สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- ทำไมถึงเลือกใช้บริการนี้: เราสนใจแพ็กเกจการตรวจความเครียด หรือที่เรียกว่า Stress Test อันนี้อยู่แล้ว
- ขั้นตอนการใช้บริการ: พอเริ่ม Consult กัน คุณหมอก็สอบถามก่อนว่า ทำไมถึงอยากตรวจแพ็กเกจนี้ ตอนแรกเราก็ลังเลว่าจะเล่าได้ขนาดไหน คุณหมอก็พูดดักเลยว่า “หมอมีเวลาให้นะ” ก็เลยก๊อกแตกเลย ระบายออกมากับคุณหมอกินเวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ ส่วนกระบวนการตรวจจะใช้ทั้งปัสสาวะกับเลือดค่ะ วันนี้เราจะเจาะเลือดกัน ส่วนปัสสาวะต้องไปเก็บที่บ้านเอา
- ผลลัพธ์ของการใช้บริการ: วิธีรักษา คุณหมอจะจ่ายวิตามินและสมุนไพรกลับไปให้เราทานค่ะ ตรงนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ และจะเป็นการส่งยาทางไปรษณีย์ หรือมารับยาเองที่โรงพยาบาลทีหลัง เราจะยังไม่ได้รับยากลับไปทานในวันที่รับผลเลยน้า
- เปรียบเทียบราคา แพ็กเกจปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยา พร้อมจองที่ HDmall.co.th
- รีวิวนี้เป็นการชำระค่าบริการด้วยตัวเอง
เราเชื่อว่าหลายคนคงไม่กล้ามาตรวจอะไรเกี่ยวกับภาวะด้านจิตเวชแน่ๆ เพราะคิดว่ามันน่าอาย หรือกลัวจะคนอื่นมองเราว่ามีปัญหา นั่นคือสาเหตุนึงที่เราอยากมา รีวิวการตรวจความเครียด ครั้งนี้ให้ทุกๆ คนได้เห็นกันค่ะ
ส่วนตัวเราสนใจแพ็กเกจการตรวจความเครียด หรือที่เรียกว่า Stress Test อันนี้อยู่แล้วด้วย เพราะเห็นรายละเอียดจากทาง HDmall.co.th เลยตัดสินใจจองแพ็กเกจนี้ค่ะ
หลังจากซื้อแพ็กเกจกับทาง HDmall.co.th และได้รับคูปองเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 3-4 วันก่อนวันนัดหมาย โรงพยาบาลพญาไท 2 ก็โทรมาแจ้งทวนนัดกับเราอีกครั้ง และสอบถามเราให้เลื่อนตรวจจาก 9 โมงเช้า เป็นโมงเช้าได้มั้ย เพราะเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเจาะเลือดไปตรวจ ทางเราก็โอเค เช้าหน่อยก็ดี รถจะได้ไม่ติด
คุณพยาบาลแจ้งด้วยว่า เราจะเสียค่าพบคุณหมอเพิ่มอีก 800 บาทนะคะ มันไม่ได้รวมอยู่ในแพ็กเกจ ซึ่งทางเราก็ไม่ได้ติดอะไรค่ะ
ส่วนตัวเราประทับใจบริการของโรงพยาบาลเรื่องการทำนัดมากๆ เพราะในวันเดียวกันที่ตรวจ Stress test เรามีนัดฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วงบ่ายที่โรงพยาบาลเดียวกันด้วย
คุณพยาบาลก็เลยบอกว่า งั้นจะทำนัดให้ฉีดยาต่อจากตรวจ Stress test ไปเลย จะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา ถือว่าย่นเวลาให้เราไม่ต้องนั่งแช่อยู่ที่โรงพยาบาลไปได้หลายชั่วโมงเลยค่ะ
