โปรแกรมตรวจตา ตรวจอะไรบ้าง?


โปรแกรมตรวจตา, ตรวจสุขภาพตา, ตรวจหาต้อหิน, ตรวจหาต้อเนื้อ

HDmall สรุปให้!

ขยาย

ปิด

  • โปรแกรมตรวจตาทั่วไป คือการประเมินการทำงานของดวงตาทั้ง 2 ข้าง เบ้าตา ดวงตา เปลือกตา และเนื้อเยื่อ ด้วยการพูดคุย ทำการทดสอบโดยจักษุแพทย์ 
  • ในโปรแกรมตรวจตามีรายการตรวจหลากหลายอย่างที่อาจพบ เช่น เช็กระยะการมองเห็นด้วย Snellen chart การทดสอบลานสายตาที่ทำการทดสอบร่วมกับจักษุแพทย์ 
  • ตรวจการขยายของรูม่านตา การทดสอบนี้อาจต้องหยอดยาขยายรูม่านตา เพื่อให้จักษุแพทย์มองเห็นด้านในดวงตาชัดเจน ตามด้วยการวัดความดันลูกตา และตรวจความหนาจอประสาทตา
  • เปรียบเทียบราคาการตรวจตาได้ที่ HDmall.co.thหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแอดมินได้ผ่านทางไลน์ @hdcoth 

การตรวจสุขภาพตามักเริ่มตั้งแต่วัยเด็กก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล หรืออายุ 3-5 ปี และยังคงต้องเข้ารับการตรวจเช็กทุก 1-2 ปีเพื่อดูความเรียบร้อย

ในวัยผู้ใหญ่เองก็ได้รับคำแนะนำว่าควรเข้ารับการตรวจทุก 5-10 ปีเช่นกัน โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีโอกาสเกิดความผิดปกติที่ดวงตามากขึ้น ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง

เมื่อการตรวจตามีความสำคัญเช่นนี้ HDmall.co.th จึงนำข้อมูลมาบอกกันว่าโปรแกรมตรวจตาทั่วไป โดยปกติแล้วตรวจเช็กอะไรบ้าง และอาการเกี่ยวกับตาที่มีโอกาสเป็นมาก สามารถรักษาได้อย่างไร


เลือกหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับโปรแกรมตรวจตาได้ที่นี่

  • โปรแกรมตรวจตาคืออะไร?
  • โปรแกรมตรวจตาตรวจอะไรบ้าง?
  • โปรแกรมตรวจตาราคาเท่าไร?

  • โปรแกรมตรวจตาคืออะไร?

    โปรแกรมตรวจตาทั่วไป คือการพูดคุย ทำการทดสอบ และประเมินโดยจักษุแพทย์ (Ophthalmologist) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพตา

    การทดสอบโดยทั่วไปมีจุดประสงค์เพื่อประเมินการทำงานของตาทั้ง 2 ข้าง การมองเห็น อวัยวะอื่นๆ รอบดวงตา เช่น เบ้าตา เปลือกตา เนื้อเยื่อดวงตา

    นอกจากนี้ ในโปรแกรมตรวจตาทั่วไปยังช่วยให้จักษุแพทย์ประเมินโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาได้ด้วย เช่น ต้อเนื้อ ต้อหิน

    ตรวจสุขภาพตา ราคา

    โปรแกรมตรวจตาตรวจอะไรบ้าง?

    รายการที่อาจพบในโปรแกรมตรวจสุขภาพตาทั่วไปมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสถานที่ ราคา และแพ็กเกจที่ใช้บริการ แต่รายการตรวจมาตรฐานที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้

    1. ซักประวัติสุขภาพตา

    แพทย์หรือพยาบาลอาจสอบถามข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับดวงตา และการมองเห็นของคุณ เช่น ภาพที่เห็นมีปัญหาไหม สายตาปกติ สั้น ยาว หรือเอียงไหม ใส่คอนแทคเลนส์หรือแว่นตาไหม?

    บางรายอาจสอบถามถึงประวัติครอบครัวและสุขภาพโดยรวมด้วย นอกจากนี้สิ่งที่ควรเตรียมไปในการตอบคำถามแพทย์รวมถึงยาที่ใช้เป็นประจำ ทั้งยาหยอดตาและยากินด้วย

    2. การมองเห็นระยะใกล้และไกล

    การวัดการมองเห็นระยะใกล้และไกลจะทดสอบโดยการใช้ Snellen chart ที่เป็นแผ่นสีขาวมีตัวอักษรเรียงกัน 8 แถว ในแต่ละแถวจะมีขนาดอักษรเล็กลงเรื่อยๆ

    จักษุแพทย์จะให้ผู้ใช้บริการยืนห่างจากแผ่นป้ายประมาณ 6 เมตร และอ่านตัวอักษรไล่ไปทีละแถวตั้งแต่ด้านบนลงด้านล่างจนครบ

    โดยด้านหลังของแต่ละแถวมักมีตัวเลขกำกับระยะเอาไว้ว่าขนาดตัวอักษรในแถวนั้น สามารถมองเห็นได้จากระยะเท่าไร

    3. การทดสอบลานสายตา

    การวัดลานสายตา (Visual field test) เป็นการตรวจพื้นฐานในโปรแกรมตรวจตาที่พบบ่อย เพื่อวัดลานสายตา หรือระยะการมองเห็นว่าเป็นปกติหรือไม่ มีส่วนใดที่มีปัญหา

    จักษุแพทย์จะนั่งหันหน้าเข้าหาผู้ใช้บริการห่างประมาณ 1 เมตร โดยให้ผู้ใช้บริการหลับตา 1 ข้าง และใช้ตาข้างที่เหลือมองไปยังจมูกของจักษุแพทย์

    จากนั้นจักษุแพทย์จะอ้าแขนออก 2 ข้าง และสุ่มขยับนิ้วทั้ง 2 ข้างไปมา หากผู้ใช้บริการเห็นจักษุแพทย์ขยับนิ้วก็ให้แจ้งกับจักษุแพทย์ว่าเห็น โดยจักษุแพทย์จะเคลื่อนมือไปมาทั้งด้านข้าง ด้านบน ด้านล่าง เมื่อทำครบแล้วจึงเปลี่ยนเป็นตาอีกข้างแทน

    การทดสอบลานสายตาสามารถช่วยให้จักษุแพทย์ช่วยวินิจฉัย โรคระบบประสาท โรคเส้นประสาทตา โรคจอประสาทตาลอกหลุด และต้อหินได้

    4. ตรวจการขยายของรูม่านตา

    แพทย์จะทดสอบการขยายของรูม่านตาด้วยการหยอดยาขยายม่านตา (Dilating drops) ทำให้ม่านตาขยายเต็มที่ภายใน 20-30 นาที และอาจใช้เวลานาน 4-6 ชั่วโมงกว่าที่จะกลับมาเป็นปกติ

    ในระหว่างนี้แพทย์จะส่องไฟและใช้เลนส์ขยายเพื่อตรวจดูด้านในดวงตาของเรา เนื่องจากกลไกธรรมชาติของม่านตาจะค่อยๆ เล็กลงเมื่อเจอกับแสงจ้า แพทย์จึงต้องหยอดยาขยายม่านตาเพื่อเวลาส่องไฟดูแล้วม่านตาไม่หด

    แพทย์อาจตรวจดูสิ่งต่อไปนี้ระหว่างที่ม่านตาขยาย

    • จอประสาทตา (Retina)
    • เส้นประสาทตา (Optic nerve)
    • เส้นเลือด
    • ภาพรวมของดวงตา

    การส่องดูรูม่านตานี้สามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยอาการผิดปกติ ดังต่อไปนี้

    • ต้อหิน (Glaucoma)
    • จอประสาทตาลอก (Retinal detachment)
    • โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมตามสูงอายุ (Age-related macular degeneration)
    • เบาหวานขึ้นตา (Diabetic retinopathy)
    ตรวจสุขภาพตา ราคา

    แต่ผลข้างเคียงของรูม่านตาขยายอาจทำให้ตาสู้แสงได้น้อยลง เห็นภาพเบลอ หากคุณเป็นคนใส่คอนแทคเลนส์จะต้องรอให้ม่านตากลับมาเป็นปกติก่อน จึงจะใส่กลับไปเหมือนเดิมได้ .

    5. วัดความดันลูกตา (Tonometry)

    การวัดความดันลูกตาจะช่วยให้คุณทราบถึงความดันที่เปลี่ยนแปลงภายในตั้งแต่คุณยังไม่รู้ตัว ก่อนจะเริ่มการทดสอบแพทย์อาจหยอดยาระงับความรู้สึก

    จากนั้นแพทย์จะให้วางคางไว้บริเวณเครื่องตรวจ Slit-lamp จากนั้น Tonometer จะเคลื่อนเข้ามาสัมผัสกระจกตาเล็กน้อย เครื่องจะเริ่มวัดความดันดวงตา

    เครื่องวัดความดันดวงตาในปัจจุบันมีความปลอดภัยสูงมาก ถึงแม้จะมีการขีดข่วนดวงตาเล็กน้อย ก็จะไม่รู้สึกเจ็บจากผลของยาระงับความรู้สึก และรอยขีดนั้นจะหายเป็นปกติได้เองในไม่กี่วัน นอกจากนี้ในบางสถานที่ให้บริการอาจใช้เครื่องวัดความดันดวงตาได้แบบไม่ต้องสัมผัสดวงตา

    6. ตรวจความหนาของจอประสาทตา

    การตรวจความหนาของจอประสาทตาจะใช้เครื่อง Optical Coherence Tomography: OCT เป็นการใช้แสงเลเซอร์ถ่ายภาพข้างในดวงตาและประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ คล้ายกับการอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

    แพทย์สามารถตรวจดูส่วนต่างๆ ได้ดังนี้

    • ตรวจดูชั้นต่างๆ ของจอประสาทตา
    • ตรวจความลึกของขั้วประสาทตา
    • ตรวจวัดความหนาของจอประสาทตา
    • ตรวจหาซีสต์หรือรอยบวมผิดปกติภายในดวงตา

    โปรแกรมตรวจตาราคาเท่าไร?

    ราคาโปรแกรมตรวจสุขภาพตาที่ HDmall รวบรวมมาให้ อาจมีดังนี้

    • ตรวจสุขภาพตาเด็ก ราคาอยู่ที่ประมาณ 950-1,300 บาท
    • ตรวจสุขภาพตาผู้ใหญ่ ราคาอยู่ที่ประมาณ 450-3,000 บาท
    • ตรวจสุขภาพตาพร้อมตัดแว่นให้เหมาะสมกับสุขภาพตา ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,990-4,800 บาท

    โดยสรุปแล้ว โปรแกรมตรวจสุขภาพตาเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เพราะสามารถตรวจได้จากภายนอก ไม่ต้องเจาะเลือดและอดอาหารเหมือนการตรวจสุขภาพ แถมยังช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพตาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

    ตรวจสุขภาพตา ราคา

    ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพตาผ่าน HDmall.co.th ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @hdcoth เรามีแอดมินคอยตอบคำถามตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง ตี 1 ทุกวัน


    บทความที่เกี่ยวข้อง


    ที่มาของข้อมูล

    ขยาย

    ปิด

    @‌hdcoth line chat