปกติ ช่องคลอดของผู้หญิงจะมีสภาพเป็นกรดและอาจมีกลิ่นอ่อน ๆ คล้ายเค็มหรือเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและอาจมีตกขาวร่วมด้วย แต่หากกลิ่นและอาการเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ต้องให้ความสนใจ

ตกขาวคืออะไร

ตกขาว คือสารคัดหลั่งจากช่องคลอดและมูกที่ปากมดลูกออกมาปนกัน เป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ มีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของรอบประจำเดือน โดยช่วงก่อนไข่ตก (ราว ๆ 2 อาทิตย์หลังประจำเดือนวันแรก) จะมีลักษณะเป็นมูกยืดใส ส่วนหลังไข่ตก ลักษณะตกขาวจะเปลี่ยนเป็นสีขาวคล้ายแป้ง ซึ่งจะไม่ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง และไม่มีกลิ่นเหม็น 

สาเหตุของกลิ่นเหม็น ส่วนใหญ่มาจากเชื้อแบคทีเรียที่ผิดปกติในช่องคลอด อาจเป็นการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือภาวะไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งมักจะพบการมีตกขาวผิดปกติร่วมด้วย

สาเหตุของปัญหาน้องสาวมีกลิ่น

ปัญหาน้องสาวมีกลิ่นเหม็น แยกออกเป็น 2 กรณีที่พบบ่อย ได้แก่

  1. ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยจะเป็นกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง พร้อมตกขาวสีเหลืองหรือสีเขียว ลักษณะคล้ายหนอง มีอาการปวดท้องน้อยและเป็นไข้ร่วมด้วย มักเกิดจากการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ถ้าไม่รีบรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจติดเชื้อรุนแรงกว่าเดิมได้
  2. ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นเค็ม ๆ หรือคล้ายกลิ่นคาวปลา มักมีตกขาวปริมาณมาก มีสีขาว เนื้อเนียน (Homogeneous white discharge) แต่ไม่มีอาการอื่น ๆ อย่างการปวดท้องหรือเป็นไข้ร่วมด้วย กรณีมักเกิดจากภาวะไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด (Bacterial vaginosis)

สาเหตุอื่นๆ

  • ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
  • การไม่ใส่ใจสุขอนามัย
  • การลืมเปลี่ยนผ้าอนามัย
  • การมีเหงื่อออก
  • การติดเชื้อ
  • ทวารหนักทะลุเข้าช่องคลอด เป็นความผิดปกติของช่องเปิดระหว่างช่องคลอดกับทวารหนัก
  • มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งช่องคลอด
  • การกินอาหารบางชนิด โดยเฉพาะอาหารประเภทหัวหอม กาแฟ หน่อไม้ฝรั่ง หรือเครื่องเทศบางอย่าง
  • การใช้ยารักษาโรคบางประเภท เช่น ยาปฎิชีวนะบางตัว
  • การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน
  • การสวนล้างช่องคลอด

ถ้าเจอสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นแล้ว สิ่งแรกที่ทำได้คือการรักษาความสะอาดน้องสาวให้ดี ถือเป็นวิธีแก้ง่าย ๆ แบบเบื้องต้น จากนั้นทำตามคำแนะนำแพทย์ เพื่อไม่ให้น้องสาวมีกลิ่นซ้ำ ๆ อีก

ภาวะไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด (Bacterial vaginosis)

ภายในช่องคลอดของผู้หญิงจะมีสิ่งที่เรียกว่าแบคทีเรียประจำถิ่น (Normal flora) อาศัยอยู่ ซึ่งก็คือ “แบคทีเรียกลุ่มแลคโตบาซิลัส” ประจำช่องคลอด เป็นแบคทีเรียที่ดี ทำให้ช่องคลอดอยู่ในสภาวะสมดุล เป็นกรดอ่อน ๆ และไม่มีกลิ่น

ถ้ามีอะไรก็ตามสร้างอันตรายต่อแบคทีเรียกลุ่มนี้ และทำให้ปริมาณแลคโตบาซิลัสลดลง แบคทีเรียชนิดอื่น ๆ ที่เป็นแบคทีเรียไม่ดีก็จะขึ้นมาแทนที่ 

ส่วนใหญ่มักเป็น “แบคทีเรียที่หายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic bacteria)” ทำให้เกิดความผิดปกติในช่องคลอด เช่น ตกขาวมามากเกินไป มีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเค็ม กลิ่นคาวปลา 

