metronidazole antibiotic

Metronidazole (เมโทรนิดาโซล)

เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) เป็นยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ใช้รักษาอาการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อในช่องคลอด การติดเชื้อบางชนิดในทางเดินอาหาร การติดเชื้อที่ผิวหนัง และอีกหลายโรค 

สรรพคุณของยา Metronidazole ใช้รักษาอะไร

  • ติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหาร: ใช้ในการรักษาเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร เช่น การติดเชื้อที่เกิดจาก Clostridium difficile ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียและลำไส้อักเสบ
  • ติดเชื้อในช่องคลอด: ใช้รักษาการติดเชื้อในช่องคลอดที่เกิดจากแบคทีเรีย เช่น ภาวะเชื้อแบคทีเรียมากเกินไปในช่องคลอด (bacterial vaginosis) รวมถึงการติดเชื้อจากโปรโตซัวชนิด Trichomonas vaginalis ที่ทำให้เกิดโรคหนองในเทียม
  • ติดเชื้อในทางเดินหายใจและอวัยวะภายใน: ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในปอด หรือการติดเชื้อในอวัยวะภายใน เช่น การติดเชื้อที่ตับ, กระเพาะปัสสาวะ, หรือลำไส้
  • โรคเหงือกอักเสบและติดเชื้อในช่องปาก: เมโทรนิดาโซลยังใช้ในการรักษาโรคเหงือกอักเสบ การติดเชื้อในช่องปาก และฝีที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก
  • ติดเชื้อโปรโตซัว: เมโทรนิดาโซลสามารถใช้รักษาโรคที่เกิดจากโปรโตซัว เช่น โรคบิดมีตัว (amebiasis) ที่เกิดจากเชื้อ Entamoeba histolytica และโรคแลมเบลีย (giardiasis) ที่เกิดจากเชื้อ Giardia lamblia
  • รักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและกระดูก: ใช้รักษาการติดเชื้อที่ผิวหนัง รวมถึงการติดเชื้อที่เกิดในกระดูกและข้อจากแบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจน

รูปแบบยา Metronidazole

ยาเมโทรนิดาโซลมีอยู่หลายรูปแบบ ในไทยนิยมใช้แบบเม็ด Metronidazole 200 mg และ Metronidazole 400 mg และมีอีกหลายแบบ

  • ยาเม็ด ประกอบด้วย Metronidazole ขนาด 200 มิลลิกรัม และขนาด 400 มิลลิกรัม
  • ยาน้ำแขวนตะกอน ประกอบด้วย Metronidazole ขนาด 200 มิลลิกรัมต่อ 5 มิลลิลิตร  
  • ยาฉีด ประกอบด้วย Metronidazole เข้มข้น 500 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร 
  • ยาทา ประกอบด้วย Metronidazole ความเข้มข้น 1% 

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Metronidazole

ยา Metronidazole จะออกฤทธิ์ได้มากกับเชื้อโปรโตซัวที่ไม่อาศัยออกซิเจน (Anaerobic protozoa) เชื้อแบคทีเรียแกรมบวก เชื้อแบคทีเรียแกรมลบ เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยออกซิเจนและไม่อาศัยออกซิเจน (Facultative anaerobe) บางกลุ่ม กลไกการออกฤทธิ์ของยาจะเข้าไปสร้างความเสียหายต่อสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) ของเชื้อโรคเหล่านั้น ทำให้หยุดการเจริญเติบโต และเซลล์ตายลง

  • การแทรกแซงการสังเคราะห์ DNA ของจุลชีพ: เมโทรนิดาโซลจะเข้าสู่เซลล์ของจุลชีพโดยการขนส่งผ่านช่องโปรตีนบนเยื่อหุ้มเซลล์ หลังจากเข้าสู่เซลล์แล้ว ยาจะถูกรีดิวซ์ (reduced) หรือเปลี่ยนรูปโดยเอนไซม์ภายในเซลล์ โดยเฉพาะภายในเซลล์ที่มีออกซิเจนต่ำ (anaerobic environments) เช่น เซลล์ของแบคทีเรียแอนแอโรบิค (anaerobic bacteria) และโปรโตซัว เมื่อเมโทรนิดาโซลได้รับการรีดิวซ์ จะมีการผลิตสารที่ทำลาย DNA ของจุลชีพนั้น โดยการผูกพันกับดีเอ็นเอของจุลชีพและยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ซึ่งทำให้จุลชีพไม่สามารถแบ่งตัวและทำงานได้ตามปกติ
  • ผลต่อโปรตีนและการสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก: เมื่อเมโทรนิดาโซลจับกับดีเอ็นเอของจุลชีพ จะทำให้การสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก (nucleic acids) และโปรตีนภายในเซลล์จุลชีพหยุดชะงัก ผลลัพธ์คือการทำลายการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของจุลชีพ
  • เลือกทำลายเฉพาะจุลชีพที่ใช้กระบวนการรีดิวซ์: การที่เมโทรนิดาโซลสามารถออกฤทธิ์ได้ในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนต่ำ (เช่น ในแบคทีเรียแอนแอโรบิค) เป็นจุดเด่นที่ทำให้เมโทรนิดาโซลมีความเฉพาะเจาะจงและไม่ส่งผลต่อเซลล์ของร่างกายมนุษย์หรือเซลล์ที่มีออกซิเจนสูง

