ภาวะติดเชื้อรา (Thrush) คือการติดเชื้อราแคนดิดา Candida albicans ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่มักจะพบในผู้หญิงได้บ่อยกว่าผู้ชาย
สารบัญ
- เชื้อราในผู้ชายลักษณะเป็นอย่างไร?
- สาเหตุของภาวะเชื้อรา?
- อาการของภาวะเชื้อรา
- เชื้อราในผู้ชายควรไปพบแพทย์ไหม?
- การรักษาเชื้อราที่อวัยวะเพศชาย
- การป้องกันเชื้อราที่อวัยวะเพศชาย
- ภาวะเชื้อราที่เป็นการติดเชื้อของผิวหนัง
- สาเหตุของภาวะเชื้อรา Candida albicans
- สุขอนามัยส่วนบุคคล
- การวินิจฉัยเชื้อรา
- HIV เบาหวาน และภาวะสุขภาพอื่น ๆ
- การทดสอบเพิ่มเติม
- ภาวะเชื้อราซ้ำซาก
- การรักษาภาวะเชื้อรา
- อิไมดาโซลเฉพาะที่
- ฟลูโคนาโซล
- เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
- รักษาสุขอนามัย
- Invasive candidiasis ภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อรา
เชื้อราในผู้ชายลักษณะเป็นอย่างไร?
สำหรับผู้ชาย เชื้อราจะเกิดขึ้นบนหัวของอวัยวะเพศ และจะสร้างความระคายเคือง ทำให้มีของเหลวออกมา จนทำให้อวัยวะเพศมีสีแดงขึ้น
เชื้อรายังสามารถเกิดขึ้นบนผิวหนังและภายในช่องปากได้ด้วย
สาเหตุของภาวะเชื้อรา?
ภาวะเชื้อรานี้ เกิดจากเชื้อรา Candida albicans ซึ่งเกิดขึ้นเองในร่างกายตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ชื้นและอบอุ่น เช่นภายในช่องปาก และรอบอวัยวะเพศ
เชื้อราเหล่านี้มักจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ เพราะว่ามีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายคอยกำกับอยู่พร้อมกับแบคทีเรียประเภทอื่นๆ ในร่างกาย
แต่เชื้อราเหล่านี้ก็สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้จากหลายๆ เงื่อนไข จนนำไปสู่การติดเชื้อ คุณจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราเพิ่มขึ้นหากว่า
- คุณมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
- คุณมีภาวะอ้วนจนทำให้เกิดรอยพับบนร่างกายเพิ่มขึ้น
- เป็นเบาหวานประเภท 1 หรือ 2 เนื่องจากระดับกลูโคสสูงที่เกี่ยวพันกับภาวะเบาหวานทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่ายขึ้น อีกทั้งผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีเหงื่อออกมากกว่าปกติจนทำให้กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราชั้นดีในที่สุด
อาการของภาวะเชื้อรา
ผู้ชายบางคนอาจไม่ประสบกับสัญญาณหรืออาการของภาวะเชื้อราก็ได้ แต่หากมีอาการก็มักจะมีดังนี้
- ระคายเคือง แสบร้อน หรือคันที่หนังหรือปลายอวัยวะเพศ
- ดึงหนังหุ้มปลายไปข้างหลังไม่ได้ (ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาติปิด)
- มีของเสียขับออกจากใต้หนังหุ้มปลายจนดูเหมือนมีชีสเกาะอยู่ อาจจะมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ร่วมด้วยก็ได้
- หนังหรือปลายอวัยวะเพศมีสีแดงหรือเกิดปื้นแดงขึ้น
เชื้อราในผู้ชายควรไปพบแพทย์ไหม?
