Dicloxacillin (ไดคลอกซาซิลลิน)

Dicloxacillin (ไดคลอกซาซิลลิน) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลิน (Penicillin) ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายรูปแบบ เช่น ผิวหนังอักเสบติดเชื้อ  โรคปอดอักเสบ การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน และภาวะติดเชื้อที่กระจายไปทั่วร่างกาย

สรรพคุณของยา dicloxacillin

ยาไดคลอกซาซิลลินใช้ในการรักษาการติดเชื้อรูปแบบต่างๆ มักถูกใช้ในการรักษาเชื้อแบคทีเรียที่สร้างเอนไซม์เพนิซิลลิเนส (Penicillinase) ที่ทำลายยาปฏิชีวนะในกลุ่ม penicillin ทั่วไป

  • รักษาอาการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ฝี แผลติดเชื้อ การติดเชื้อจากบาดแผลหรือการผ่าตัด
  • รักษาอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบ
  • รักษาอาการติดเชื้อกระดูกและข้อต่อ เช่น กระดูกอักเสบ ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ
  • รักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • บรรเทาและรักษาการติดเชื้ออื่นๆ เช่น ติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อในหู

การใช้ยาดคลอกซาซิลลิน ควรทำตามคำสั่งแพทย์หรือเภสัชกร และปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อแนะนำในการใช้ยา dicloxacillin

อย่าใช้ยานี้หากคุณมีประวัติแพ้ยา dicloxacillin หรือยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลินตัวอื่น เช่น

  • Amoxicillin
  • Ampicillin
  • Carbenicillin
  • Oxacillin
  • Penicillin

แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวแก่แพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยาไดคลอกซาซิลลิน

ก่อนใช้ยา Dicloxacillin คุณจะต้องแจ้งแพทย์หากคุณมีประวัติแพ้ยาใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะในกลุ่ม Cephalosporin

เนื่องจาก Dicloxacillin อาจทำให้เกิดการแพ้ข้ามกลุ่มไปแพ้ Cefphalosporin ได้มากถึง  5-16 % หรือหากคุณมีภาวะต่อไปนี้

  • โรคหอบหืด
  • โรคตับ
  • โรคไต
  • มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
  • มีประวัติท้องเสียที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะ
  • มีประวัติแพ้ยา

หากคุณมีภาวะดังกล่าว คุณอาจจะต้องรับประทานยา Dicloxacillin ในขนาดที่มีการปรับเพื่อให้เหมาะกับคุณ หรือต้องผ่านการทดสอบว่า จะสามารถรับประทานยานี้ได้หรือไม่ก่อน

หากเตรียมตัวทำฟัน หรือผ่าตัด ควรแจ้งทันตแพทย์ หรือแพทย์ให้ทราบก่อนว่า อยู่ระหว่างใช้ยา Dicloxacillin

หากอยู่ระหว่างคุมกำเนิด หรือตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมลูก ต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้ง ก่อนใช้ยา Dicloxacillin

  • ยา ไดคลอกซาซิลลิน จะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลงได้ซึ่งอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นหากกำลังรับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ก่อนที่จะเริ่มรับประทานยา dicloxacillin ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
  • ยานี้จัดอยู่ในกลุ่ม FDA category B หมายความว่า ยานี้ไม่น่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งครรภ์ หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ระหว่างที่รักษา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
  • Dicloxacillin สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้และอาจทำให้ทารกที่ได้รับน้ำนมนั้นเป็นอันตราย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ยานี้โดยที่ไม่แจ้งแพทย์ว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร

ข้อปฏิบัติอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ยา Dicloxacillin 

  • ขนาดและระยะเวลาการใช้ยาขึ้นกับอาการและความรุนแรงของโรค หากอยู่ในระดับรุนแรงจะต้องใช้ยานาน 14 วัน หรือให้ต่อหลังจากไข้ลงแล้ว 2 วัน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 4ครั้ง ทุก 6 ชั่วโมง
  • ต้องรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด แม้ว่าจะมีอาการดีขึ้นก่อนที่จะรักษาการติดเชื้อให้หายไปทั้งหมด อย่างไรก็ดี ยานี้ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ได้
  • อย่ารับประทานยามากเกินไป หรือน้อยกว่าที่แพทย์แนะนำ และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ฉลากยา
  • Dicloxacillin จะต้องรับประทานในขณะที่ท้องว่าง หรือ 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร
  • อย่าให้ผู้อื่นรับประทานยานี้แม้ว่า พวกเขาอาจจะมีอาการเหมือนกับคุณก็ตาม
  • ยาปฏิชีวนะสามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียซึ่งอาจเป็นอาการที่แสดงว่า มีการติดเชื้อครั้งใหม่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นหากคุณท้องเสียที่ถ่ายเป็นน้ำ หรือมีเลือดปน ควรไปพบแพทย์ อย่าซื้อยามารับประทานเองเพื่อหยุดอาการท้องเสียยกเว้นแพทย์สั่ง
  • หากลืมรับประทานยาให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่หากว่ากำลังจะถึงเวลาที่ต้องรับประทานยาครั้งถัดไป ให้ข้ามยามื้อที่ลืมแลระรับประทานยามื้อถัดไปตามปกติ อย่ารับประทานยาเพิ่มเองเพื่อชดเชยยาที่ลืม
  • ยานี้อาจทำให้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์บางอย่างของคุณผิดปกติ ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์ว่า คุณกำลังรับประทานยานี้อยู่

การเก็บรักษายา Dicloxacillin

  • เก็บยาในภาชนะเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะใะสนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากความชื้น ความร้อน (มากกว่า 30 องศาเซลเซียส) และแสงอาทิตย์
  • เมื่อยาหมดอายุควรทิ้งทันที

ผลข้างเคียงของยา Dicloxacillin

หากคุณมีอาการต่อไปนี้ที่เป็นสัญญาณของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอบวม

หากคุณมีอาการที่เป็นผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยานี้ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเช่นกัน เช่น

  • คลื่นไส้ ปวดท้อง มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีอ่อน ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • ท้องเสียถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรือมีเลือดปน
  • มีไข้หนาวสั่น ปวดตามร่างกาย หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด
  • ช้ำ หรือเลือดออกได้ง่าย อ่อนเพลียผิดปกติ
  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ หรือไม่ปัสสาวะเลย
  • มีผื่นคันขึ้นที่ผิวหนังอย่างรุนแรง หรือผิวหนังลอก
  • กระสับกระส่าย สับสน มีความคิด หรือพฤติกรรมผิดปกติ
  • ชัก

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่าที่พบได้ ประกอบด้วย

  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
  • คันช่องคลอด หรือมีตกขาว
  • ปวดหัว
  • ลิ้นบวม สีเข้มขึ้น
  • มีปื้นขาวภายในปาก

ปฏิกิริยาของยา Dicloxacillin กับยาอื่นๆ 

ก่อนใช้ยา ต้องแจ้งแพทย์หากคุณกำลังรับประทานยาต่อไปนี้

  • Methotrexate (Rheumatrex, Trexall)
  • Probenecid (Benemid)
  • Warfarin

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ หากคุณกำลังรับประทานยาไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อมารับประทานเอง สมุนไพร หรือวิตามินใดๆ ก็ตาม ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง อย่าเริ่มยาใหม่เองโดยไม่แจ้งแพทย์

หากได้รับยา Dicloxacillin เกินขนาด

  • หากคุณรับประทานยามากเกินไป ให้รีบไปพบแพทย์
  • อาการของการได้รับยาเกินขนาดประกอบด้วย สับสน พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ผื่นที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือมีอาการชัก

ยา Dicloxacillin เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาโรค หรือภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งยาประเภทนี้ จำเป็นต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรืออาการเชื้อดื้อยา ซึ่งจะทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากขึ้น

Scroll to Top