ขั้นตอนการตรวจความเครียด Stress Test ที่โรงพยาบาลพญาไท 2
พอถึงวันตรวจ เราก็ตรงดิ่งไปที่ตึก B ของโรงพยาบาลตามที่คุณพยาบาลแจ้งไว้ทางโทรศัพท์ จากนั้นก็กดลิฟต์ไปชั้น 8 เปิดประตูลิฟต์มาก็จะเจอป้าย “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ”
เราก็เดินไปแจ้งที่เคาน์เตอร์ตรงนั้นว่า มาตรวจ Stress test ทางเจ้าหน้าที่ก็ขอบัตรประชาชนแล้วให้เรานั่งรอแป๊บนึง หลังจากนั้นก็บอกทางให้เราเดินไปตามทางเดินตรงขวามือ
เปิดลิฟต์ชั้น 8 มา ให้บอกพนักงานว่ามาตรวจ Stress test หรือเอาคูปองจาก HDmall.co.th ให้พนักงานดูก็ได้ค่ะ ระหว่างเดินไปเราจะเห็นป้าย “Premier Life Centre Phyathai 2” ค่ะ ตรงนี้แหละที่เราจะมาตรวจ Stress test กัน ถัดจากป้ายมาก็เป็นประตูทางเข้าศูนย์ตรวจเลย
พอเข้าไปถึง เราก็บอกเจ้าหน้าที่ว่ามาตรวจ Stress test เจ้าหน้าที่ก็ขอบัตรประชาชนอีกรอบ แล้วให้เรากรอกเอกสารพร้อมชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงค่ะ หลังจากนั้นก็ให้นั่งรอคุณหมอ ตรงนี้เรานั่งรอนานนิดนึงเพราะมาก่อนเวลาค่อนข้างนาน
พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็เรียกเราเข้าไปพบคุณหมอค่ะ คุณหมอเป็นผู้หญิง ท่าทางใจดี สบายๆ มากเลย พอเริ่ม Consult กัน คุณหมอก็สอบถามก่อนว่า ทำไมถึงอยากตรวจแพ็กเกจนี้ แล้วก็สอบถามว่า เรามีปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดความเครียดบ้าง
ตอนแรกเราก็ลังเลค่ะ ว่าจะเล่าได้ขนาดไหน คุณหมอก็พูดดักเลยว่า “หมอมีเวลาให้นะ” ก็เลยก๊อกแตกเลย ระบายออกมากับคุณหมอกินเวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ คุณหมอก็รับฟัง มีชมเราด้วยว่าเราเก่ง 5555 บรรยากาศการตรวจสบายๆ เลยค่ะ ไม่มีกดดัน อยากพูดอะไรก็พูดออกมาได้หมด
ความเซอร์ไพรส์ของการ Consult กับคุณหมอคือ เราเพิ่งรู้ว่าที่นี่รักษาความเครียดด้วยการใช้สมุนไพรกับวิตามินค่ะ ปกติเราได้ยินแต่การกินยารักษาโรคซึมเศร้า หรือความเครียดอะไรแบบนี้
แต่คุณหมอบอกว่า ที่นี่ไม่ใช้ยา แล้วคนไข้หลายรายก็สามารถหายจากภาวะเหล่านี้ได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
แถมคุณหมอยังแนะนำให้เราตรวจสารอินทรีย์ในร่างกายเพิ่มเพื่อที่คุณหมอจะได้ดูสารสื่อประสาทว่าตรงไหนมันบกพร่องบ้าง เราเครียดตรงไหนในเชิงลึกมากขึ้น เป็นการตรวจทางปัสสาวะ คุณหมอบอกว่า ถ้าสนใจก็บอกได้ คุณหมอจะให้กระบอกใส่ปัสสาวะกลับบ้านไป แต่เรายังไม่ได้ตกลงค่ะ ขอตรวจอันนี้ให้เสร็จก่อน แต่ก็แอบเก็บไว้พิจารณานิดนึง
หลังจากพบคุณหมอแล้ว ก็มาถึงกระบวนการตรวจกัน การตรวจจะใช้ทั้งปัสสาวะกับเลือดค่ะ วันนี้เราจะเจาะเลือดกัน ส่วนปัสสาวะต้องไปเก็บที่บ้านเอา
