เมื่อพูดถึงการขูดมดลูก ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีอาการกลัวและกังวลไม่น้อย ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขูดมดลูก และการฟังคนอื่นๆ พูดต่อกันมาแบบผิดๆ ซึ่งความจริงแล้วการขูดมดลูกคืออะไร เมื่อไหร่ที่ต้องขูดมดลูก และควรทำหรือไม่ เราจะมาไขคำตอบและทำความเข้าใจกันมากขึ้นด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
สารบัญ
การขูดมดลูก คืออะไร?
การขูดมดลูก เป็นการขูดเพื่อเอาเยื่อบุหรือชื้อเนื้อภายในโพรงมดลูกออกมา ซึ่งมักจะเป็นเยื่อบุที่ตกค้างอยู่ภายใน ไม่สามารถสลายออกมาได้เองตามธรรมชาติ โดยลักษณะของการขูดจะแบ่งออกเป็น 2 ประการด้วยกัน คือ
- การขูดเพื่อวินิจฉัยโรค ในกรณีที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคร้ายบางอย่าง ซึ่งต้องวินิจฉัยด้วยการขูดมดลูก เพื่อให้ทราบผลที่แน่ชัดมากขึ้น
- การขูดเพื่อรักษาโรค ส่วนใหญ่จะเป็นการขูดมดลูกในกรณีหลังจากแท้งบุตรหรือหลังคลอดปกติ แต่มีเยื่อบุตกค้างอยู่ ไม่ถูกนำออกมาพร้อมกับน้ำคาวปลา
ใครที่จำเป็นต้องขูดมดลูกบ้าง?
การขูดมดลูกจะทำเพื่อวินิจฉัยโรคและเพื่อการรักษาโรค โดยผู้ที่จำเป็นต้องขูดมดลูก คือ
- ผู้หญิงที่มีอาการเลือดออกทางช่องคลอดมาก และมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยทองแล้ว
- ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็มีเลือดออกทางช่องคลอดอีก จึงต้องตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด
- ผู้หญิงที่แท้งบุตร เพราะส่วนใหญ่เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวขึ้นมาในขณะตั้งครรภ์ มักจะไม่สลายไปเองตามธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องขูดออก
- ผู้หญิงหลังคลอดบุตรปกติ ที่มีปัญหาเยื่อบุมดลูกหนาเกินไป หรือมีภาวะแทรกซ้อน จึงต้องพิจารณาขูดมดลูกเพื่อทำการรักษา
การขูดมดลูก มีอาการเจ็บปวดมากหรือไม่?
หลายคนเกิดคำถามว่าการขูดมดลูกจะมีอาการเจ็บหรือไม่ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า ขั้นตอนการขูดมดลูก แพทย์จะใช้วิธีการระงับอาการปวด โดยมี 2 วิธี คือ
1. การใช้ยาสลบ
การใช้ยาสลบจะช่วยระงับอาการเจ็บปวดในขณะขูดมดลูกได้ดีที่สุด เพราะช่วงนั้นผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัว แต่หลังจากยาสลบหมดฤทธิ์ก็อาจจะมีอาการปวดอยู่บ้าง ซึ่งแพทย์จะให้ยาทานระงับอาการปวด พร้อมคำแนะนำที่ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สำหรับการเตรียมตัวหากต้องใช้ยาสลบในการขูดมดลูก ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารทุกชนิดประมาณ 8-12 ชั่วโมง รวมถึงการแจ้งข้อมูลการแพ้ยา เพื่อแพทย์จะได้จัดเตรียมยาได้ถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ควรมีญาติไปด้วย เพราะหลังจากขูดมดลูกเสร็จร่างกายอาจยังไม่ฟื้นตัวจากการสลบมากนัก จึงต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดนั่นเอง
2. การใช้ยาชา
เป็นวิธีการระงับความเจ็บปวด โดยแพทย์จะฉีดยาชาเข้าที่บริเวณคอมดลูก ซึ่งอาจจะมีอาการปวดท้องน้อยคล้ายๆ กับการปวดท้องประจำเดือนอยู่บ้าง แต่ไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ในขณะขูดมดลูก หากรู้สึกเหมือนจะเป็นลมหรือมีอาการชารอบริมฝีปาก ให้รีบแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที เพราะอาจเป็นภาวะที่อันตรายได้ สำหรับการเตรียมตัวในกรณีที่ฉีดยาชา ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก แค่แจ้งประวัติการแพ้ยาและควรมีญาติไปด้วยสักคน
ดังนั้น การขูดมดลูก จะมีอาการเจ็บมากหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้เพื่อระงับความเจ็บปวดในขณะทำการขูดมดลูกด้วย แต่หลังจากขูดมดลูกแล้ว ก็อาจมีอาการปวดอยู่บ้าง โดยแพทย์จะให้ยาระงับอาการปวด พร้อมคำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้อาการปวดบรรเทาลงและร่างกายฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากขูดมดลูก ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
หลังจากขูดมดลูกเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเองอย่างถูกวิธี และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตราย และเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งข้อควรปฏิบัติหลังจากขูดมดลูก ก็มีดังนี้
- รับประทานยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวด โดยระยะแรกหลังขูดมดลูก ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดท้องบ่อยๆ แต่เมื่อทานยาแก้ปวด จะทำให้อาการทุเลาลงได้ และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
- รับประทานหลังจากขูดมดลูก 1-2 วันแรก ควรนอนหลับพักผ่อนให้มากๆ โดยอาจจะลางานเพื่อพักผ่อนไปเลยก็ได้ และที่สำคัญ ห้ามยกของหนักหรือเกร็งหน้าท้องเด็ดขาด
- ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะบางคนที่ต้องทานยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดมีเพศสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด ประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
- ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ
อาการผิดปกติหลังขูดมดลูกที่ควรไปพบแพทย์โดยด่วน!
หลังขูดมดลูก ในบางรายก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรเฝ้าระวังอยู่เสมอ ซึ่งหากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- มีเลือดออกจากช่องคลอดมากจนผิดปกติ และอาจมีก้อนเลือดปนออกมาด้วย
- มีเลือดออกนานเกิน 10 วัน พร้อมกับอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง
- มีตกขาว หรือเลือดมีกลิ่นเหม็น โดยบางคนก็อาจมีไข้ร่วมด้วย
การขูดมดลูก เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อช่วยรักษาโรคบางชนิด โดยเฉพาะการขูดมดลูกหลังจากการแท้ง เนื่องจากก้อนเนื้อหรือเยื่อบุที่ตกค้างอยู่ในโพรงมดลูก อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ จึงต้องรีบขูดออกให้หมดนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม การขูดมดลูกก็อาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และมีโอกาสเกิดมดลูกทะลุได้ จึงควรระมัดระวังและทำตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด