เริมที่อวัยวะเพศเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย สาเหตุจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า “Herpes simplex virus type 1 หรือ type 2”
สารบัญ
ประเภทของการติดเชื้อ
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การติดเชื้อครั้งแรก และการกลับเป็นซ้ำ
อาการแสดงของผู้ที่ติดเชื้อเริม
จะเกิดตุ่มพองใสเล็กๆ อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พบได้ที่บริเวณอวัยวะเพศ ปาก รอบดวงตา ลำคอ ต้นขาด้านใน ทวารหนัก หรือช่องคลอดได้อีกด้วย
การแพร่เชื้อไวรัสเริม
เกิดได้จากการสัมผัสโดยตรงที่แผล ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ การร่วมเพศด้วยปาก การจูบ หรือแม้แต่หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเริมก็มีโอกาสแพร่เชื้อไวรัสไปสู่ทารกในครรภ์ได้ด้วย แต่เป็นกรณีที่พบได้น้อย
เนื่องจากโรคเริมสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ จากการที่เชื้อสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในปมประสาท ดังนั้นหากคิดว่า ตนมีอาการของเริมที่อวัยวะเพศ หรือบริเวณอื่นๆ ในร่างกาย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้เร็วที่สุดและลดโอกาสแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
ยารักษาเริมที่อวัยวะเพศ
เริมที่อวัยวะเพศสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัสซึ่งจะช่วยให้แผลเริมที่อวัยวะเพศหายได้เร็วขึ้น และยังช่วยลดการระบาดของเชื้อไวรัสได้ด้วย ได้แก่
- Acyclovir (Zovirax®)
- Famciclovir
- Valcyclovir
สำหรับยาที่กล่าวมาข้างต้นเป็นยาประเภทรับประทาน ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาเพื่อรักษาจะขึ้นอยู่กับว่า โรคเริมของคุณระบาดเป็นประเภทใด ครั้งแรก หรือกลับเป็นซ้ำ
นอกนั้นนี้ยังมียาต้านเชื้อไวรัสในรูปแบบยาทาภายนอก แต่ผลทางคลินิกพบว่า มีประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
บางคนจะใช้ยาต้านไวรัสในช่วงที่มีอาการเท่านั้น ในขณะที่การรักษาโรคเริมนั้นจะต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อกลับมาเป็นซ้ำ
ดังนั้นคุณจึงควรพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาและปฏิบัติตัว และควรนำคู่นอนมาพบแพทย์ด้วย
ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส
การรับประทานยาต้านไวรัสอาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายอยู่บ้าง แต่มักจะเกิดขึ้นไม่รุนแรง เช่น
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ
- เวียนศีรษะ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- ปวดข้อ
- มีผื่นขึ้น
อาการข้างเคียงชนิดรุนแรง
- ไตวายเฉียบพลัน
- อาการทางระบบประสาท
การรักษาโรคเริมที่บ้าน
นอกจากการรับประทานยาต้านไวรัสแล้ว ยังมีวิธีการรักษาโรคเริมด้วยตนเองที่บ้าน ที่จะช่วยให้คุณบรรเทาอาการเจ็บปวดและสามารถรักษาตุ่มแผลเริมของตนเองได้ โดยวิธีดังต่อไปนี้
- รับประทานยาแก้ปวดที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- ประคบร้อน หรือเย็นไว้บริเวณแผลวันละหลายๆ ครั้ง
- อาบน้ำอุ่น หรือนั่งแช่ในน้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ลึกประมาณ 2-3 นิ้ว ครั้งละ 15-30 นาที คุณสามารถหาซื้ออ่างน้ำขนาดเล็กสำหรับนั่งแช่น้ำ (Sitz bath) เพื่อรักษาอาการได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- หากรู้สึกเจ็บปวดเวลาปัสสาวะ ให้ลองปัสสาวะในอ่างหลังจากอาบน้ำ หรือแช่น้ำเสร็จแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความระคายเคืองกับตุ่มแผลของคุณ
วิธีรักษาแผลเริมให้หายเร็วขึ้น
นอกจากวิธีการรักษาที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีวิธีการดูแลตนเองอื่นๆ ที่จะช่วยให้แผลเริมที่อวัยวะเพศของคุณหายเร็วขึ้นได้แก่
- ล้างแผลด้วยน้ำเกลือที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ
- สวมชุดชั้นในผ้าฝ้ายเพื่อลดการเสียดสี
- เปลี่ยนมาใส่กางเกงหลวมๆ เพื่อลดอาการเจ็บแผล และทำให้มีอากาศระบายเข้าถึงแผลได้
- ไม่สวมถุงน่อง กางเกง หรือชุดชั้นในที่เป็นผ้าไนลอน หรือผ้าใยสังเคราะห์อื่นๆ
- ไม่พันแผลไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลอับชื้น
- ไม่แกะ หรือแคะแผล
- ไม่ใช้ครีม หรือยาขี้ผึ้งที่ขายตามร้านขายยาทั่วไปทาที่แผล หรือทาที่องคชาติ หากแพทย์ไม่ได้เป็นผู้สั่งยา
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่น้ำหอมบริเวณที่เป็นแผล แต่ให้ใช้สบู่สูตรอ่อนโยนแทน เพื่อป้องกันการระคายเคืองของแผล
วิธีดูแลตนเองและลดความเสี่ยงการเกิดเริม
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงได้ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคเริมได้ในอนาคต เช่น
- นอนหลับให้เพียงพอ เพราะหากร่างกายของคุณอ่อนเพลียก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสได้ง่าย
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคเริมมาแล้ว การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ จะเพิ่มโอกาสทำให้กลับมาเป็นโรคเริมซ้ำอีกครั้งได้
- อย่าเครียด หรือวิตกกังวลจนเกินไป รวมทั้งมีการแบ่งเวลาพักสมอง อย่าทำงานหนักจนเกินไป เพราะเมื่อร่างกายอ่อนล้า โอกาสติดเชื้อไวรัสก็ง่ายขึ้นไม่ต่างจากการพักผ่อนไม่เพียงพอเลย
- ป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะการมีเพศสัมพันธ์คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเริม ดังนั้นคุณควรหยุดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายดี หรือควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส หรือหากคุณเป็นโรคเริม ก็ควรบอกคู่รัก หรือคู่นอนของคุณตรงๆ
- ให้หลีกเลี่ยงการหอม หรือจูบหากคุณ หรือคนใกล้ชิดมีแผลพุพองบริเวณปาก หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสระหว่างกัน โดยเฉพาะทารก เด็ก และหญิงมีครรภ์ ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ
โรคเริมสามารถป้องกันได้ด้วยการมีวินัยในการใช้ชีวิต มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ซื่อสัตย์ต่อตนเองหากมีโรคเริมควรแจ้งคู่นอนให้ทราบ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และพักผ่อนให้เพียงพอ
หากติดเชื้อ หรือสงสัยว่าติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อควบคุมโรคและไม่ให้โรคลุกลาม