เนื่องจากอาการของภาวะเชื้อราจะคล้ายกับภาวะติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ต่างๆ (Sexually transmitted infection – STI) หากคุณเป็นเชื้อราครั้งแรก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยจะดีที่สุด ซึ่งแพทย์จะสามารถจำแนกความแตกต่างของโรคได้
หากคุณเคยเป็นเชื้อรามาก่อน และสังเกตเห็นอาการของภาวะนี้ คุณก็สามารถรักษาตนเองได้ด้วยยาที่หาซื้อจากร้านขายยาทั่วไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะเคยเป็นเชื้อรามาก่อนแล้ว แต่หากมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอก็ควรไปพบแพทย์ เพราะคุณจะมีความเสี่ยงที่เชื้อราจะลุกลามมากขึ้นจนทำให้เกิดภาวะร้ายแรงต่าง ๆ
การรักษาเชื้อราที่อวัยวะเพศชาย
คุณสามารถรักษาเชื้อราได้ด้วยยาที่หาซื้อได้เองโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- ผู้ที่เป็นเชื้อราบนอวัยวเพศ (องคชาติ) ควรสอบถามขอรับครีมโคลไทรมาโซลหรือยาเม็ดฟลูโคนาโซลจากเภสัชกรมาใช้
- ผู้ที่เป็นเชื้อราบริเวณขาหนีบ หรือบริเวณอื่น ควรใช้ยาแบบครีมที่เภสัชกรแนะนำให้
เชื้อราสามารถแพร่กระจายระหว่างกิจกรรมเพศสัมพันธ์ได้ แต่ภาวะนี้ไม่นับว่าเป็นภาวะติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตามคู่นอนของคุณก็ควรเข้ารับการรักษาเชื้อราเพื่อป้องกันการติดเชื้อราซ้ำเช่นกัน การติดเชื้อซ้ำจากคู่นอนที่เป็นผู้หญิงจะเกิดขึ้นบ่อยที่สุด
การป้องกันเชื้อราที่อวัยวะเพศชาย
เชื้อราสามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนก็มีโอกาสเป็นเช่นกัน
คุณสามารถป้องกันการติดเชื้อราบนอวัยวะเพศได้ด้วยการทำความสะอาดองคชาติเป็นประจำ และหากคนใดคนหนึ่งมีเชื้อรา ควรใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์
เลี่ยงการใช้สบู่หรือเจลอาบน้ำที่ผสมน้ำหอมกับอวัยวะเพศ เพราะสารจำพวกนี้จะก่อความระคายเคืองได้ และพยายามเช็ดองคชาติให้แห้งสนิทหลังทำความสะอาดทุกครั้ง
การสวมเสื้อผ้าชั้นในผ้าไหมสามารถป้องกันความชื้นสะสมใต้ร่มผ้าได้ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเพิ่มจำนวนของเชื้อรา candida ได้
ภาวะเชื้อราที่เป็นการติดเชื้อของผิวหนัง
กรณีการติดเชื้อราส่วนมากบนร่างกายมักจะเกิดขึ้นตำแหน่งที่เป็นรอยพับของผิวหนัง เช่น
- ง่ามนิ้ว
- รักแร้
- ขาหนีบ
- ผิวหนังระหว่างอวัยวะเพศกับทวารหนัก
- ผู้ที่อ้วนจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รอยย่นตามร่างกายได้อีกด้วย
การติดเชื้อมักจะเริ่มขึ้นด้วยอาการคันและผิวแดงจนเจ็บ บนผื่นอาจมีจุดสีแดงขนาดเล็กเกิดขึ้น จากนั้นผิวหนังที่ติดเชื้ออาจจะหลุดลอกออกจนกลายเป็นสะเก็ดสีเหลืองขาว หากผิวบริเวณระหว่างนิ้วมือติดเชื้อผิวส่วนนั้นจะหนาตัวขึ้น อ่อนนุ่ม และมีสีขาว
สาเหตุของภาวะเชื้อรา Candida albicans
หลายคนจะมีเชื้อราประเภทนี้บนร่างกายในจำนวนไม่มากอยู่แล้ว ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันคอยควบคุมกิจกรรมของเชื้อและแบคทีเรียชนิดอื่นๆ อยู่ (แบคทีเรียดีที่ไม่สร้างปัญหาต่อสุขภาพ)
เชื้อราจะเติบโตขึ้นเมื่อแบคทีเรียดีในร่างกายถูกทำลายลงไป ยกตัวอย่างเช่นจากการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ เนื่องจากยาประเภทนี้ไม่สามารถจำแนกได้ว่าแบคทีเรียชนิดไหนดีชนิดไหนไม่ดีจนออกฤทธิ์กำจัดแบคทีเรียทั้งสองกลุ่มไปพร้อมกัน
