การฟอกฟันขาวสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่โดยทั่วไปจะมี 2 ตัวเลือกใหญ่ๆ ได้แก่ การฟอกฟันขาวโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องไปทำที่คลินิกทันตกรรม กับการซื้อชุดฟอกฟันขาวมาใช้เองที่บ้าน
การฟอกฟันขาวด้วยตัวเองมีดังนี้
1. ใช้ยาสีฟันที่ช่วยให้ฟันขาว
- ยาสีฟันที่ช่วยให้ฟันขาว จะอาศัยเทคนิคต่างๆ มาทำให้สีของฟันดูสว่างขึ้น เช่น การใช้เบกกิ้งโซดา สารกัดกร่อน หรือสารเคมีมาขัดถูฟัน ซึ่งช่วยให้ผิวฟันสะท้อนแสง รวมทั้งช่วยขจัดคราบบนผิวฟันออกไป ในการเลือกซื้อยาสีฟันประเภทนี้ ควรเลือกสินค้าที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองโดยองค์กรที่มีมาตรฐาน
- ระยะเวลา: อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผล
- ราคา: แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1,000 บาท
2. ใช้ชุดฟอกฟันขาวที่หาซื้อได้ทั่วไป
- ชุดฟอกฟันขาวนั้นมีทั้งรูปแบบแถบ ถาด และแปรง เพื่อให้เราใช้ลงสารฟอกสีเข้าไปที่ตัวฟัน และเคลือบไว้ได้นานกว่ายาสีฟันทั่วไป ชุดฟอกฟันขาวเหล่านี้มักมีส่วนผสมของเปอร์ออกไซด์ที่ช่วยฟอกสีฟันและขจัดคราบในส่วนที่ลึกลงไปกว่าผิวฟัน ส่วนการเลือกซื้อ ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยเช่นเดียวกัน
- ระยะเวลา: เมื่อใช้เป็นประจำทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง จะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะเห็นผล
- ราคา: แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 500-3,000 บาท
3. ใช้วิธีธรรมชาติ
- การทำให้ฟันขาวขึ้นด้วยวิธีธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่การกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดคราบฟันหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง รวมไปถึงเครื่องดื่มที่เป็นกรด การสูบบุหรี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ฟันเปลี่ยนสี ดังนั้ หากอยากให้ฟันขาวขึ้นจึงควรเลิกสูบอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ การขัดฟันด้วยเบกกิ้งโซดาหรือผงถ่าน และการกลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าว ก็อาจช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม วิธีพื้นฐานที่สุด คือการสร้างนิสัยการดูแลช่องปากและฟันอย่างเหมาะสม ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันและบ้วนปากให้สะอาด เลือกเคี้ยวหมากฝรั่งสูตรไม่มีน้ำตาล รวมถึงไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้สุขภาพปากและฟันโดยรวมของเราแข็งแรงอยู่เสมอ
- ระยะเวลา: ตลอดชีพ
- ราคา: แตกต่างกันไป
ส่วนการฟอกฟันขาวที่คลินิกทันตกรรมก็มีมากมายหลายวิธีให้เลือก โดยทันตแพทย์จะช่วยแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับเราให้ ตัวเลือกที่ว่านี้ มีทั้งการนำชุดฟอกฟันขาวจากคลินิกไปใช้เองที่บ้าน ไปจนถึงการฟอกฟันที่คลินิกโดยทันตแพทย์ ซึ่งก็มีทั้งแบบทำครั้งเดียวเสร็จ และแบบที่ต้องทำต่อเนื่องกันหลายๆ ครั้ง
ข้อดีของการฟอกฟันขาวโดยผู้เชี่ยวชาญ คือไม่ต้องกลัวเรื่องการฟอกฟันไม่ทั่วถึง (ที่พบเจอได้บ่อยเมื่อใช้แถบฟอกฟันด้วยตัวเอง) รวมถึงการฟอกสีฟันเกิน ซึ่งอาจทำให้เหงือกและฟันเกิดความเสียหายได้
4. การนำชุดฟอกฟันขาวกลับไปใช้เอง
- ทันตแพทย์อาจสั่งจ่ายชุดฟอกฟันขาวเพื่อให้เรานำกลับไปใช้เอง โดยในชุดฟอกฟันขาวจะมีตัวฟอกสีฟันแบบสำเร็จรูป หรือถาดสวมฟันที่ทำขึ้นมาให้เข้ากับรูปฟันของเรา และน้ำยาฟอกสี ชุดฟอกฟันขาวแบบนี้คล้ายกับที่วางขายทั่วไป เพียงแต่น้ำยาฟอกสีฟันจะมีความเข้มข้นสูงกว่าพอสมควร
- ระยะเวลา: แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความแรงของน้ำยาฟอกสีฟัน แต่โดยทั่วไปจะเห็นผลภายใน 1 หรือ 2 สัปดาห์
- ราคา: แตกต่างกันในแต่ละคลินิก แต่โดยปกติจะอยู่ที่ 2,000 – 5,000 บาท
5. การฟอกฟันขาวด้วย Zoom
- วิธีนี้ต้องทำที่คลินิกทันตกรรมเท่านั้น โดยจะใช้เจลฟอกฟันที่มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้มข้น 25% ร่วมกับใช้แสงจากหลอดไฟชนิดพิเศษเพื่อช่วยปรับให้สีฟันสว่างขึ้น
- ระยะเวลา: ขั้นตอนการทำใช้เวลาประมาณ 45 นาที ซึ่งจะเห็นผลในทันทีหลังทำ
- ราคา: ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
6. Boost
- เป็นอีกตัวเลือกที่ทำได้เฉพาะในคลินิกเท่านั้น โดยวิธี Boost จะใช้เจลฟอกฟันที่มีส่วนผสมหลักเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพื่อขจัดคราบฟัน โดยไม่จำเป็นต้องฉายแสงไฟช่วย
- ระยะเวลา: ใช้เวลาทำประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นผลทันทีหลังทำ
- ราคา: อยู่ที่ประมาณ 4,000 - 10,000 บาท
7. เคลือบผิวฟัน (Veneers)
- คราบฟันบางชนิดอาจไม่ตอบสนองต่อการฟอกสีฟันแบบทั่วไป ในกรณีนี้ เราอาจต้องใช้การเคลือบผิวฟัน หรือ วีเนียร์ มาช่วยให้สีของฟันดูขาวขึ้น
- ระยะเวลา: ต้องมาทำที่คลินิกหลายครั้ง ซึ่งจะเห็นผลภายใน 2 – 3 สัปดาห์
- ราคา: 3,000 – 15,000 บาท ต่อฟัน 1 ซี่
ฟอกฟันขาวด้วยวิธีไหน ได้ผลดีที่สุด?
การฟอกฟันขาวโดยทันตแพทย์ที่คลินิก เป็นตัวเลือกที่ได้ผลดีและปลอดภัยที่สุด เนื่องจากสามารถใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์แรงได้ โดยที่เหงือกและช่องปากได้รับการปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหาย และทันตแพทย์ยังอาจปรับเปลี่ยนความเข้มข้นของน้ำยาได้ตามความเหมาะสมด้วย นอกจากนี้ การฟอกสีฟันโดยหมอฟันยังช่วยลดอาการเสียวฟันและผลข้างเคียงอื่นๆ หลังการรักษาได้ อีกทั้งยังสามารถปรับให้ฟันขาวขึ้นได้มากถึง 10 ระดับภายใน 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนวิธีที่ได้ผลดีรองลงมา คือการใช้ชุดฟอกฟันขาวที่สั่งจ่ายโดยทันตแพทย์ ซึ่งจะมีถาดครอบฟันที่ออกแบบมาให้พอดีกับรูปฟันของเราโดยเฉพาะ และน้ำยาฟอกฟันที่มักใช้ส่วนผสมเป็นคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์เข้มข้น 10% โดยในการฟอกฟันด้วยตัวเอง เราต้องใส่ถาดครอบฟันไว้ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งจะเห็นผลว่าฟันขาวขึ้นได้ภายใน 2 สัปดาห์
ตัวเลือกการฟอกฟันขาวที่มีอยู่มากมาย แบบไหนเหมาะกับเราที่สุด?
ใครที่สนใจการฟอกฟันขาว ไม่ว่าจะเป็นการทำที่คลินิกโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือซื้อผลิตภัณฑ์มาทำเอง ในขั้นแรกควรต้องปรึกษาทันตแพทย์ก่อน เพื่อให้คุณหมอตรวจดูว่าเรามีภาวะอะไรที่รบกวนการฟอกสีฟัน หรืออาจมีอาการแย่ลงจากการฟอกสีฟันหรือไม่
ต่อจากนั้น ให้พิจารณาว่าเราต้องการให้ฟันขาวขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพราะการฟอกฟันขาวที่คลินิกจะทำให้ฟันขาวขึ้นได้มากถึง 10 ระดับ ในขณะที่การใช้ยาสีฟันช่วยฟันขาวอาจทำให้ฟันขาวขึ้นได้เล็กน้อย หรือแค่ 1 ระดับเท่านั้น
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คืองบประมาณที่เราตั้งไว้ การฟอกฟันขาวโดยทันตแพทย์อาจได้ผลดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด แต่ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ตั้งแต่หลักหลายพันจนถึงหลายหมื่นบาท ขณะเดียวกัน การใช้ชุดฟอกฟันขาวที่หาซื้อได้ทั่วไป อาจจะได้ผลแค่ระดับหนึ่ง แต่ก็มีราคาเพียงหลักร้อยจนถึงพันต้นๆ เท่านั้น
ระยะเวลาการฟอกสีฟันก็เป็นอีกเรื่องที่ควรคำนึงถึงเช่นกัน การฟอกฟันขาวที่คลินิกซึ่งมีราคาแพง จะใช้เวลาแค่ประมาณชั่วโมงเดียวก็เห็นผลทันทีว่าฟันขาวขึ้น ส่วนการใช้ชุดฟอกฟันขาวที่ราคาถูกกว่ามาก ก็อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผล อีกทั้งต้องใช้เป็นประจำทุกวัน วันละ 1 – 2 ครั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการฟอกฟันขาวด้วยวิธีไหนที่ให้ผลคงอยู่ถาวรไปตลอด การกินอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด การสูบบุหรี่ และการใช้ยา อาจทำให้คราบฟันกลับมาได้เสมอ เราจึงอาจต้องกลับไปฟอกฟันซ้ำๆ เป็นระยะ หากต้องการให้ฟันขาวต่อเนื่องยาวนาน
ที่มาของข้อมูล
Perfect Teeth, What You Should Know About The Different Types of Teeth Whitening (https://www.perfectteeth.com/blog/types-of-teeth-whitening), 12 April 2018.
Your Smile Become You, Teeth Whitening FAQ (https://yoursmilebecomesyou.com/teeth-whitening-faq).
Web MD, Frequently Asked Questions About Teeth Whitening (https://www.webmd.com/oral-health/teeth-whitening-faq), 10 October 2019.
healthline, Teeth Whitening Options and Safety (https://www.healthline.com/health/is-teeth-whitening-safe), 5 June 2018.