รีวิวตรวจ MRI วินิจฉัยอาการปวดหลัง ที่ โรงพยาบาลพญาไท 1


สรุปการรีวิว

ขยาย

ปิด

  • ปกติบอสชอบเล่นกีฬาอย่างฟุตบอลเป็นประจำ บางทีบอสก็ต้องยกของหนักเลยทำให้เมื่อ 3-4 ปีก่อน บอสมีอาการปวดหลัง
  • การตรวจ MRI จะเห็นภาพโครงสร้างกระดูกส่วนที่ตรวจได้ลึกถึงระดับเส้นประสาทเลย และยังทำให้เรามองเห็นโครงสร้างกระดูกในมุมตัดขวางได้ด้วย
  • การตรวจ MRI เราจะต้องนอนนิ่งๆ ห้ามขยับ เพราะถ้าหากเราขยับ ภาพที่เครื่อง MRI ถ่ายมันก็จะเคลื่อนไหวตามไปด้วย
  • ความรู้สึกระหว่างที่ทำ MRI ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่เราจะได้ยินเสียงดังจากเครื่อง MRI บ้าง และอาจจะรู้สึกร้อนๆ ที่หลัง
  • จากผลตรวจ บอสมีปัญหาหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาทและมีการเคลื่อนของกระดูกสันหลัง1 จุด ระหว่างกระดูกสันหลังข้อที่ 5 และกระดูกกระเบนเหน็บ
  • คุณหมอจะจ่ายยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดให้ และแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด และบอสต้องลดการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการอักเสบซ้ำบ้าง เช่น การออกกำลังกายหนักๆ บางท่า รวมถึงการยกของหนัก
  • รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และโรงพยาบาลพญาไท 1

เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่

ปกติผมเล่นฟุตบอลเป็นประจำครับ ซึ่งก็ต้องมีการปะทะเกิดขึ้นบ้าง ต้องอาศัยทักษะการเคลื่อนไหวตัวอย่างว่องไวเพื่อหลบหลีกคู่แข่งทีมตรงข้าม เรียกได้ว่าเคลื่อนไหวร่างกายหลายส่วนเลย และด้วยความที่เรายังหนุ่ม หลายๆ ครั้งก็ต้องช่วยคนรู้จักยกของหนักทำให้เริ่มมีอาการปวดหลังครับ

เมื่อ 3-4 ปีก่อน บอสเคยไปตรวจและรักษาอาการปวดหลังกับคุณหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งมาแล้ว ตอนนั้นอาการก็ดีขึ้นครับ แต่ไม่นานก็เริ่มกลับมาปวดหลังอีก แถมปวดหลังแบบเรื้อรังมากๆ

อาการปวดหลังของผม แค่ยืนเฉยๆ หรือนั่งทำงานปกติก็ปวดแปล๊บๆ แล้ว รบกวนชีวิตประจำวันมาก และยังส่งผลต่อการทำงานด้วย

เวลาผมนั่งทำงานแล้วมีอาการปวดหลัง ก็ต้องเปลี่ยนท่าทาง หรือต้องออกไปเดินให้ได้ขยับร่างกาย แถมอาการปวดหลังทำให้ผมต้องหยุดออกกำลังกายไปเลยครับ

ผมก็เลยศึกษาข้อมูลมาว่า ปวดหลังเรื้อรังทำยังไงดี ซึ่งหลายคำตอบที่บอสได้ส่วนใหญ่จะแนะนำว่าให้ลองตรวจวินิจฉัยด้วย MRI ดูครับ

ตรวจ MRI คืออะไร?

การตรวจ MRI หรือ “Magnetic Resonance Imaging” เป็น การตรวจวินิจฉัยโรค ด้วยการถ่ายภาพเสมือนจริงภายในร่างกาย ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพอวัยวะภายในแบบ และมีความคมชัดถึงเนื้อเยื่อในระดับมิลลิเมตร

แต่จากรูปเครื่อง MRI ที่เห็นในอินเทอร์เน็ตดูเหมือนอุโมงค์ยาวๆ ที่เราต้องเข้าไปนอน ซึ่งบอสไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเข้าไปนอนอยู่ในนั้นได้นานขนาดไหน เพราะผมเองก็กลัวที่แคบ ไม่รู้ว่าจะตรวจ MRI ได้ไหม

เครื่อง MRI หน้าตายังไง?