หลังจากออกมาจากห้องคุณหมอ เจ้าหน้าที่พาเราไปรอเจาะเลือด รอนานหน่อยเพราะคนไข้เยอะมากกก ทางเจ้าหน้าที่ก็ขอโทษแล้วก็เจาะเลือดเราไป ตรงนี้ใครกลัวการเจาะเลือด หรือกลัวเข็มไม่ควรมองนะคะ หายใจลึกๆ 555 เพราะเขาเอาเลือดเราไปเต็มกระบอกอยู่ แอบช็อค 555+
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเรากลับไปมาที่ห้อง Premier Life Centre เพื่อฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ค่ะ ตรงนี้กระบวนการฉีดก็ปกติ เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลฉีดให้ค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เริ่มอธิบายการเก็บฉี่มาตรวจ มันซับซ้อนพอสมควรเลย
หลักๆ คือ เราเก็บฉี่ที่เราฉี่ครั้งแรกหลังจากตื่นนอน ถ้าตื่นมาฉี่ตอนกลางคืนให้ฉี่ออกไปเล็กน้อยแล้วเก็บฉี่ที่เหลือใส่กระบอกให้ได้ประมาณ 20 cc หลังจากนั้นตื่นเช้ามาก็ให้ใส่ให้เต็ม 40 cc ค่ะ จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นแล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาล ย้ำ! ต้องแช่ตู้เย็น อย่าทิ้งไว้ข้างนอก
ยังไม่หมดค่ะ พอจะเอาฉี่มาส่งที่โรงพยาบาล ระยะเวลาที่เรานำมาส่งต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมงด้วย เพื่อให้สารอินทรีย์ที่อยู่ในปัสสาวะยังคงอยู่ไว้ได้ ถ้าเกินต้องใส่ถุงหรือกล่องเก็บความเย็นระหว่างส่ง เงื่อนไขแอบเยอะ เพิ่งรู้นะเนี่ย 555+
ในเมื่อต้องให้ฉี่ถึงมือหมอภายใน 1 ชั่วโมง และบ้านเราอยู่คนละฝั่งกับโรงพยาบาลแบบนี้ งั้นก็จ้างแมสเซนเจอร์สิคะ มาส่งเองไม่ทันแน่นอน 555+
ทางโรงพยาบาลก็นัดหมายเวลากับเราว่าจะให้แมสเซนเจอร์มาส่งกระบอกใส่ปัสสาวะวันไหน แล้วให้ติดต่อเบอร์อะไร ทางเจ้าหน้าที่ให้เราแอดไลน์ไว้ด้วยค่ะ เพื่อที่พอแมสเซนเจอร์จะเอากระบอกมาส่ง เราจะได้ไลน์บอกเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนได้ ข้อมูลการจัดส่งเรียกได้ว่า ทางเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีเลยค่ะ ประทับใจสุดๆ
ระยะเวลาที่ผลเลือดกับปัสสาวะจะออก จะประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ หลังจากนั้นเราจะมารีวิวการฟังผลตรวจให้อีกครั้งนะคะ
ป.ล. ได้คูปองอาหารฟรีมาจากทางโรงพยาบาลด้วยล่ะ ได้กิน Auntie Anne's ในราคาส่วนลด ดีไปอีก
รับผลตรวจ
ถึงเวลาฟังผลกันแล้วค่ะท่านผู้ชม ก่อนหน้านี้เรามีเลื่อนนัดฟังผลไป 2 สัปดาห์เพราะมีประจำเดือน ปัสสาวะในช่วงนั้นเลยใช้ตรวจไม่ได้ แต่สามารถนัดกับคุณหมอได้ใหม่ทางไลน์เจ้าหน้าที่ได้เลยค่า