สาเหตุที่ทำให้แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสลดลง เช่น การทำความสะอาดช่องคลอดที่ไม่เหมาะสม การสวนล้างช่องคลอด การใช้ยาฆ่าเชื้อที่เกินจำเป็น ถ้าปรับพฤติกรรมได้ ก็อาจหายเองโดยไม่ต้องใช้ยา

วิธีแก้ช่องคลอดมีกลิ่น ด้วยวิธีธรรมชาติ

  • สวมใส่กางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย ใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่น เพื่อไม่ให้ช่องคลอดอับชื้นและช่วยให้อากาศถ่ายเท
  • อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังออกกำลังกาย
  • ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • รักษาสุขอนามัยให้ดี เช่น ล้างช่องคลอดด้วยน้ำอุ่น และใช้สบู่อ่อน ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่อาจเพิ่มกลิ่นช่องคลอด เช่น หัวหอม เครื่องเทศต่าง ๆ หรือของหมักดอง
  • หลังจากปัสสาวะ ให้ทำความสะอาดด้วยการเช็ดจากข้างหน้าไปข้างหลัง หรือเช็ดเป็นวงกลม เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียแพร่กระจายจากทวารหนักสู่ช่องคลอด
  • กินโยเกิร์ต อาหารจำพวกโพรไบโอติกส์ (Probiotics) หรืออาหารเสริมที่มีโพรไบโอติกส์เป็นส่วนประกอบ 
  • หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์หรือครีมภายในช่องคลอด เพราะอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้

ถ้าตกขาวผิดปกติและมีกลิ่นเหม็นมาก การแก้ด้วยวิธีธรรมชาติอาจไม่ได้ผลเท่าไร แนะนำให้ไปตรวจภายใน เพื่อจะได้รักษาอย่างถูกทาง ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์ไว และแก้ไขตรงจุด

ถ้าแพทย์พบว่าต้นตอของกลิ่นเหม็นเกิดจากภาวะไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดจริง ๆ ก็อาจต้องรักษาด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อที่ครอบคลุมกลุ่มแบคทีเรียที่หายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic bacteria) 

สิ่งสำคัญที่สุดคือการกินยาให้ครบถ้วน โดยปกติหมอมักจะจ่ายยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) มาให้ ต้องกินต่อเนื่องกันเป็นเวลา 7 วัน หรืออาจเป็นยาไตไนดาโซล (Tinidazole) แทนก็ได้ 

นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว ควรสังเกตว่าตัวเองอยู่เสมอว่ามีพฤติกรรมอะไรที่เสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายต่อแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอดบ้าง เช่น การกินยาฆ่าเชื้อที่ไม่เหมาะสม การทำความสะอาดบริเวณน้องสาวที่ไม่ถูกต้อง

ตอบคำถามเกี่ยวกับช่องคลอดมีกลิ่น ตอบโดยแพทย์

น้องสาวมีกลิ่นเหม็นเค็ม ๆ คาว ๆ และมีน้ำไหลออกมาพร้อมกลิ่น ไม่ทราบว่าอาการเหล่านี้เกิดจากสาเหตุอะไรคะ?

สวัสดีค่ะ ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นเค็มๆคาวๆและน้ำไหลออกมา เบื้องต้นหมอคิดถึงช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อค่ะ โดยเฉพาะถ้ามีตกขาวสีผิดปกติ เช่นสีเขียวเหลือง สีเทา สีขาวข้น มีคันระคายเคืองช่องคลอด มีเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ก็จะคิดถึงมากขึ้น โดยอาจคิดถึงได้หลายเชื้อ เช่น

  • ติดเชื้อแบคทีเรีย ตกขาวมีสีเหลืองเขียว มีกลิ่นเหม็นคาวปลา มีอาการคันร่วมด้วย
  • ติดเชื้อรา มีอาการคัน ตกขาวเป็นก้อนสีขาวข้นหรือสีเหลืองขาวคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็น ช่องคลอดอาจมีปื้นแดงหรือผื่นแดง เป็นขุย หรือฝ้าขาว
  • ติดเชื้อหนองใน ตกขาวเป็นหนองสีเหลืองหรืออาจมีสีเขียวปน มีกลิ่นเหม็นแต่มักไม่คัน ปวดแสบขณะปัสสาวะ
  • ติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ตกขาวมีสีเขียวหรืออาจเหลืองได้ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง มีอาการคันและแสบแดงที่บริเวณอวัยวะเพศ
  • ติดเชื้อไวรัส โรคเริม จะมีกลุ่มตุ่มน้ำใส แสบคันเมื่อแตกออก ตกขาวมีสีเหลือง กลิ่นเหม็นผิดปกติ