บอสก็เลยปรึกษากับเพื่อนๆ ซึ่งหลายคนก็แนะนำให้ตรวจ MRI เพราะอาการปวดที่เรื้อรัง ควรได้รับการวินิจฉัยแบบละเอียดๆ เลยตัดสินใจมองหาโรงพยาบาลที่มีบริการตรวจ MRI ใกล้บ้าน และราคาคุ้มค่า

รีวิวตรวจ MRI หลัง ที่โรงพยาบาลพญาไท 1

และบอสก็มาเจอโปรแกรมตรวจ MRI ที่ โรงพยาบาลพญาไท 1 ที่อยู่ไม่ไกลบ้าน เดินทางสะดวก แถมยังเป็นโรงพยาบาลในเครือพญาไทที่ได้มาตรฐาน บอสก็เลยจองคิวทำนัดเข้ามาเลยครับ

บรรยากาศโรงพยาบาลพญาไท 1

โดยบอสเลือกจองคิวทำนัดตรวจ MRI ที่ โรงพยาบาลพญาไท 1 ผ่าน HDmall.co.th เว็บไซต์ที่รวมโปรโมชั่นด้านสุขภาพหลายบริการ ซึ่งเค้ามีแอดมินคอยทำนัดให้โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปติดต่อที่โรงพยาบาลเองด้วยครับ

พอมาถึงที่โรงพยาบาลพญาไท 1 ก็ยื่นคูปองจาก HDmall.co.th กับทางเจ้าหน้าที่ก่อนครับ จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็จะทำประวัติ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน เราพาไปศูนย์รังสีวินิจฉัยเพื่อตรวจ MRI กันครับ

ตรวจ MRI ที่ รพ. พญาไท 1 มีขั้นตอนอะไรบ้าง

พอมาที่ศูนย์รังสีวินิจฉัย ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าพบกับคุณหมอเพื่อซักประวัติก่อน และสอบถามอาการกันก่อนครับ

พบแพทย์เพื่อปรึกษาอาการปวดหลัง

พอได้เข้าไปพบคุณหมอ บอสก็แจ้งอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นให้คุณหมอฟัง และเล่าความกังวลว่าไม่แน่ใจว่าอาการปวดมันมาจากอาการอะไร มีการกดทับหรือกระดูกมีปัญหาหรือเปล่า

กระดูกสันหลังคนเราจะแบ่งออกได้ 3 ส่วน คือ ส่วนคอ ส่วนกลางลำตัว และส่วนเอว ซึ่งบอสปวดค่อนข้างหนักตรงส่วนเอว คุณหมอก็เลยจะตรวจวินิจฉัยอาการปวดหลังด้วย MRI ให้ครับ

ปรึกษาแพทย์ก่อนตรวจ MRI ที่ รพ. พญาไท 1

โดยการทำงานของเครื่อง MRI จะใช้คลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งคลื่นนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าใครมีอุปกรณ์ที่มีส่วมผสมของโลหะอยู่ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) จะต้องแจ้งคุณหมอก่อนก่อน เพราะคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจะเข้าไปรบกวนการทำงานของอุปกรณ์หรือเครื่องมือบางชนิดได้

แต่ก่อนตรวจ MRI คุณหมอก็จะซักประวัติทางสุขภาพและโรคประจำตัวอยู่แล้ว ถ้าใครเคยผ่าตัด หรือไม่ชัวร์ว่าอุปกรณ์ที่อยู่ในร่างกายเรามีโลหะรึเปล่า ก็แนะนำให้บอกคุณหมอกให้หมดเลยว่าเคยทำอะไรมาบ้างจะดีที่สุด

เพราะคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่อง MRI มันสามารถเข้าไปรบกวนทำให้การทำงานของอุปกรณ์หรือเครื่องมือบางชนิดในร่างกายเราให้ทำงานผิดพลาดได้ และอาจจะต้องปรับจูนเครื่องใหม่หลังตรวจครับ

ส่วนข้อดีของการตรวจ MRI เมื่อเทียบกับการตรวจแบบอื่นอย่าง X-Ray และทำ CT Scan คือ การตรวจ MRI จะตรวจได้ละเอียดกว่า และทำให้เราเห็นภาพโครงสร้างกระดูกส่วนที่ตรวจได้ลึกถึงระดับเส้นประสาท แถมยังมองเห็นโครงสร้างกระดูกในมุมตัดขวางได้ด้วย

แต่จากปัญหาการปวดหลังของบอสที่มักจะปวดตอนเคลื่อนไหวร่างกาย คุณหมอก็เลยแนะนำให้ตรวจ X-Ray ด้วยซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพกระดูกระหว่างที่อยู่ในบางอิริยาบถได้ชัดเจน เช่น การก้มหรือแหงนตัว

ตรวจ MRI มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

หลังจากคุยกับคุณหมอเสร็จแล้ว พี่พยาบาลก็พาไปเปลี่ยนเป็นชุดของโรงพยาบาลก่อน แล้วก็ให้เราเข้าห้องน้ำให้เสร็จเรียบร้อย เพราะจะต้องนอนอยู่นิ่งๆ ระหว่างตรวจ MRI ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาทีเลย

เตรียมตัวก่อนตรวจ MRI ที่ รพ.พญาไท 1

จากนั้นพี่พยาบาลก็จะเอาที่ปิดหูมาให้เราสวม เพราะระหว่างตรวจ MRI ที่เครื่องทำงานจะมีเสียงค่อนข้างดังเลย และระหว่างตรวจอาจจะรู้สึกร้อนๆ ที่หลังได้ เพราะเป็นพลังงานจากเครื่องเล็กน้อย

ด้านในอุโมงค์ MRI จะมีปุ่มกดให้สัญญาณอยู่ ถ้าหากเรารู้สึกทนไม่ไหว หรือรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติขึ้นมาก็ให้กดปุ่นนั้นได้ พี่พยาบาลจะพาเราออกมาเองครับ

ขั้นตอนการตรวจ MRI ที่ รพ.พญาไท 1

พอได้ลองเข้าไปในอุโมงค์ ตอนแรกก็ตกใจกับเสียงเครื่องที่ดังอยู่เล็กน้อย แต่พอเริ่มชินก็ชิวมากๆ ครับ แถมยังเผลองีบหลับไปช่วงนึงด้วย

ระหว่างที่นอนอยู่ในอุโมงค์ MRI ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นครับ แค่นอนนิ่งๆ ก็พอ เพราะเครื่อง MRI จะถ่ายภาพของเราออกมาได้แม่นยำ ต้องอาศัยความนิ่งของร่างกายเป็นปัจจัยหลัก

ผลตรวจ MRI ที่ รพ.พญาไท 1

ถ้าเราขยับตัวหรือดิ้นไปดิ้นมา ภาพที่เครื่อง MRI ถ่ายมันก็จะเคลื่อนไหวตามไปด้วย เหมือนกับเวลาเราถ่ายรูปซึ่งต้องทำท่านิ่งๆ นั่นแหละครับ ถ้าเราขยับตัวภาพก็จะออกมาเบลอๆ เห็นสิ่งต่างๆ ไม่ชัดเจน

ส่วนความรู้สึกระหว่างตรวจ MRI ไม่เจ็บครับ เพราะเป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการตรวจ ไม่ได้ใช้ยาฉีดหรือต้องเจาะเลือดตรวจ แต่จะรู้สึกร้อนๆ ที่หลังนิดหน่อย ไม่ได้ร้อนจนทนไม่ได้ครับ

หลังจากตรวจวินิจฉัยอาการปวดหลังด้วย MRI เสร็จแล้ว ก็ออกมาถ่าย X-Ray กันต่อ จากนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และไปฟังผลตรวจกับคุณหมอกันครับ

คนกลัวที่แคบตรวจ MRI ได้ไหม?

สำหรับคนที่มีอาการวิตกกังวล คุณหมอก็มีจะให้ยาคลายกังวลหรือทำให้เราง่วงๆ นิดหน่อยก่อนทำ MRI ให้ครับ

แต่ถ้าคนที่กลัวที่แคบมากๆ ถึงขั้นตื่นกลัวเลย คิดว่ายังไงก็เข้าตรวจด้วยเครื่อง MRI ไม่ไหวแน่ๆ ก็แจ้งได้เช่นกัน คุณหมอจะให้วิสัญญีแพทย์มาดมยาสลบให้ ก็จะหลับสนิทไปตลอดช่วงเวลาที่ทำ MRI เลย

ผลการตรวจวินิจฉัยอาการปวดหลังด้วย MRI

สำหรับผลตรวจ MRI คุณหมอจะเห็นทันทีหลังตรวจครับ แต่ในส่วนของการอ่านผลตรวจให้แม่นยำนั้น คุณหมอจะต้องแปลผลร่วมกับคุณหมอรังสีวิทยาอีกที ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาสักพักขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของผลตรวจ

ซึ่งผลการตรวจ MRI ของผมที่ออกมา รายละเอียดของภาพก็จะเห็นหมดตั้งแต่แนวกระดูกสันหลังส่วนเอวแต่ละข้อ เส้นประสาทต่างๆ ตรงบริเวณนั้น รวมถึงอวัยวะบางส่วนที่อยู่ใกล้ๆ อย่างไต 2 ข้างด้วย

ผลตรวจ MRI หลังที่ รพ.พญาไท 1

ผลตรวจที่ออกมาคือ กระดูกสันหลังของบอสไม่ได้มีการกดทับของเส้นประสาทอะไรครับ ถือว่าโล่งใจไปได้หน่อย

