7 สาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดแสบร้อน

การเกิดความรู้สึกแสบร้อนในช่องคลอดถือเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณมีอาการดังกล่าว สามารถเป็นได้ตั้งแต่การระคายเคืองไปจนถึงวัยทอง

แต่ไม่ว่าจะเกิดเพราะเหตุใด อาการแสบร้อนในช่องคลอดจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัว และส่งผลต่อเรื่องบนเตียงด้วยเช่นกัน วันนี้เรามาดูสาเหตุกันว่า อาการแสบร้อนในช่องคลอดเกิดได้จากอะไรบ้าง แล้วมีวิธีรักษาอย่างไร

1. แสบร้อนช่องคลอดเนื่องจากความระคายเคือง

มีบางสิ่งที่สามารถทำให้ผิวหนังบริเวณช่องคลอดเกิดการระคายเคืองได้ เมื่อสัมผัสกับผิวโดยตรง เช่น สบู่ ใยผ้า น้ำหอม แต่นอกจากผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนในช่องคลอดแล้ว อาการที่สามารถพบได้เพิ่มเติมคือ คันอย่างรุนแรง และปวด

หากผลิตภัณฑ์ที่กล่าวไปเป็นตัวการ คุณควรหลีกเลี่ยง เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวกว่า และไม่เกาเพื่อให้ผิวได้เยียวยา หรือบางคนอาจจำเป็นต้องรับประทานยาร่วมด้วย

2. โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)

Bacterial vaginosis เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อมีแบคทีเรียบางชนิดในช่องคลอดมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการเสียสมดุลในช่องคลอด

จากข้อมูลของ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) มีการระบุว่า Bacterial vaginosis เป็นการติดเชื้อในช่องคลอดที่พบมากที่สุดในผู้หญิงที่มีอายุ 15-44 ปี

ทั้งนี้ผู้หญิงอาจมีของเหลวสีขาว หรือสีเทาออกมาจากช่องคลอด ปวด คัน มีกลิ่นคาวปลาหลังจากมีเซ็กส์ ซึ่งแพทย์อาจรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ

3. แสบร้อนช่องคลอดเนื่องจากติดเชื้อยีสต์

การติดเชื้อในช่องคลอดที่มีต้นเหตุมาจากยีสต์สามารถทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนได้ โดยอาจมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น คัน เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เจ็บหรือรู้สึกไม่สบายขณะปัสสาวะ มีของเหลวออกมาจากช่องคลอด

ผู้หญิงมีแนวโน้มติดเชื้อถ้าอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ใช้ยาคุมกำเนิด เป็นเบาหวาน เพิ่งรับ หรือกำลังอยู่ในช่วงรับประทานยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวมักรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่อยู่ในรูปแบบของครีมสำหรับทาที่ช่องคลอดโดยตรง หรือในรูปของเม็ดแคปซูล

4. โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

ผู้หญิงที่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะมีแนวโน้มที่จะเกิดความรู้สึกแสบร้อนในช่องคลอดขณะปัสสาวะ อีกทั้งอาจมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น ปวดปัสสาวะแบบฉับพลัน เจ็บขณะปัสสาวะ มีปัสสาวะสีขุ่นหรือเหม็น มีเลือดในปัสสาวะ เจ็บที่ท้องช่วงล่าง รู้สึกเหนื่อย

อย่างไรก็ตาม แพทย์มักจะจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคดังกล่าว โดยทั่วไปแล้วหลังจากที่รับประทานยา 5 วัน เชื้อก็จะหายไป

 5. โรคหนองในแท้

โรคหนองในแท้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มักพบในผู้หญิงอายุ 15-24 ปี ซึ่งผู้ป่วยสามารถรู้สึกแสบร้อน หรือเจ็บขณะที่ปัสสาวะ มีของเหลวออกจากช่องคลอด หรือมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน

ทั้งนี้การรักษาโรคหนองในแท้มักใช้วิธีที่เรียกว่า Dual Therapy ซึ่งผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด

6. เริมที่อวัยวะเพศ

เริมที่อวัยวะเพศเกิดจากการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อกับคนที่มีเชื้อไวรัส ซึ่งความน่ากลัว คือ หากเรามีเชื้อไวรัสอยู่ในตัว มันก็จะคงอยู่กับเราตลอดชีวิต แต่ผู้ป่วยอาจยังไม่มีอาการจนกระทั่งไวรัสทำงาน

ทั้งนี้ผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวอาจรู้สึกแสบร้อนในช่องคลอด คันหรือชา มีอาการเหมือนเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ต่อมบวม เจ็บในช่องคลอด มีการเปลี่ยนแปลงของๆ เหลว มีแผลเปื่อยหรือแผลพุพองที่ทำให้รู้สึกเจ็บ

อย่างไรก็ตาม เราสามารถควบคุมเริมโดยใช้ยาต้านไวรัส แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

7. วัยทอง

การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนก่อนเข้าวัยทองสามารถส่งผลกระทบต่อช่องคลอด ซึ่งการเกิดความรู้สึกแสบร้อนที่ช่องคลอด โดยเฉพาะในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ คือ หนึ่งในอาการที่ผู้หญิงอาจประสบ

สำหรับอาการอื่นๆ ของวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ นอนหลับยาก มีความต้องการทางเพศต่ำ ช่องคลอดแห้ง ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน ซึ่งแพทย์อาจใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อบรรเทาอาการ

อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบรรเทาความรู้สึกแสบร้อนโดยใช้วิธีประคบเย็นที่ช่องคลอด รวมถึงใส่กางเกงในที่เป็นผ้าคอตตอน และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งปกติแล้ว อาการดังกล่าวจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพ

Scroll to Top