ผ่าตัดรักษาภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต (แบบส่องกล้อง)
แผลเล็ก เจ็บน้อย หายเร็วกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
รายละเอียด
รู้จักโรคนี้
ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร?
เมื่อไตกรองของเสียจากเลือดออกมาในรูปน้ำปัสสาวะ ปัสสาวะควรไหลสู่ท่อไตไปพักอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ แล้วจึงไหลออกจากร่างกายผ่านทางท่อปัสสาวะ เป็นการเดินทางเดียว ไม่ไหลย้อนกลับ
แต่เด็กบางคนอาจเกิดมาพร้อมความผิดปกติของท่อไต คือ ความยาวของท่อไตใต้เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะสั้นกว่าปกติ หรือลิ้นปิด-เปิดหรือท่อไตผิดปกติ ทำให้ปัสสาวะไหลย้อนท่อไตขึ้นมา
ในคนไข้ปัสสาวะไหลย้อนกลับบางราย สาเหตุของโรคอาจมาจากกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ ทำให้มีความดันกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้น ปัสสาวะจึงไหลย้อนกลับไปทางท่อไต
ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับมักพบในเด็กแรกเกิดประมาณ 40% ในเด็กโตประมาณ 25%
กรณีไม่รุนแรง ปัสสาวะจะไหลย้อนขึ้นสู่ท่อไตช่วงล่าง ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง ปัสสาวะไหลย้อนขึ้นเกินกว่านั้น อาจเกิดอาการไตบวม หรืออาจทำให้เกิดพังผืดในไต ซึ่งส่งผลให้ไตวายถาวรได้
สัญญาณที่ต้องตรวจ
สัญญาณที่บอกว่าปัสสาวะไหลย้อนท่อไต
สัญญาณต่อไปนี้อาจบ่งชี้ว่าเด็กมีภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต
- ติดเชื้อในระบบปัสสาวะขึ้นซ้ำๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ สังเกตจากปัสสาวะมีสีหรือกลิ่นผิดปกติ เช่น ปัสสาวะขุ่น มีตะกอน มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
- แสดงอาการเจ็บ ปวด ในช่องท้อง ท้องน้อย หลัง หรือบั้นเอว
- กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ร้องเวลาปัสสาวะ
- บางรายอาจมีไข้สูง
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
วิธีตรวจภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต
เมื่อสังเกตพบความผิดปกติ ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย วิธีการตรวจที่มักใช้สำหรับภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต คือ การตรวจ VCUG (Voiding Cystourethrogram)
การตรวจ VCUG นี้รวมเอาเทคนิคการเอกซเรย์กับฉีดสีเข้าด้วยกัน ทำให้แพทย์สามารถเห็นกระเพาะปัสสาวะในมุมมองต่างๆ ได้
- ขั้นตอนการตรวจ แพทย์จะใส่สายสวนผ่านท่อปัสสาวะเข้าไปยังกระเพาะปัสสาวะของผู้รับการตรวจ เพื่อนำสารทึบรังสีเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะจนเต็ม
- หลังจากนั้นจึงถอดสายสวนออก พร้อมถ่ายภาพรังสี (ด้วยรังสีเอกซ์ปริมาณน้อยจากเครื่องฟลูออโรสโคป (Fluoroscopy)) เพื่อดูความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ขณะผู้รับการตรวจปัสสาวะออกมา
การตรวจ VCUG นี้ทำให้ได้ข้อมูลเพียงพอต่อการวินิจฉัยและรักษาโรค เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อไต และไม่ค่อยก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
รู้จักการผ่าตัดนี้
การผ่าตัดส่องกล้องแก้ไขภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต
การผ่าตัดส่องกล้อง แก้ไขภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต Laparoscopic Ureterocystostomy (Re-Implant Ureter) เป็นการรักษาหลักของภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต โดยการผ่าตัดจะทำเพื่อซ่อมแซมท่อที่เชื่อมระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับไต หรือย้ายตำแหน่งท่อไตตรงจุดเชื่อมต่อกับกระเพาะปัสสาวะ
ระงับความรู้สึกด้วยวิธีวางยาสลบ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ขั้นตอนการผ่าตัดส่องกล้องแก้ไขภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต
- เมื่อแพทย์วางยาสลบคนไข้เรียบร้อยแล้ว จะเจาะรูขนาดเล็กบริเวณช่องท้องส่วนล่างของคนไข้ ประมาณท้องน้อย
- จากนั้นจึงใส่อุปกรณ์ผ่าตัดและกล้องกำลังขยายสูงขนาดเล็กเข้าไปทำการผ่าตัดซ่อมแซมท่อไตให้อยู่ในตำแหน่งถูกต้อง
- หลังผ่าตัดและเย็บปิดแผลที่เป็นช่องทางนำเข้าของเครื่องมือผ่าตัดเรียบร้อย แพทย์จะคาสายสวนปัสสาวะไว้ที่ตัวคนไข้ เพื่อช่วยระบายปัสสาวะในช่วงร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัว
- หลังผ่าตัด 2-3 วันจึงค่อยนำสายนี้ออกแล้วปิดด้วยผ้าก๊อซ ไม่เย็บปิด แผลจะค่อยๆ สมานตัวเอง โดยอาจมีของเหลวซึมออกมาในช่วงแรกๆ เป็นปกติ
แพทย์อาจให้ดูอาการในโรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน แล้วค่อยกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน
การดูแลหลังผ่าตัด
การนัดตรวจติดตามผลหลังผ่าตัดส่องกล้องแก้ไขภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต
ปกติแพทย์จะนัดตรวจหลังจากผ่าตัดไปแล้ว 1 สัปดาห์ แล้วเว้นระยะไปประมาณ 4-6 สัปดาห์จึงนัดมาตรวจติดตามอาการอีกครั้ง ครั้งนี้อาจมีตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อดูว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบปัสสาวะมีภาวะอุดตันหรือไม่
หลังจากผ่าตัด 4-6 เดือน แพทย์มักนัดตรวจ VCUG อีก เพื่อตรวจสอบทิศทางการไหลของปัสสาวะ
ถ้าการตรวจอัลตราซาวนด์และ VCUG ให้ผลปกติ แพทย์อาจให้เว้นระยะแล้วค่อยตรวจอีกภายใน 1 ปี โดยมักเป็นการตรวจความดันเลือดเพื่อดูการทำงานของไต และตรวจอัลตราซาวนด์อีกครั้งหนึ่ง
ความผิดปกติที่มักพบในเด็กอย่าง ภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไต ควรได้รับการสังเกตและรักษาอย่างทันท่วงที ถ้าผู้ปกครองสังเกตเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับการปัสสาวะของเด็กแล้วไม่แน่ใจว่าเป็นภาวะนี้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษาที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
หลังจากผ่าตัดส่องกล้องแก้ไขภาวะปัสสาวะไหลย้อนท่อไตประมาณ 2-3 สัปดาห์ คนไข้อาจรู้สึกเกร็งกระเพาะปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย เป็นตะคริว ปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือปัสสาวะเล็ด
แม้ว่าการผ่าตัดนี้จะค่อนข้างปลอดภัย และแพทย์มักมีกระบวนการป้องกันเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อยที่สุด เช่น ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ แต่การผ่าตัดใดๆ ก็อาจเกิดความซับซ้อนขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการเหล่านี้ ถ้าพบควรติดต่อแพทย์ทันที
- ปัสสาวะไม่ออก
- มีไข้
- อาเจียน
- อารมณ์เปลี่ยนโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดท้องอย่างรุนแรง