แต่พอเปิดดูรูป X-Ray คุณหมอชี้ให้เห็นว่าตรงกระดูกสันหลังส่วนเอวกับก้นซึ่งมันซ้อนกันเป็นรอยต่อแต่ละข้อ มันมีการเคลื่อนตัวเกิดขึ้นนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อย ไม่ได้รุนแรง แต่ก็ทำให้มีการอักเสบขึ้นครับ

จากผลตรวจสรุปว่า บอสมีปัญหาหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาทและมีการเคลื่อนของกระดูกสันหลัง 1 จุด ระหว่างกระดูกสันหลังข้อที่ 5 และกระดูกกระเบนเหน็บ

คุณหมอให้คำแนะนำเรื่องการดูแลหลัง

ซึ่งเป็นต้นตอทำให้ผมปวดหลังเรื้อรังมาตลอด ส่วนสาเหตุก็น่าจะเกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายแรงๆ หรือการยกของหนักมากๆ จนทำให้กระดูกมีการเคลื่อนที่ครับ

การดูแลตนเองเพิ่มเติมหลังจากรู้ผลตรวจ

คุณหมอบอกว่า จากผลตรวจที่ออกมาไม่ได้รุนแรงมาก และได้ให้คำแนะนำกับในการดูแลตัวเองดังนี้

  1. หมั่นนวดหลังและประคบร้อนเพื่อบรรเทาอาการปวด
  2. ใช้ยาบรรเทาปวดและแก้อักเสบ ซึ่งก็จะมีทั้งยากินและยาทา เดี๋ยวส่วนนี้คุณหมอจะสั่งจ่ายให้ครับ
  3. ลดกิจกรรมที่ทำให้เอ็นกระดูกยิ่งอักเสบหนัก เช่น ยกของที่หนักเกินไป การทำสวนที่ต้องก้มๆ เงยๆ คุกเข่าบ่อยๆ การออกกำลังกายบางท่า และควรแบ่งเวลาพักเพื่อลดโอกาสกลับมาอักเสบซ้ำ
  4. ทำกายภาพบำบัดด้วยเครื่องมือกับเทคโนโลยีที่ช่วยบรรเทาการอักเสบ เช่น คลื่นอัลตราซาวด์ คลื่นความร้อน ซึ่งทางนักกายภาพบำบัดก็จะแนะนำให้อีกทีครับ

สำหรับแนวทางการปฏิบัติตัวเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อให้หายจากอาการปวดนะครับ แต่ควรทำแบบระยะยาวเลย เพราะถึงแม้อาการปวดรอบนี้จะหายไป มันก็ยังมีโอกาสที่เอ็นหุ้มกระดูกจะกลับมาอักเสบซ้ำได้อีกเรื่อยๆ

คุณหมออ่านผลตรวจ MRI ที่ รพ.พญาไท 1

ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าขอให้ดูอาการหลังจากปรับการดูแลตัวเองก่อน เพราะเคสของผมไม่ถือว่ารุนแรงมาก อาการควรจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรืออาจจะแค่ 2-3 วันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว

แต่ถ้าหลังจากผ่านไป 2 อาทิตย์บอสยังปวดหลังอยู่ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย คุณหมอก็แนะนำให้กลับมาตรวจซ้ำเพื่อหาความผิดปกติอื่นๆ ต่อครับ

ส่วนการตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาหลังจากนี้ ถ้าอาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอแนะนำว่าไม่ต้องทำ MRI ก็ได้ แต่ให้มาเอกซเรย์หลังประมาณปีละ 1 ครั้งก็พอแล้วครับ

ตรวจ MRI ที่ไหนดี

หลังจากนี้บอสก็จะได้ดูแลตัวเองถูกจุดสักที แสดงว่าบอสก็ยังกลับไปออกกำลังกายใช้ชีวิตได้ตามปกติ แค่ต้องระมัดระวังในบางกิจกรรมหรือบางท่าบ้างเท่านั้น ทั้งโล่งใจและสบายใจขึ้นเป็นกองเลยครับ

สำหรับใครที่มีอาการปวดหลัง ปวดหลังเรื้อรัง ปวดร้าวลงขา ปวดร้าวลงแขน และอยากหาต้นตอของปัญหาพร้อมรับคำแนะนำในการดูแลตนเองแบบถูกจุด บอสแนะนำให้ลองมาตรวจวินิจฉัยด้วย MRI สักครั้งนะครับ

ที่สำคัญเลย บริการตรวจวินิจฉัยอาการปวดหลัง ด้วยวิธี MRI ที่ รพ. พญาไท 1 มีโปรโมชั่นราคาพิเศษอยู่บน HDmall.co.th ด้วยครับ


บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

@‌hdcoth line chat