สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- ช่วงนี้หลินมีปัญหาที่ร่องแก้ม เวลายิ้มจะเห็นร่องแก้มที่ใบหน้าชัดขึ้น ยิ่งยิ้มเยอะยิ่งเห็นชัดมากๆๆ หลินก็อยากจะแก้ไขปัญหานี้ให้ไวที่สุด
- หลินเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ Kharis Clinic เพราะเป็นคลินิกที่หลินมั่นใจในคุณภาพและเข้ามาใช้บริการที่นี่บ่อยที่สุด
- ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ เริ่มแรกเจ้าหน้าที่จะเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อน จากนั้นคุณหมอจะฉีดยาชาแบบบล็อกเฉพาะจุด หลังจากยาชาออกฤทธิ์คุณหมอก็จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์เลยค่ะ
- ผลลัพธ์ที่ได้ หลังจากฉีดเสร็จแล้วร่องแก้มของหลินหายไปทันที หมดปัญหาเรื่องร่องแก้มเลยค่ะ ฉีดเสร็จแล้วสวยเลย ไม่ต้องพักฟื้นและสามารถแต่งหน้าได้เลย
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ Kharis Clinic
ตอนนี้หลินเป็น Influencer และ Vlogger อยู่ค่ะ ด้วยลักษณะงานทำให้หลินต้องพบปะผู้คน ต้องทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ใบหน้าและรอยยิ้มเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในงานของหลิน
แต่ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะเวลาที่ต้องยิ้มและถ่ายรูป เพราะทุกครั้งเวลายิ้มก็จะเห็นร่องแก้มที่ใบหน้า ยิ่งยิ้มเยอะยิ่งเห็นชัดมากๆ
อันที่จริงหลินเข้าคลินิกบ่อยมากจนการเข้าคลินิกเป็นเหมือนงานอดิเรกนึง แต่ส่วนใหญ่ที่ไปจะเป็นการดูแลพวกผิวหน้า เน้นการบำรุงฟื้นฟูให้หน้าเราใสกิ๊งอยู่เสมอมากกว่า แต่พอมาเจอปัญหาที่ร่องแก้มหลินก็อยากจะแก้ไขให้ไวที่สุด
ก่อนหน้านี้เคยดูรีวิวการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มมาบ้างดูวิธีที่น่าสนใจ เพราะเห็นผลได้ไวแล้วยังไม่ต้องพักฟื้นหน้าอีก วิธีนี้น่าจะเหมาะกับหลินที่สุดทำให้ตัดสินไปปรึกษาคุณหมอเรื่องฉีดฟิลเลอร์แบบด่วนๆ เลยค่ะ
วันนี้หลินเลือกมาที่ Kharis Clinic เพราะเป็นคลินิกที่หลินเข้ามาใช้บริการบ่อยที่สุด ที่นี่มีคุณหมอคอยให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างละเอียด สามารถตอบทุกคำถามที่หลินสงสัยให้เข้าใจได้ทั้งหมด
พี่ๆ พนักงานที่นี่ก็บริการดีมีความเป็นกันเอง ที่สำคัญที่นี่ไม่ได้เน้นขายของเว่อร์เกินไปเลยทำให้เรารู้สึกไม่อึดอัด รู้สึกสบายๆ กว่าที่อื่น
เดี๋ยวมาลองดูกันนะคะครั้งนี้คุณหมอจะแนะนำเป็นฟิลเลอร์ตัวไหนและปัญหาร่องแก้มที่ลึกมากๆ ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ซีซี และเป็นยี่ห้อไหนนะคะ
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ Kharis Clinic
พอถึงวันนัดหมายหลินก็เข้ามาที่ Kharis Clinic ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่ามาใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ สำหรับใครที่เป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งมาใช้บริการครั้งแรกจะต้องลงทะเบียนทำประวัติใหม่ก่อน
พอดีหลินเข้ามาใช้บริการที่นี่เป็นประจำอยู่แล้วเลยไม่ต้องลงทะเบียนทำประวัติใหม่ หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วก็นั่งรอเข้าพบคุณหมอได้เลยค่ะ
