เส้นผมของทุกคนมีโอกาสถูกทำร้ายจากหลายปัจจัย ทั้งมลภาวะ การใช้ชีวิตประจำวัน อาหารที่กิน และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมต่างๆ แต่การดูแลเส้นผมเองที่บ้านนั้นอาจใช้เวลานาน ทำเองคนเดียวก็ลำบาก หลายคนจึงเลือกใช้บริการดูแลเส้นผมจากร้านทำผมเพื่อฟื้นบำรุงผมเสีย
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นและประโยชน์ของการบำรุงผมที่พบได้ในร้านทำผมทั่วไป คือการทำทรีตเมนต์ การอบไอน้ำ และการนวดศีรษะ
สารบัญ
ทรีตเมนต์ผมคืออะไร?
การทรีตเมนต์ผม (Hair treatment) คือการจัดการกับปัญหาผมต่างๆ เช่น ผมร่วง ผมแห้ง ผมชี้ฟู ผมบาง ด้วยวิธีที่เหมาะสมกับปัญหานั้นๆ อาจมีหลายวิธีร่วมกันหรือใช้เพียงวิธีเดียวก็ได้ ขึนอยู่กับแต่ละคน
เพราะปัญหาผมเสียแต่ละอย่างก็เกิดจากสาเหตุที่ต่างกัน และต้องใช้วิธีฟื้นบำรุงที่แตกต่างกันด้วย
ทรีตเมนต์ผมแบบต่างๆ
การทรีตเมนต์ผมสามารถแบ่งได้เป็นหลายวิธี มีทั้งแบบให้บริการที่ร้านทำผมทั่วไป หรือจะประยุกต์ทำเองที่บ้านก็ได้ ต่อไปนี้เป็นการทำทรีตเมนต์ที่พบได้บ่อยในร้านทำผม
1. การทำเคราตินทรีตเมนต์
การทำเคราตินทรีตเมนต์ (Keratin treatment) เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในเส้นผมธรรมชาติอยู่แล้ว ร่วมกับสารเคมีชนิดอื่นๆ เช่น ฟอร์มาดิไฮด์ (Formaldehyde)
ผู้ให้บริการอาจทำการสระผมเพื่อทำความสะอาดก่อน จากนั้นจะลงผลิตภัณฑ์เคราตินทรีตเมนต์ทิ้งไว้บนผมประมาณ 30 นาทีแล้วจึงล้างออก
ประโยชน์ของการทำเคราตินทรีตเมนต์ อาจมีดังนี้
- ช่วยให้เส้นผมดูเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้น
- ช่วยให้ผมแลดูหนาขึ้น
- ช่วยให้ผมดูตรงขึ้น มันวาวดูสุขภาพดี
- ช่วยให้ผมจัดทรงง่ายขึ้น
2. การหมักผมด้วยน้ำมัน
การหมักผมด้วยน้ำมัน (Hot oil treatment) เป็นการลงผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดน้ำมันจากพืชชนิดต่างๆ เพื่อปกป้องและฟื้นบำรุงเส้นผม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมแห้ง ผมแตกปลาย
สารสกัดน้ำมันจากพืชที่นิยม เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันอัลมอนด์
ผู้ให้บริการอาจชโลมผลิตภัณฑ์น้ำมันสกัดทิ้งไว้บนเส้นผม แล้วคลุมด้วยหมวกคลุมอาบน้ำหรือผ้าขนหนูอุ่นๆ เป็นเวลา 20 นาทีก่อนจะล้างออก
ประโยชน์ของการหมักผมด้วยน้ำมัน อาจมีดังนี้
- ช่วยให้เส้นผมตรงมีน้ำหนักขึ้น
- ช่วยให้ผมและหนังศีรษะชุ่มชื้น ไม่ชี้ฟู
- ช่วยลดรังแคบนหนังศีรษะ
- ช่วยลดผมแตกปลาย
3. การทรีตเมนต์ด้วยครีมนวดผม
การทำทรีตเมนต์ด้วยครีมนวดและแชมพูสระผม สามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่หลายคนชอบใช้บริการที่ร้านทำผม ด้วยเหตุผลด้านความสะดวกสบาย
ผู้ให้บริการจะเริ่มจากการสระผมด้วยแชมพูก่อน หากเป็นไปได้ควรเลือกร้านที่ใช้แชมพูที่ไม่มีสารซัลเฟต (Sulfates) เนื่องจากอาจทำให้ผมเสียได้
หลังจากสระผมด้วยแชมพูแล้ว ผู้ให้บริการจะลงครีมนวดที่ออกแบบมาสำหรับผมแห้งเสีย อาจทำร่วมกับการนวดศีรษะเพื่อผ่อนคลายด้วย หากผมแห้งเสียมากผู้ให้บริการอาจแนะนำให้ใช้เองที่บ้านเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ประโยชน์ของการทำทรีตเมนต์ครีมนวด อาจมีดังนี้
- ช่วยให้ผมนุ่มขึ้น
- ช่วยให้ผมเนียนดูสุขภาพดี
- ช่วยให้ผมไม่แห้งเสีย ดูเงางาม
อบไอน้ำคืออะไร?