อีกทั้งหากคุณมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอด้วย เชื้อรา candida ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น
สุขอนามัยส่วนบุคคล
เชื้อรา candida มักจะเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น ดังนั้นคุณจะมีเชื้อราชนิดนี้เพิ่มขึ้นได้หากคุณไม่เช็ดองคชาติของคุณให้แห้งหลังการทำความสะอาด
การใช้เจลหรือสบู่ที่ผสมน้ำหอมจะสร้างความระคายเคืองแก่องคชาติได้ และยิ่งทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเชื้อรา candida ก็จะเติบโตได้ดีหากว่าผิวหนังเสียหายอยู่
การวินิจฉัยเชื้อรา
ควรไปพบแพทย์เมื่อคุณมีอาการของเชื้อรา (ทั้งบนองคชาติหรือบนผิวหนัง) และคุณไม่เคยมีประวัติเป็นภาวะนี้มาก่อน
หากคุณเคยมีประวัติเคยเป็นเชื้อรามาก่อน คุณไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอีกครั้งนอกจากว่าภาวะนี้ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
เชื้อราสามารถวินิจฉัยได้โดย
- แพทย์ทั่วไป
- แพทย์ตามคลินิกโรคติดต่อทางเพศหรือระบบทางเดินปัสสาวะ (genitourinary medicine – GUM)
- แพทย์ตามคลินิกคุมกำเนิดหรือศูนย์บริการต่าง ๆ
เชื้อราสามารถวินิจฉัยได้จากการสังเกตรูปลักษณ์ของผื่นบนหัวองชาติหรือบนผิวหนังที่มีอาการ
สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้ารับการวินิจฉัยเพราะจำแนกว่าอาการนี้เกิดจากภาวะสุขภาพอื่น ๆ หรือไม่ อย่างเช่นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) หรือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เป็นต้น
HIV เบาหวาน และภาวะสุขภาพอื่น ๆ
ผู้ชายที่เป็น HIV เป็นเบาหวาน หรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงจะมีความเสี่ยงต่อภาวะเชื้อรามากขึ้น เนื่องจากว่าการติดเชื้อจะเติบโตได้เร็วมากหากไม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอจะต้านทานได้
หากคุณเป็นเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ (มักเป็นเพราะว่าคุณไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นเบาหวาน) คุณจะมีความเสี่ยงต่อเชื้อรามากขึ้น โดยสัญญาณของภาวะเบาหวานมีดังนี้
- น้ำหนักลด
- กระหายน้ำรุนแรง
- ต้องปัสสาวะบ่อย ๆ
ให้คุณไปพบแพทย์ทันทีที่ประสบกับอาการเหล่านี้ หรือคุณมีเชื้อราเกิดขึ้นซ้ำ ๆ แม้จะได้รับการรักษาไปแล้ว
การทดสอบเพิ่มเติม
ควรเข้ารับการทดสอบเพิ่มเติมตามกรณีจำเป็นดังนี้
- อาการของคุณรุนแรงมาก
- อาการของคุณเกิดขึ้นเรื้อรังแม้จะรับการรักษาไปแล้ว
- คุณประสบกับภาวะเชื้อราซ้ำซาก
การทดสอบจะมีการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดเล็กจากผิวหนังที่มีอาการ (ด้วยก้านสำลี) เนื้อเยื่อที่ได้จะถูกทดสอบหาร่องรอยของตัวก่อการติดเชื้อต่าง ๆ เช่นเชื้อรา Candida albicans เป็นต้น
คุณอาจถูกส่งไปรับการตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะเพื่อหาว่าคุณมีภาวะอื่น ๆ อย่างเบาหวานเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณอ่อนไหวต่อเชื้อราหรือไม่
ภาวะเชื้อราซ้ำซาก
หากคุณเคยเป็นเชื้อราในอดีตและสังเกตเห็นอาการของภาวะเดิม คุณสามาถใช้ยาจากร้านขายยาเพื่อรักษาได้