ระหว่างที่กำลังรอพี่ๆ เจ้าหน้าที่จะเข้ามาพูดคุยพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมที่เราสนใจให้ฟังคร่าวๆ แล้วสักพักก็ได้เข้าไปพบคุณหมอต่อค่ะ
หลินก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้มีปัญหาที่ร่องแก้มมากที่สุดเลย เวลาส่องกระจกแล้วยิ้มยิ่งเห็นชัดมากๆ อยากให้คุณหมดช่วยดูและประเมินว่าควรจะรักษาแบบไหนยังไงบ้าง
คุณหมอก็ประเมินใบหน้าของหลินแล้วบอกว่า บริเวณใบหน้าที่หน้าผากและหน้าแก้มมีความเต็มและฟูอยู่แล้ว เลยทำให้เห็นตรงร่องแก้มเห็นชัดขึ้น
ส่วนที่เป็นร่องหรือที่เห็นว่ามันหายไปส่วนนี้แนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์ Juvederm ในการเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม โดยปกติตำแหน่งนี้จะใช้อยู่ที่ 1-2 ซีซี และไม่แนะนำให้ใช้เกินจากนี้เพราะถ้าเยอะเกินไปอาจจะทำให้ปากยื่นและอูมเกินไป
หลังจากประเมินปัญหาเสร็จแล้ว หลินก็ได้ถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์มาด้วย เผื่อคนที่กำลังสนใจอยู่จะได้รู้รายละเอียดและข้อมูลไปพร้อมๆ กันนะคะ
ฟิลเลอร์คืออะไร เติมเต็มส่วนไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ คือ สารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เรียกง่ายๆ เลยว่า HA ค่ะ เป็นสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายขของเรา จึงสามารถสลายตัวด้วยกระบวนธรรมชาติภายในร่างกายได้
โดยฟิลเลอร์เหล่านี้จะถูกนำมาผ่านกระบวนทำให้สามารถคงรูปและอยู่ได้นานมากขึ้น สามารถนำมาใช้เติมเต็มร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า ได้แก่ ร่องแก้ม ขมับ หน้าผาก ใต้ตา แก้มส้ม จมูก ปาก คาง กรอบหน้าหรือกรามค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์หนึ่งครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน?
สำหรับผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ คุณหมออธิบายว่าขึ้นกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ โดยปกติฟิลเลอร์เนื้ออ่อน จะอยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
ส่วนฟิลเลอร์เนื้อแข็ง จะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดและรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วยนะคะ
วิธีเช็กฟิลเลอร์แท้หรือปลอม
ตอนนี้ในประเทศไทยมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อมากๆ แต่ละยี่ห้อก็จะมีรายละเอียดวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้หรือปลอมที่ต่างกันนิดหน่อย โดยคุณหมอก็ได้สอนวิธีการหลักๆ ในการตรวจสอบฟิลเลอร์ดังนี้ค่ะ
- กล่องฟิลเลอร์ต้องปิดเรียบร้อย ไม่มีด้านไหนถูกแกะมาก่อน
- ที่กล่องต้องมีเลขระบุวัน-เดือน-ปี ที่หมดอายุอย่างชัดเจน และมีเลขทะเบียน อย.
- เลขล็อตที่ข้างกล่องฟิลเลอร์จะต้องตรงกับเลขล็อตที่หลอดฟิลเลอร์ข้างในเท่านั้น!
- หากที่กล่องมี QR Code เมื่อสแกนแล้วจะต้องปรากฎรายละเอียดตรงกับข้อมูลบนกล่อง
ถ้าไม่ฉีดฟิลเลอร์จะแก้ปัญหาร่องแก้มวิธีไหนได้บ้าง?