เรามาถึงก่อนหน้าเวลาตรวจเหมือนเดิมประมาณ 40 นาทีค่ะ แต่รอบนี้ไม่ต้องรอคุณหมอตามเวลานัด ไปชั่งน้ำหนักส่วนสูงวัดความดันเสร็จก็เข้าพบคุณหมอได้เลย
สำหรับผลตรวจที่ออกมา เราขอเปิดเผยผลการตรวจแค่ 1 ค่าแล้วกันนะคะ เพื่อเป็นรีวิวตัวอย่างให้ทุกคนเห็นว่า ผลตรวจหน้าตาเป็นยังไง แต่ความจริงแล้วผลการตรวจที่เราได้รับจะไม่ได้มีแค่ค่าเดียวค่ะ
ในรูปคือ ผลตรวจฮอร์โมน DHEA ของเราค่ะ มันเป็นฮอร์โมนต้านความเครียด และทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข และรู้สึกสดชื่น ซึ่งค่าฮอร์โมนที่ทางโรงพยาบาลวัดออกมาได้คือ 140.0 ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ค่ะ เกณฑ์ปกติคือ 150-200
แต่เดี๋ยวก่อน! ผลฮอร์โมนก็ออกมาค่าต่ำกว่าเกณฑ์แล้วทำไมตัวเลขเป็นสีแดงล่ะ! นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ค่าที่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ 555 คุณหมอก็อธิบายให้เข้าใจว่า ที่ค่าฮอร์โมนของเราต่ำกว่าเกณฑ์ ก็เพราะเราเครียดมากๆ จนเลยจุดสูงสุดไปแล้ว ว่าแล้วเชียว...
และฮอร์โมนในร่างกายเรามันก็ทำงานล้ามากจนเริ่มกลายเป็นช้าและอ่อนแรงลงไปแล้วนั่นเอง มันเหมือนหม้อน้ำเดือดที่เดือดมากๆ จนเลยจุดเดือดสูงสุดไปแล้ว และน้ำในหม้อก็เลยแห้งหมดจนหม้อน้ำดำไหม้ไปแล้วอะค่ะ ประมาณนั้นแหละ
สำหรับวิธีรักษา คุณหมอจะจ่ายวิตามินและสมุนไพรกลับไปให้เราทานค่ะ ตรงนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ และจะเป็นการส่งยาทางไปรษณีย์ หรือมารับยาเองที่โรงพยาบาลทีหลัง เราจะยังไม่ได้รับยากลับไปทานในวันที่รับผลเลยน้า
ของแถมอีกอย่างที่ได้รับจากวันตรวจคือ เราได้รับคำปรึกษากับคุณหมอในส่วนของปัญหาชีวิตในช่วงนี้ด้วยค่ะ คุยเจาะกันเป็นเรื่องๆ เลย ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่ดีนะ มารับผลแต่ได้ทิปเป็นวิธีจัดการตัวการทำให้เกิดความเครียด หรืออาการซึมเศร้าด้วย
โดยสรุปการตรวจฮอร์โมนความเครียดก็มีแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ใครที่กำลังเครียด หรือรู้สึกกดดันกับชีวิต เราแนะนำให้ไปตรวจเหอะ จะได้รู้วิธีกันไปเลยว่าเราจะจัดการกับภาวะยากๆ ในชีวิตยังไงดี เพราะนอกจากการตรวจ เรายังได้ Consult กับคุณหมออีก เหมือนได้รับคำปรึกษาไปด้วยในแพ็จเกจเดียวอะ
ชีวิตมันยากขึ้นทุกที มาหาทางแก้ไขเรื่องยากๆ พวกนั้นให้กับตัวเองกันเถอะ การไปเจอจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือน่าอายเลย ชิวๆ มาก เชื่อเรา แล้วเราจะได้เจอวิธีอยู่ร่วม หรือจัดกับปัญหาที่อยู่รอบๆ ตัวเราด้วย สู้ๆ ค่ะทุกคน