หากคุณประสบกับเชื้อราซ้ำ ๆ หรือไม่หายไปหลังรักษาด้วยตนเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจสอบและรับการรักษาอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
หากคุณเป็นผู้ชายที่ชอบเพศตรงข้าม มีความเป็นไปได้ที่คู่นอนของคุณจะมีภาวะนี้ เนื่องจากเชื้อรา candida มักจะอาศัยอยู่ภายในช่องคลอดจนทำให้คุณควรพาตัวคุณและคู่นอนไปรับการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อไปมาหากันระหว่างพวกคุณทั้งสอง
การรักษาภาวะเชื้อรา
การรักษาภาวะเชื้อราสำหรับผู้ชายจะแตกต่างไปตามตำแหน่งของร่างกายที่เป็น
สำหรับเชื้อราที่ไม่เกิดกับองคชาติจะรักษาได้ด้วยครีมต้านเชื้อราที่เรียกว่าอิไมดาโซลเฉพาะที่
ส่วนยาฟลูโคนาโซลนั้นจะเป็นตัวเลือกการรักษาเชื้อราบนองคชาติแรกสุด และยังใช้เป็นยาต้านเชื้อราในกรณีที่อาการของคุณไม่ดีขึ้นภายใน 14 วันหลังใช้ยาอิไมดาโซลเฉพาะที่ได้อีกเช่นกัน
อิไมดาโซลเฉพาะที่
ยาอิไมดาโซลเฉพาะที่ออกฤทธิ์ด้วยการทำลายชั้นพนังเยื่อบุของเซลล์เชื้อรา ยกตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น
- โคลไทรมาโซล (Clotrimazole)
- อีโคนาโซล
- เทโทโคนาโซล
- ไมโคนาโซล
ยาข้างต้นส่วนมากจะหาซื้อได้จากร้านขายยาโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ อีกทั้งเภสัชกรก็สามารถแนะนำการรักษาที่น่าจะเหมาะสมกับคุณได้
ผลข้างเคียงจากยาอิไมดาโซลเฉพาะที่คืออาการแสบร้อนเล็กน้อย ณ ตำแหน่งที่ทาครีมลงไป
ผู้ใช้บางรายอาจมีอาการแสบร้อนรุนแรงพร้อมกับอาการระคายเคืองบนผิวหนังชนิดร้ายแรงหลังการใช้ยาอิไมดาโซลเฉพาะที่ หากเกิดเช่นนี้ขึ้นให้หยุดใช้ครีมตัวนั้นทันทีและติดต่อแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำ
หากผิวหนังของคุณคันมาก แพทย์จะจ่ายครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์มาเป็นการรักษาเพิ่มเติม ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จะช่วยลดระดับการอักเสบภายในเนื้อเยื่อที่ป่วยลง ซึ่งควรจะช่วยบรรเทาอาการคันลงได้
ฟลูโคนาโซล
ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) มักจะเป็นยาเม็ดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ยาฟลูโคนาโซลออกฤทธิ์ด้วยการทำลายเอนไซม์บางชนิด (โปรตีนชนิดพิเศษที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่มีประโยชน์ภายในร่างกาย) ที่เซลล์เชื้อราใช้เพื่อรอดชีวิตและเพิ่มจำนวน
ผลข้างเคียงจากยาฟลูโคนาโซลมีดังนี้
- คลื่นไส้
- ปวดท้อง
- ท้องร่วง
- ท้องอืด
ติดต่อแพทย์ทันทีที่อาการของคุณไม่ดีขึ้นหลังใช้ยาฟลูโคนาโซลไปแล้ว 14 วัน คุณจะถูกแนะนำให้ไปพบกับแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
หากคุณมีเชื้อรา ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไปจนกว่าการติดเชื้อจะหายไปเนื่องจากการติดเชื้อประเภทนี้จะแพร่กระจายได้ระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งทำให้อาการทรุดลงได้
หากคุณจะมีเพศสัมพันธ์ ให้สวมถุงยางอนามัยเพื่อเลี่ยงแพร่เชื้อแก่คู่นอนของคุณ
ผู้ชายบางคนอาจประสบกับภาวะปลายองคชาติอักเสบชนิดไม่รุนแรงหลังการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่เป็นผู้หญิงได้ เนื่องจากปฏิกิริยาแพ้เชื้อรา candida ภายในช่องคลอดของผู้หญิงนั่นเอง ซึ่งภาวะนี้ควรจะหายไปหากผู้หญิงคนนั้นได้รับการรักษาแล้ว