การอบไอน้ำ (Hair steaming) คือการใช้เครื่องอบไอน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผมด้วยความร้อนประมาณ 40-60 องศาเซลเซียสร่วมกับไอน้ำ เพราะไอน้ำมีขนาดโมเลกุลค่อนข้างเล็กซึมเข้าสู่ผมได้ดี
ผู้ให้บริการอาจลงผลิตภัณฑ์ป้องกันผมเสียให้ก่อน และคลุมผมด้วยผ้าขนหนูหรือหมวกคลุมอาบน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการให้ผมสัมผัสกับความร้อนโดยตรง
อบไอน้ำมีประโยชน์อย่างไร?
ประโยชน์ของการอบไอน้ำ อาจมีดังนี้
- ช่วยฟื้นบำรุงผมเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผม
- ช่วยให้ผมนุ่มสลวยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การอบไอน้ำควรทำอย่างระมัดระวัง ไม่ควรให้อุณหภูมิร้อนเกินไปและควรลงผลิตภัณฑ์ปกป้องผมเสียก่อนเสมอ เพราะไม่งั้นอาจทำให้ประโยชน์ของการอบไอน้ำลดลง
นวดศีรษะคืออะไร?
การนวดศีรษะ (Head massage) คือการนวดคลึงบริเวณกระโหลกศีรษะและต้นคอ ด้วยนิ้วมือหรืออุปกรณ์ที่จำลองแรงกดแบบเดียวกับนิ้วมือ
ลักษณะการนวดเหมือนกับการนวดผ่อนคลายส่วนอื่นๆ เช่น หลัง หรือลำตัว แต่การนวดศีรษะจะเบามือกว่าและช้ากว่า อาจใช้น้ำมันหอมระเหยช่วยหรือไม่ใช้ก็ได้
ตัวอย่างน้ำมันหอมระเหยที่นิยมใช้ เช่น น้ำมันลาร์เวนเดอร์ (Lavender oil) น้ำมันอัลมอนด์ (Almond oil) โจโจบาร์ (Jojoba oil) และน้ำมันมะพร้าว (Coconut oil)
นวดศีรษะมีประโยชน์อย่างไร?
ประโยชน์ที่อาจพบได้ในการนวด อาจมีดังนี้
- บรรเทาความเครียด
- บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
- ช่วยให้ผ่อนคลาย
- ช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ช่วยให้กระตุ้นให้เส้นผมเจริญเติบโต
- ช่วยลดความดันโลหิต (สัมพันธ์กับความเครียด)
การนวดศีรษะมีประโยชน์หลากหลายประการขึ้นอยู่กับว่าใช้เทคนิคการนวดแบบใด เพราะแต่ละเทคนิคก็อาจให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน
นวดศีรษะมีขั้นตอนอย่างไร?
หากเลือกใช้บริการนวดศีรษะกับผู้ให้บริการที่ร้านทำผม อาจมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- หากใช้การนวดที่ผสมน้ำมัน ผู้ให้บริการจะชโลมน้ำมันเล็กน้อยที่นิ้วมือ
- ผู้ให้บริการควรจะแต้มน้ำมันนวดในพื้นที่เล็กๆ เพื่อทดสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่
- ผู้ให้บริการจะใช้นิ้วมือทั้ง 2 ข้างกดด้วยน้ำหนักเบาสลับกับปานกลางบริเวณหนังศีรษะ
- เมื่อนวดคลึงสักพัก จะค่อยๆ เคลื่อนมือเป็นวงกลมจนทั่วบริเวณ
อย่างไรก็ตาม การจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการนวดศีรษะ ควรทำร่วมกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ซิงค์ (Zinc) ธาตุเหล็ก (Iron) ไบโอติน (ไบโอติน) หลีกเลี่ยงการเป่าผมด้วยความร้อนบ่อยๆ เพราะอาจทำให้ผมอ่อนแอได้
จากวิธีฟื้นบำรุงผมและหนังศีระษะทั้ง 3 วิธีที่กล่าวมานั้น อาจทำร่วมกันในการทำผมครั้งเดียวก็ได้ หรือทำแยกกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัญหาผมที่แต่ละคนเผชิญ และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม