ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

พืชผักที่จัดว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูงมาก ซึ่งหากร่างกายขาดเส้นใยอาหารจากพืชก็จะทำให้กระบวนการทำงานผิดปกติไปจากเดิม ดังนั้น เราจึงควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะการเน้นทานพืชผักที่ประกอบด้วยเส้นใยสูง หน่อไม้ฝรั่ง ก็เป็นพืชที่อุดมด้วยสารอาหารแต่มักไม่ค่อยคุ้นเคยในไทยเพราะไม่ใช่ผักพื้นบ้านและไม่ค่อยนำมาใช้ทำอาหารไทย มีเพียงกลุ่มคนรักสุขภาพที่ให้ความสนใจกับผักชนิดนี้

ทำความรู้จักแอสพารากัส

แอสพารากัส (Asparagus) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ หน่อไม้ฝรั่ง มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายดินสอในส่วนที่โผล่พ้นดินจากรากมาไม่มากจะค่อนข้างแข็ง แต่ส่วนปลายต้นเป็นยอดอ่อน สามารถนำมาประกอบอาหารได้ จัดเป็นพืชพื้นเมืองในแถบยุโรปและแถบแอฟริกา ซึ่งคุณลักษณะเด่นของหน่อไม้ฝรั่งอยู่ที่ความกรอบและความหวาน มีกลิ่นหอมไม่เหมือนพืชชนิดอื่นๆ แถมยังมีคุณค่าทางอาหารสูงมากอีกด้วย เดิมทีชนชาติกรีกได้เพราะปลูกเป็นชาติแรกเมื่อประมาณ 2,500 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งเป็นที่นิยมในการบริโภคอย่างมาก สำหรับชาวกรีก ชาวโรมันและชาวอียิปต์

คุณค่าอาหารของหน่อไม้ฝรั่ง

ไม่น่าเชื่อว่าในหน่อไม้ฝรั่งหรือหน่อไม้น้ำ จะเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดพืชพรรณที่ให้คุณประโยชน์กับร่างกายมากจริงๆ โดยให้คุณค่าทางอาหารที่สำคัญดังต่อไปนี้

ที่มา: USDA

ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่งที่มีต่อสุขภาพ

ขึ้นชื่อว่าเป็นพืชผักแล้วล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่หน่อไม้ฝรั่ง เราจึงได้รวบรวมประโยชน์และสรรพคุณของหน่อไม้ฝรั่งที่ให้ประโยชน์กับร่างกายมาฝากกันดังนี้

1. รักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้

หน่อไม้ฝรั่งจัดเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียในลำไส้เลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผักไม่กี่ชนิดเท่านั้นมีที่คาร์โบไฮเดรตชนิดอินนูลิน โดยเป็นสารประกอบประเภทฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารที่ให้ความหวานชนิดหนึ่งคล้ายๆ กับน้ำตาล แต่จะไม่ย่อยในทางเดินอาหารและไม่ให้พลังงาน ดังนั้น จึงไม่เพิ่มระดับของน้ำตาบอินนูลินในร่างกาย จึงมีส่วนช่วยให้แบคทีเรียในลำไส้เพิ่มจำนวนขึ้น โดยเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ และยังสามารถเข้าไปยับยั้งแบคทีเรียตัวการที่ทำให้เกิดท้องร่วงได้ด้วย

2. ช่วยต้านมะเร็งได้

หน่อไม้ฝรั่งยังมีสรรพคุณในการต้านมะเร็ง เพราะในมีกลูต้าไธโอนสูง สารตัวนี้เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระทำให้ลดความเสี่ยงและความเสื่อมสภาพในร่างกายลงได้ โดยยังช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้นในด้านการขับสารพิษ จึงมีการนำสารสกัดจากหน่อไม้ฝรั่งมาผสมในยารักษามะเร็งด้วยเช่นกัน

3. แก้อาการเมาค้างและช่วยในเรื่องของประสาทในทารก

กรดอะมิโนและจำพวกแร่ธาตุในหน่อไม้ฝรั่งจะช่วยบำบัดรักษาอาการเมาค้างได้ และยังช่วยป้องกันพิษแอลกอฮอล์ไม่ให้เข้าสู่เซลส์ตับด้วย ในส่วนของแพทย์อายุรเวชนั้นได้ใช้สารสกัดจากหน่อไม้ที่อุดมไปด้วยโฟลาซิน โดยจะนำไปใช้เพื่อป้องกันภาวะหลอดประสาทของทารกในครรภ์ที่ปิดไม่สนิท ซึ่งเป็นที่มาของโรคความพิการและเสียชีวิตในครรภ์

4. ช่วยลดน้ำหนัก

ด้วยเพราะสรรคุณทางการรักษามีประโยชน์สูง จึงถูกสกัดทำเป็นยามาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ และด้วยความที่หน่อไม้ฝรั่งมีน้ำตาลน้อย แต่มีไฟเบอร์สูงมากจึงมักได้รับความนิยมในการนำมาใช้ช่วยลดน้ำหนัก เพราะทานเข้าไปแล้วจะอิ่มท้องมากกว่าทางผักชนิดอื่นๆ อีกทั้งหน่อไม้ฝรั่งยังให้พลังงานที่ต่ำมาก จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นอาหารควบคุมน้ำหนัก โดยหน่อไม้ฝรั่ง 100 กรัม ให้พลังงานแค่ 20 กิโลแคลอรี่เท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้อีกด้วย ดังนั้น จึงมีประสิทธิภาพช่วยละลายไขมันเลวในร่างกายได้ดี ช่วยรักษาระดับไขมันดีหรือ HDL ในร่างกายไปในตัว แต่การจะทานหน่อไม้ฝรั่งให้ถูกโภชนาการจะต้องนำไปลวกให้สุกเสียก่อน เพราะเป็นผักที่มีเปลือกและเนื้อค่อนข้างแข็ง ซึ่งการนำไปปรุงสุกก็จะช่วยให้ร่างกายซึมซับสารอาหารได้ดีกว่าด้วย