สำหรับชายรักร่วมเพศก็สามารถติดเชื้อราได้จากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน การติดเชื้อมักจะหายไปเมื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีรสนิยมอย่างไรก็ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไปจนกว่าการติดเชื้อจะหายไป และหากต้องการจริง ๆ ก็ควรสวมถุงยางอนามัยก่อนทุกครั้ง
รักษาสุขอนามัย
หากคุณประสบกับภาวะเชื้อรา ควรดูแลความสะอาดส่วนตัวให้ดีเพื่อช่วยกำจัดการติดเชื้อ ทำความสะอาดพื้นที่ที่ป่วยด้วยน้ำอุ่นอย่างระมัดระวัง ควรอาบน้ำฝักบัวแทนการแช่น้ำ เลี่ยงการใช้สบู่หรือเจลอาบน้ำที่มีน้ำหอมกับอวัยวะเพศเพื่อเลี่ยงความระคายเคือง
หลังจากชะล้างร่างกาย พยายามเช็ดหรือเป่าให้ผิวหนังที่ป่วยแห้งสนิทเนื่องจากเชื้อรา candida จะเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่ชื้น สวมเสื้อชั้นในที่เป็นผ้าไหมที่หลวมเพื่อช่วยให้ผิวและองคชาติแห้งและเย็น ซึ่งช่วยป้องกันการเพิ่มจำนวนของ candida บนผิวหนังและใต้หนังหุ้มปลาย
Invasive candidiasis ภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อรา
หากคุณมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ จะมีความเสี่ยงที่เชื้อรา candida จะแพร่เชื้อเข้าไปในกระแสเลือดของคุณได้ ซึ่งภาวะเช่นนี้เรียกว่า Invasive candidiasis
การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้เร็วมากจนส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อ Invasive candidiasis มีดังนี้
- เป็น HIV
- เป็นเบาหวานประเภท 1 หรือ 2
- กำลังใช้ยากดภูมิคุ้มกันอยู่เพื่อป้องกันร่างกายปฏิเสธอวัยวะปลูกถ่าย
- กำลังเข้ารับการบำบัดด้วยเคมีหรือรังสี
- กำลังใช้สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง (central venous catheter – CVC) เพื่อให้ยาทางเส้นเลือดดำและเลี่ยงการฉีดยาซ้ำ ๆ ระหว่างการรักษาระยะยาว
- กำลังเข้ารับการฟอกเลือด
อาการของ Invasive candidiasis นั้นกว้างมาก ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของร่างกายที่ติดเชื้อ โดยส่วนมากอาการแรกเริ่มจะมีดังนี้
ให้ไปพบแพทย์ทันทีที่คุณเป็นเชื้อราและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเริ่มมีอาการดังที่กล่าวไปภายในช่วงเวลาสั้น ๆ
Invasive candidiasis เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องเข้ารับการรักษาที่แผนก ICU ทันที เพื่อให้แพทย์ประคองการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายไว้ในขณะที่ดำเนินการรักษาการติดเชื้อด้วยยาต้านเชื้อรา
หากคุณคาดว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะ Invasive candidiasis มาก เช่นคุณเป็นเบาหวาน หรือต้องเข้ารับการฟอกเลือด แพทย์อาจแนะนำให้คุณพักที่โรงพยาบาลเพื่อคอยสอดส่องอาการของคุณตลอดการรักษาเชื้อรา
ภาวะติดเชื้อราไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์เสมอไป สาเหตุสำคัญในการติดเชื้อนั้นเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ จึงควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ เช่น เชื้อเอชไอวี หนองในเทียม เริม หรือซิฟิลิส