ยังไงแนะนำให้ไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจค่ะ

ตอบโดย พญ. นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์

หากช่องคลอดมีกลิ่นคล้ายปลาเค็ม โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์และมีน้ำอสุจิไหลออกมา (กรณีที่แฟนหลั่งภายใน) แต่ไม่มีอาการคัน แบบนี้ควรกังวลหรือไม่คะ?

อาการที่อธิบายสอดคล้องกับภาวะ Bacterial Vaginosis (BV) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Gardnerella vaginalis ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นคล้ายปลาเค็ม โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ แม้โรคนี้ไม่จัดว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยที่ไม่เพียงพอของทั้งสองฝ่าย

การรักษาน้องสาวมีกลิ่น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจภายในและยืนยันการวินิจฉัย โดยแพทย์มักสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อ เช่น Metronidazole

คำแนะนำด้านสุขอนามัย มีดังนี้

  • รักษาความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด
  • ใช้สบู่อ่อนล้างเฉพาะภายนอก ไม่ควรสวนล้างบ่อยเพราะอาจทำให้เสียสมดุลแบคทีเรีย
  • ทำความสะอาดหลังปัสสาวะและเพศสัมพันธ์ เช็ดจากหน้าไปหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • สวมกางเกงในที่โปร่งสบาย ไม่อับชื้น
  • มีคู่นอนคนเดียวหรือป้องกันด้วยถุงยางอนามัยหากมีคู่นอนหลายคน

หากมีกลิ่นรุนแรงหรืออาการไม่หาย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างเหมาะสม

ตอบโดย พญ. พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์

หนูมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด ตอนแรกมีอาการแห้ง ๆ เป็นมาได้ประมาณ 3 วันค่ะ ช่วงแรกไม่มีตกขาว แต่ต่อมามีตกขาวสีเขียว มีกลิ่นเหม็น และเวลาปัสสาวะรู้สึกแสบ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหนูเกาหรือถูมากเกินไปรึเปล่าคะ ตกขาวที่ออกมาเป็นน้ำ และมีบางส่วนเป็นก้อนบริเวณปากช่องคลอด อาการแบบนี้อันตรายไหมคะ พอจะมีวิธีบรรเทาอาการคันหรือรักษาเบื้องต้นได้ไหม และถ้าเป็นโรคตามที่คุณหมอวินิจฉัย จะมียาชนิดไหนแนะนำบ้างคะ?

อาการของคนไข้บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ของการติดเชื้อหรือการอักเสบ เช่น การติดเชื้อโปรโตซัวอย่าง Trichomonas ซึ่งอาจทำให้ช่องคลอดหรือปากมดลูกอักเสบ หรืออาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น Chlamydia หรือ Gardnerella ที่ทำให้ตกขาวมีสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็น และมีปริมาณมาก บางรายอาจมีอาการคล้ายหนองในแท้หรือหนองในเทียมได้ โดยอาการในผู้หญิงอาจไม่ชัดเจน เช่น มีตกขาวผิดปกติ ปัสสาวะแสบขัด หรือพบแผลที่อวัยวะเพศ

การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ ซึ่งต้องใช้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะทาง อาจเป็นการรับประทานหรือฉีดยาฆ่าเชื้อ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และส่งตรวจตกขาวเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะการรักษาที่มีประสิทธิภาพต้องพิจารณาให้ตรงกับเชื้อที่พบจากการตรวจอย่างละเอียด

ตอบโดย นพ. นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู


ช่องคลอดมีกลิ่น รักษาไม่ยาก ถ้ามีปัญหากวนใจ ให้เราช่วยดูแล HDmall.co.th รวบรวมแพ็กเกจตรวจภายในราคาดีจากรพ. และคลินิกใกล้บ้านคุณไว้ให้แล้ว จองตอนนี้มีส่วนลด หรือถ้าหาไม่เจอ ทักมาถามแอดมินของเราได้เลย 


เขียนบทความโดย พญ. พิมพกา ชวนะเวสน์

Scroll to Top