ตรวจสารเสพติดในร่างกายมีวิธีใดบ้าง แม่นยำแค่ไหน ราคาเท่าไร


ตรวจสารเสพติดในร่างกายมีวิธีใดบ้าง แม่นยำแค่ไหน ราคาเท่าไร

สารเสพติดไม่ว่าจะเป็นยาบ้า เฮโรอีน ยาอี ยาไอซ์ นับเป็นสารให้โทษต่อร่างกาย ทั้งยังเป็นสารต้องห้ามทางกฎหมายอีกด้วย วิธีตรวจสารเสพติดในร่างกายตามมาตรฐานสากลมีหลายวิธี แต่ละวิธีมีการตรวจอย่างไร แม่นยำแค่ไหน เราจะอธิบายให้ทราบกัน

รูปแบบการตรวจสารเสพติด

วิธีการตรวจสารเสพติดมี 3 รูปแบบ ดังนี้

1. การตรวจปัสสาวะ

การตรวจปัสสาวะเป็นวิธีพื้นฐานที่ดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมในระดับสากล 

สาเหตุที่ใช้วิธีการตรวจปัสสาวะ เนื่องจากเมื่อสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะด้วยการกิน ฉีด สูบ หรือสูดดมควัน สารเสพติดเหล่านั้นจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและอยู่ในเลือดประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจะถูกขับออกทางปัสสาวะและจะตกค้างอยู่ในปัสสาวะชั่วขณะหนึ่ง 

ระยะเวลาขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ ความถี่ ชนิดของสารเสพติด รวมทั้งสภาวะร่างกายของแต่ละคน

  • หากเสพไม่ประจำ สามารถตรวจพบได้หลังการเสพ 1-3 วัน
  • ผู้เสพประจำ จะมีโอกาสตรวจพบได้หลังเสพ 2-6 วัน
  • ผู้เสพเรื้อรังอาจตรวจพบได้หลังจากการเสพถึง 2-3 สัปดาห์

ขั้นตอนการตรวจสารเสพติดทางปัสสาวะ มีดังนี้

1. การตรวจคัดกรองขั้นต้น (Screening  Test) 

เป็นการตรวจหาว่า มีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชนิดใด วิธีการตรวจคัดกรองขั้นต้นมีอยู่ 2 หลักการ คือ

  • หลักการคัลเลอร์เทสต์ (Color test) หรือที่คุ้นเคยกับคำว่า “ฉี่สีม่วง” หรือ “ปัสสาวะสีม่วง” ปัจจุบันไม่นิยมนำมาใช้ตรวจแล้ว
  • หลักการทางอิมมูโนแอสเสย์ (Immunoassay) แบ่งเป็นที่ต้องใช้เครื่องอัตโนมัติในการตรวจและใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป (Test kits) ซึ่งจะแสดงผลเป็นบวก (positive) และลบ(Negative)

2. การตรวจยืนยัน (Confirmation Test) 

ใช้หลักการทางโครมาโตรกราฟฟี (Chromatography) ซึ่งเป็นเทคนิคการตรวจขั้นสูง สามารถตรวจพบสารเสพติดที่มีปริมาณน้อยได้และสามารถแยกชนิด ระบุประเภทของสารเสพติดได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ เป็นมาตรฐานสากล

นิยมนำมาใช้ตรวจคัดกรองในผู้ต้องสงสัยและตรวจประเมินในผู้ที่ต้องการรับการบำบัดสารเสพติดได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ในรายที่ตรวจคัดกรองขั้นต้นแล้วพบว่า ผลเป็นบวก หรือมีข้อสงสัยว่า มีสารเสพติดในร่างกายจะต้องทำการตรวจยืนยันในขั้นต่อไป

2. การตรวจสารเสพติดทางเส้นผม หรือเส้นขน

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีความแม่นยำอย่างมากและเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากล ข้อดีของการตรวจด้วยเส้นผม หรือเส้นขนคือ สามารถตรวจย้อนหลังได้ยาวนาน แยกประเภทของยาเสพติดที่ใช้ได้ และหาช่วงเวลาการใช้สารเสพติดได้ด้วย

สาเหตุที่เส้นผม หรือเส้นขนสามารถนำมาตรวจสารเสพติดได้นั้น เป็นเพราะว่าเมื่อสารเสพติดเข้าสู่กระแสเลือด เลือดจะไหลเวียนไปทั่วร่างกายรวมทั้งเส้นผมและเส้นขนด้วย สารเสพติดเหล่านั้นจะเกาะอยู่ตามโคนเส้นผม หรือเส้นขนนั่นเอง 

โดยความยาวของเส้นผมที่ต่างกันสามารถตรวจสอบประวัติการเสพที่ต่างกันด้วย

  • เส้นผมยาว 1 เซนติเมตร สามารถตรวจสอบการใช้ยาเสพติดย้อนหลังได้ประมาณ 1 เดือน
  • เส้นผมยาว 3 เซนติเมตร สามารถตรวจสอบการใช้ยาเสพติดย้อนหลังได้ประมาณ 3 เดือน

นอกจากนี้วิธีตรวจสารเสพติดด้วยเส้นผมและเส้นขนยังรวดเร็วมากโดยใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถทราบผลโดยละเอียดได้ทันที 

ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทดลองและทำวิจัยจากกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนรวมถึงจากกลุ่มพนักงานประมาณ 400 ราย จากโรงงานแห่งหนึ่ง ผลจากการตรวจปัสสาวะพบผู้ที่มีการใช้สารเสพติดเพียง 1 รายเท่านั้น 

แต่เมื่อตรวจสารเสพติดจากเส้นผมกลับพบว่า มีผู้ใช้สารเสพติดถึง 40 ราย นับได้ว่า การตรวจจากเส้นผมนี้สามารถตรวจพบสารเสพติดได้ 100%

3. การตรวจด้วยชุดตรวจสารเสพติด

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไปตรวจสารเสพติดตามโรงพยาบาล หรือคลินิก ปัจจุบันมีชุดตรวจสารเสพติดในร่างกายด้วยตัวเองเช่นกันโดยเป็นการตรวจโดยใช้ปัสสาวะ แต่การตรวจลักษณะนี้เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น

บางครั้งหากมีปริมาณสารเสพติดน้อยมากก็ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีนี้ ดังนั้นหากต้องการความแม่นยำก็ควรตรวจที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน

ตรวจสารเสพติดได้ที่ไหน? ราคาเท่าไร?

ผู้ที่ต้องการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำทั่วไป ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ขึ้นอยู่กับค่าบริการของแต่ละแห่ง

การตรวจสารเสพติดไม่เพียงแต่เป็นขั้นตอนการตรวจสอบทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นของการบำบัดผู้ติดสารเสพติดให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี รวมทั้งสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อีกครั้ง

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสารเสพติด


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

@‌hdcoth line chat