คุณหมอเล่าว่า ถ้าเราไม่อยากเติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้ม ก็สามารถใช้วิธีอื่นแทนได้ แต่ก็จะต้องประเมินหาสาเหตุของปัญหาก่อนการรักษา
หากปัญหามาจากความหย่อนคล้อยบริเวณหน้าแก้มก็จะใช้เครื่องยกกระชับมาปล่อยพลังงานให้หน้ายกขึ้น หรืออาจจะใช้โบท็อกซ์ช่วยในการลิฟท์กรอบหน้า
แต่ถ้าสาเหตุมาจากไขมันที่บริเวณนั้นๆ หายไปส่วนใหญ่จะใช้ฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็ม หรืออาจจะใช้วิธีการปลูกถ่ายไขมันแทนก็ได้ แต่วิธีนี้จะต้องใช้เวลาพักฟื้นหน้านานกว่าแบบฟิลเลอร์หลายเท่า ดังนั้นข้อดีของฟิลเลอร์หลักๆ ก็คือ สามารถฉีดแล้วใช้หน้าต่อได้เลยไม่ต้องพักฟื้น
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
หลังจากพูดคุยปัญหากับคุณหมอเสร็จเรียบร้อย พี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะพาไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวฉีดฟิลเลอร์กันต่อค่ะ
ขั้นตอนแรกพี่เจ้าหน้าที่ก็จะทำความสะอาดใบหน้าให้ก่อน จากนั้นคุณหมอก็จะเข้ามาฉีดยาชาเพื่อบล็อกเส้นประสาทเพื่อช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีดฟิลเลอร์ค่ะ
คุณหมอจะบล็อกยาชาบริเวณรอบๆ จุดที่จะฉีดฟิลเลอร์ ของหลินก็จะบล็อกยาชาทั้งหมด 4 จุด ฉีดให้น้อยแต่ฉีดกระจายหลายจุดจะได้เจ็บน้อยลงค่ะ
สำหรับคนที่เจ็บง่ายมากๆ หรือกลัวเจ็บสามารถขอแปะยาชาก่อนที่จะบล็อกยาชาได้เลยนะคะ ก็จะช่วยลดความเจ็บลงได้อีกระดับนึงค่ะ
ระหว่างที่รอยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอให้หลินแกะกล่องฟิลเลอร์เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของแท้ตามวิธีตรวจสอบที่เคยบอกไว้และต้องแกะหลอดต่อหน้าเลยเพื่อป้องกันการสลับตัวยา
สำหรับฟิลเลอร์ที่เราจะใช้ในครั้งนี้เป็นฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus XC เราก็เริ่มต้นด้วยการเช็กกล่องฟิลเลอร์ ดูการซีลรอบกล่องจะต้องไม่มีส่วนหน่อยถูกแกะออกมา
ต่อมาดูเช็กเลขทะเบียน อย. สำหรับยี่ห้อนี้จะเป็นการสกรีน อย. ลงบนกล่องแทนการติดสติกเกอร์ สุดท้ายแกะกล่องและเช็กเลขล็อตที่ข้างกล่องกับเลขล็อตที่หลอดฟิลเลอร์ข้างในว่าตรงกันไหม
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จะไม่มี QR Code ให้สแกน แต่แค่เราตรวจเช็กฟิลเลอร์ด้วยวิธีหลักๆ ตามวิธีการด้านบนก็สามารถมั่นใจความปลอดภัยของฟิลเลอร์ได้แล้วค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus XC ด้านในประกอบด้วยฟิลเลอร์ 2 หลอด หลอดละ 1 ซีซี ฟิลเลอร์รุ่นนี้มีลักษณะเนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องลึก หลังฉีดช่วยให้เต็มสวยขึ้น ดูเป็นธรรมาชาติ และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
หลังจากที่ยาชาออกฤทธิ์แล้ว คุณหมอก็เริ่มฉีดฟิลเลอร์แทนที่บริเวณร่องแก้มข้างจมูกให้ค่ะ โดยการฉีดฟิลเลอร์คุณหมอจะใช้เข็มฉีดแบบทู่เพื่อให้ฟิลเลอร์เรียงกันละมุนและละเอียดมากยิ่งขึ้น
คุณหมอจะฉีดทีละข้าง ข้างละ 1 ซีซี พอฉีดข้างนึงเสร็จคุณหมอจะให้ดูก่อนว่าโอเคไหม ให้หลินลองยิ้มดูพอยิ้มแล้วปรากฏว่าร่องแก้มหายหมดไปเลย ไม่มีร่องแก้มลึกๆ แบบตอนแรกแล้ว