ปริมาณการใช้ยา Metronidazole  

ยาเมโทรนิดาโซลมีขนาดการใช้ยาแตกต่างกันไปตามชนิดและความรุนของการติดเชื้อ มีวิธีกินยา Metronidadole ดังนี้

รักษาการติดเชื้ออะมีบา
ผู้ใหญ่ กรณีติดเชื้อที่ลำไส้ ให้กิน 800 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน หรือ กินยาเป็นเวลา 5–10 วัน กรณีติดเชื้อนอกลำไส้ ขนาดสูงสุดต่อวันคือ 2,400 มิลลิกรัม 

ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่อาศัยออกซิเจนก่อนและหลังผ่าตัด
ผู้ใหญ่ ก่อนผ่าตัดให้กิน 400 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และหลังผ่าตัด จะให้ใช้ยาฉีดจนกว่าจะกลับมาให้ยากินได้ 

รักษาการติดเชื้อไกอาเดีย (Giardia)
ผู้ใหญ่ ให้กิน 2,000 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน หรือ 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน หรือ 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7–10 วัน

รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่อาศัยออกซิเจน
ผู้ใหญ่ กินเริ่มต้นที่ 800 มิลลิกรัม ตามด้วย 400 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน หรือขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ขนาดการใช้ยาสูงสุด 4000 มิลลิกรัม

รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณช่องคลอด
ผู้ใหญ่ ให้กิน 2,000 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง หรือ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5–7 วัน หรือใช้ยาชนิดทา ให้ทาบริเวณที่ติดเชื้อวันละ 1–2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน

รักษาการติดเชื้อไตรโคโมแนส (Trichomoniasis)
ผู้ใหญ่ ให้กิน 2,000 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง หรือ 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน หรือ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5–7 วัน คู่นอนควรรับการรักษาด้วยยาเช่นกัน

รักษาแผลที่ขาหรือแผลกดทับ
ผู้ใหญ่ ให้กิน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน

รักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter pylori)
ผู้ใหญ่ ให้กิน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะ และยากลุ่ม PPI หรือ 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ร่วมกับยาโอเมพราโซล (Omeprazole) และยาอะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) การรักษาเริ่มต้นที่ระยะเวลา 1 อาทิตย์ 

รักษาการติดเชื้อที่ฟัน
ผู้ใหญ่ ให้กิน 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 3–7 วัน

เมื่อลืมกินยา Metronidazole ต้องทำอย่างไร  

ถ้าลืมกินยา ให้รีบกินทันทีที่นึกออก โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยา เช่น ถ้าปกติกิน 1 เม็ด แล้วลืม นึกขึ้นได้เมื่อไรก็กิน 1 เม็ด ไม่ต้องเพิ่มเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมกิน

กรณีที่เพิ่งนึกออกตอนใกล้เวลากินยารอบถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมและกินยามื้อถัดไปเลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเหมือนกัน

ข้อควรระวังในการใช้ยา Metronidazole 

  • ไม่ใช้ยากับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้
  • ตัวยาอาจลดความสามารถในการขับขี่หรือการทำงานกับเครื่องจักร 
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคระบบประสาทส่วนกลาง
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีประวัติเม็ดเลือดแดงผิดปกติชนิด Blood dyscrasia 
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย
  • ให้ยาซ้ำทันทีหลังจากการฟอกเลือด
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ
  • ระวังการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงยา Metronidazole 

Metronidazole อาจก่อให้เกิดการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร การรับรู้รสชาติผิดปกติ อาเจียนท้องเสีย ไม่สบายท้อง ท้องผูก หลอดอาหารอักเสบ กระเพาะอักเสบ อ่อนเพลีย มึนงง เซ ปวดศีรษะ ง่วงซึม นอนไม่หลับ เห็นภาพหลอน ภาวะทางอารมณ์เปลี่ยนแปลง และอาจทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนสีเป็นสีเข้มขึ้น

ผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา ได้แก่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ อาการชัก

การรับประทานยาเกินขนาดอาจก่อให้เกิดการอาเจียน เซ ทรงตัวไม่ได้

Scroll to Top