เส้นผม นับเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมความงามและความมั่นใจให้ใครหลายๆ คน ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายที่ช่วยทำให้เส้มผมนุ่มสลวย เงางาม แลดูมีน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นแชมพูสูตรเสริมวิตามินบำรุงเส้นผม ครีมนวดผม ทรีตเมนต์ ซึ่งสามารถบำรุงเส้นผมเองได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังคอร์สสปาผม ที่ต้องเดินทางไปทำที่ร้านทำผมหรือสถาบันเสริมความงาม แต่หลายคนอาจสงสัยว่า สปาผม คืออะไร จำเป็นต้องทำเป็นประจำหรือไม่ ช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมได้จริงหรือเปล่า
สปาผมคืออะไร
สปาผม คือกระบวนการเสริมความงามที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมและบำรุงหนังศีรษะอย่างเข้มข้น เพื่อให้เส้นผมนุ่มสลวย เงางาม แลดูสุขภาพดี โดยคอร์สสปาผมในปัจจุบันก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นมอยเจอร์ไรซ์เซอร์ น้ำมันสกัดเย็น หรือวิตามินต่างๆ ชโลมไปที่เส้นผมและหนังศีรษะแล้วทิ้งไว้เพื่อให้สารสำคัญซึมซาบสู่เส้นผมและรากผม การใช้เทคโนโลยีจำพวกการอบไอน้ำเข้ามาช่วยบำรุงเส้นผม หรือบางคอร์สอาจมีการนวดศีรษะเพื่อการผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับเทคนิคของร้านทำผมหรือสปาแต่ละแห่ง
จำเป็นต้องทำสปาผมหรือไม่?
ก่อนจะทราบว่าเราจำเป็นต้องทำสปาผมหรือไม่ ลองมาทำความเข้าใจลักษณะเส้นผมโดยธรรมชาติกันก่อน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
- โปรตีน 80%
- น้ำ 10-15%
- เม็ดสีผม แร่ธาตุและไขมันประมาณ 5-10%
หากนำเส้นผมมาตัดขวางจะพบว่าเส้นผมของเราแยกส่วนประกอบได้ 3 ชั้น ได้แก่
- ผิวนอก (Cuticle) มีลักษณะเป็นเกล็ดใสๆ โปร่งแสงไม่มีสี เรียงซ้อนกันแบบเกล็ดปลาอยู่ชั้นนอกสุดของเส้นผม โดยองค์ประกอบหลักของเส้นผมชั้นนี้คือเคราติน ทำหน้าที่ห่อหุ้มเส้นผม ป้องกันสิ่งสกปรกที่จะซึมผ่านเข้าไปทำลายเส้นผม ปกป้องเนื้อผมไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น ปกป้องเส้นผมจากแสงแดดและรังสียูวี นอกจากเคราตินแล้วผิวชั้นนอกยังมีน้ำมันตามธรรมชาติเคลือบอยู่ด้วย ช่วยทำให้ผมเรียบรื่น เป็นเงางาม
- เนื้อผม (Cortex) เป็นชั้นที่มีความหนาที่สุดและเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผม ชั้นเนื้อผมเป็นแหล่งรวมของเม็ดสี (pigment) เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวกำหนดสีผม มีช่องอากาศ โปรตีน เคราติน และเส้นใยโปรตีนที่เกาะเกี่ยวกัน ช่วยให้ผมมีความนุ่มและยืดหยุ่น
- แกนผม (Medulla) ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมัน แกนผมนับว่าไม่มีบทบาทในการทำงาน ส่วนมากจะพบในผมที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยผมเส้นเล็กมักไม่มีแกนผม
ตามปกติเส้นผมของเราจะมีความแข็งแรง นุ่มสลวยเป็นทุนเดิม แต่หากมีสิ่งเร้ามากระทบ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด สารเคมี สภาพอากาศ ฝุ่นควันหรือมลพิษต่างๆ อาจส่งผลให้ผิวนอกถูกทำลาย ทำให้ผมชี้ฟู แห้งแตก กลายเป็นปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่นใจได้ หลายคนจึงเลือกเข้ารับบริการสปาผม เพื่อฟื้นบำรุงสภาพผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
สำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม หนังศีรษะ หรือผู้ที่เส้นผมได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าบ่อยๆ เช่น ใช้ครีมเปลี่ยนสีผม หรือสเปรย์จัดแต่งทรงผมเป็นประจำ คอร์สปาผมก็นับว่ามีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาผมชี้ฟู ขสดหลุดร่วงลงได้ ซึ่งอาจเข้ารับบริการเดือนละ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผมของแต่ละคน
แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม ไม่ได้รับสิ่งเร้ามากระตุ้นเส้นผมมากนักและมีเส้นผมที่แข็งแรงอยู่แล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องเข้าคอร์สสปาผม เพียงแต่หมั่นดูแลรักษาเส้นผมให้สะอาด ใช้ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยตัวเองก็เพียงพอแล้ว
ข้อดีของการทำสปาผม
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมหรือหนังศีรษะ และต้องการบำรุงผมด้วยการทำสปาผม สามารถศึกษาข้อดีได้ดังนี้
- ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางามและนุ่มสลวย เนื่องจากสปาผมส่วนใหญ่จะมีการใช้น้ำมันสกัดเย็น หรือผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม หนังศีรษะและรากผมอย่างเข้มข้น ซึ่งช่วยเคลือบบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม กระตุ้นการสร้างเคราตินที่ผิวนอกของเส้นผม เหมือนเป็นการเกราะป้องกันให้เส้นผมนั่นเอง
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม เนื่องจากคอร์สสปาผมมักมีการนวดศีรษะด้วย ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยให้โลหิตไหลเวียนสู่หนังศีรษะได้ดีขึ้น มีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น ช่วยให้รากผมแข็งแรง ลดปัญหาการขาดหลุดร่วงของเส้นผมลงไปได้
- ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาอาการเมื่อยล้าและความเครียด
ค่าใช้จ่ายในการทำสปาผม
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การทำสปาผมมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทำให้ราคาของการทำสปาผมนั้นแตกต่างกันไปด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ราคา 400 บาท ไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่ขั้นตอน วิธีการ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ของร้านทำผมหรือสถาบันเสริมความงามนั้นๆ ผู้สนใจทำสปาผมควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจทำสปาผม
สามารถดูแพ็กเกจทำสปาผม และจองคิวกับแอดมินได้เลยทันที ที่นี่
การทำสปาผม เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้ แต่ขณะเดียวกันก็ควรหมั่นดูแลรักษาเส้นผมเองด้วย โดยการรักษาความสะอาดของเส้นผมอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี เช่น ครีมเปลี่ยนสีผม น้ำยาดัดผม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีส่วนช่วยเสริมสร้างเคราติน โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ถั่วและธัญพืช รวมไปถึงผัก ผลไม้ที่อุดิมไปด้วยวิตามิน C เช่น ผักโขม ผักคะน้า เมล็ดฟักทอง ส้ม สับปะรด เพียงทำนี้ก็จะทำให้มีเส้นผมที่แข็งแรงเป็นเงางามและนุ่มสลวยแล้ว