หลังฉีดเสร็จทั้ง 2 ข้างคุณหมอก็จะนวดฟิลเลอร์ทันทีเพื่อช่วยไม่ให้ฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อนและทำให้ได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ถ้าปล่อยไว้นานๆ พอฟิลเลอร์ฟูขึ้นการนวดก็จะยากขึ้นด้วย
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
หลินยอมรับเลยว่าตอนแรกเตรียมใจแล้วคิดว่าน่าจะเจ็บมากกว่านี้ แต่ตอนที่คุณหมอฉีดฟิลเลอร์เข้าไปหลินไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่รู้สึกถึงการดันยาหรือความเสียวเลย
ช่วงที่รู้สึกเจ็บจะเป็นตอนบล็อกยาชาที่เจ็บนิดนึงแค่นั้นเลย ขั้นตอนในการฉีดก็ใช้เวลาไม่นานไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็เสร็จแล้วรวดเร็วมากๆ
ซึ่งผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มก็เห็นผลทันทีแบบฉีดเสร็จแล้วสวยเลย ชอบและประทับใจมากๆ และที่สำคัญไม่ต้องพักหน้า แต่งหน้าและต่อได้เลย สำหรับหลินคิดว่ามันเลิศมากๆ
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์
คุณหมอให้คำแนะนำว่า ปกติหลังฉีดฟิลเลอร์จะไม่พบปัญหาใดๆ และสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หรืออย่างมากเพียง 2-3 วันเท่านั้น โดยมีข้อแนะนำในการดูแลตนเองเมื่อกลับมาพักผ่อนที่บ้านดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ นวด เกา คลำ คลึง บริเวณที่ฉีด เพื่อลดการบวมหรือการเลื่อนของฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ งดรับประทานของหมักดอง ของดิบ และอาหารรสจัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดทำเลเซอร์ อบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ร้อนลงถึงชั้นผิว และไม่ควรประคบร้อน อย่างน้อย 1 เดือน
- ควรดื่มน้ำมากๆ วันละ 1.5- 2 ลิตร หรือประมาณ 12 แก้ว จะช่วยให้มีความชุ่มชื้นหลังการฉีดและทำให้ตัวฟิลเลอร์ฟูดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
บรรยากาศและความประทับใจในการใช้บริการที่ Kharis Clinic
Kharis Clinic เป็นคลินิกที่ค่อนข้างใหญ่ บรรยากาศสบายๆ มีที่นั่งและห้องรับรองเยอะมากทั้งชั้นบนและชั้นล่างอย่างเพียงพอ มีเครื่องดื่มและขนมให้ทานระหว่างรอ
โดยส่วนตัวหลินชอบที่นี่มาก เพราะที่นี่ให้ความรู้สึกมีความเป็นส่วนตัว เหมาะมากๆ สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวแบบหลินเวลามาทำสวยก็ไม่อยากจะโป๊ะเจอใคร
สำหรับพี่ๆ พนักงานก็ดูแลเอาใจใส่อย่างดี คอยให้การดูแลตลอดการใช้บริการที่คลินิก
ส่วนคุณหมอหลินไม่มีข้อกังขาเลย เพราะคุณหมอมีความเชี่ยวชาญมากๆ ตั้งแต่เริ่มการปรึกษาเพราะไม่ว่าหลินจะถามคำถามซอกแซกแค่ไหน คุณหมอก็ตอบคำถามให้คนธรรมดาอย่างเราที่ไม่ได้เรียนหมอมาเข้าใจได้ ในช่วงตอนที่ฉีดฟิลเลอร์คุณหมอมือเบามากๆ ประทับในตัวคุณหมอมากค่ะ
สุดท้ายแล้วสำหรับใครที่สนใจอยากฉีดฟิลเลอร์หรือหัตถการอื่นๆ หลินแนะนำที่ Kharis Clinic เลยค่ะ คลินิกอยู่ที่สุขุมวิท 16 เดินทางมาได้ง่ายและสะดวกมาก
ถ้าใครที่นำรถส่วนตัวมาที่นี่ก็มีที่จอดรถ หรือใครที่เดินทางมาโดยรถสาธารณะก็สามารถขึ้น BTS ลงที่สถานีอโศกได้เลยค่ะ แอบบอกนิดนึงที่นี่มีผ่อน 0% นาน 10 เดือนผ่านระบบของ HDPay ด้วยนะคะ