5. แก้อาการท้องอืด

ไฟเบอร์นอกจากช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารอีกด้วย เพราะคาร์โบไฮเดรตชนิดฟรุกโตสโตโอลิโกแซคคาไรด์ให้โพรไบโอติกกับลำไส้ที่มีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่ง จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียจึงช่วยในการลดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหารทำให้ท้องไม่อืดนั่นเอง

6. ช่วยในเรื่องทางเดินปัสสาวะ

เพราะในหน่อไม้ฝรั่งมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่าแอสพาราจีน ซึ่งมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะโดยธรรมชาติ ทำให้ร่างกายขับน้ำส่วนเกินไปพร้อมกับโซเดียมทางปัสสาวะได้ ใครที่ปัสสาวะยากหรือชอบกลั้นปัสสาวะเอาไว้บ่อยๆ ยิ่งเสี่ยงเป็นโรคนิ่วและโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ดังนั้น ลองหันมาทานหน่อไม้ฝรั่งเยอะๆ จะช่วยแก้อาการเหล่านี้ได้

7. ทำให้ผิวพรรณสดใส

แอสพารากัสเป็นผักที่มีวิตามินอีสูง ซึ่งวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มชุ่มชื้น ผิวอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นได้อย่างมีสุขภาพดี ทั้งยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยมีส่วนกระตุ้นระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงพร้อมกัน ทั้งนี้ แนะนำให้ทานหน่อไม้ฝรั่งคู่กับน้ำมันมะกอก เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีได้มากยิ่งขึ้น

8. ดีต่อทารกในครรภ์

แอสพารากัสเป็นผักที่ดีต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ เนื่องจากมีโฟเลตสูงถึง 60 ไมโครกรัม ต่อ 1 ทัพพี ซึ่งโฟเลตมีคุณสมบัติช่วยป้องกันความพิการของทารก นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงสมอง บำรุงเลือด และช่วยซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอได้

9. ส่งเสริมการสร้างกระดูก ดีต่อระบบเลือด

หน่อไม้ฝรั่งมีปริมาณวิตามินเคสูง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้มากยิ่งขึ้น จึงช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีวิตามินเคซึ่งดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัวเร็ว ทำให้เลือดหยุดไหลเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่เลือดหยุดไหลยาก

10. กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ

สำหรับผู้ที่มีความต้องการทางเพศลดลง หน่อไม้ฝรั่งเป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษาอาการดังกล่าว แนะนำให้ทานหน่อไม้ฝรั่งเป็นประจำ เนื่องจากมีโฟเลตสูง มีวิตามินบี 6 ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ทางเพศให้มากขึ้น และวิตามินอีก็มีส่วนช่วยทำให้อารมณ์ทางเพศดีขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ในหน่อไม้ฝรั่งยังมีฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงและเทสโทสเตอโรนของเพศชายอีกด้วย

11. ป้องกันโรคหัวใจ

หน่อไม้ฝรั่งมีส่วนต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพชนิดหนึ่งนั่นก็คือ กลูตาไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม จึงทำให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้

12. ปรับสมดุลอารมณ์

เนื่องจากในหน่อไม้ฝรั่งมีปริมาณโฟเลตสูง จึงทำให้อารมณ์มีความสมดุลได้ จากผลการทดลองพบว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับโฟเลตอย่างเพียงพอ จะมีความสุขมากขึ้นโดยเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับโฟเลตเลย นอกจากโฟเลตแล้ว ในหน่อไม้ฝรั่งยังมีวิตามินบี ทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีต่อสมอง ทำให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขออกมาได้มากยิ่งขึ้น

ไอเดียสร้างสรรค์กับเมนูจากหน่อไม้ฝรั่งเพื่อสุขภาพ

หน่อไม้ฝรั่งถือเป็นผักที่มีความกรุบกรอบนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง รสชาติก็ยังอร่อยอีกด้วย แน่นอนว่าเมื่อรู้ประโยชน์ไปแล้ว ก็ลองมาดูเมนูต่างๆ ที่สามารถนำหน่อไม้ไปสร้างสรรค์ให้ได้จานที่อร่อยและได้คุณค่าทางโภชนาการ รับรองว่าเมื่อทานแล้วจะต้องดีต่อสุขภาพแน่นอนเลยล่ะ และแต่ละเมนูนั้นก็ทำไมยาก มีทั้งต้ม ทอด และอบ ลองนำเมนูเหล่านี้ไปประยุกต์ในอาหารแต่ละมื้อดู

1. หน่อไม้ฝรั่งทอดกรอบปาปริก้า

ใส่เกลือลงไปบนหน่อไม้ฝรั่งเล็กน้อย ตั้งน้ำมันลงในกระทะให้เดือด นำหน่อไม้ฝรั่งลงไปชุบในแป้งข้าวโพดที่ละลายกับน้ำ แล้วนำลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด รอจนกว่าจะสุกเหลือง ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน ตักใส่จาน ใส่ผงปาปริก้าลงไปเพื่อปรุงรสชาติให้อร่อยขึ้น พร้อมเสิร์ฟ

2. ซุปพาสต้าหน่อไม้ฝรั่ง

เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคุณหนูตัวเล็กๆ สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่อยากให้เด็กๆ ทานผัก ลองทำเมนูพาสต้าหน่อไม้ฝรั่งดู โดยนำเส้นพาสต้าหั่นให้พอดีคำแล้วราดน้ำซุปที่ใส่หน่อไม้ฝรั่งลงไป หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้เด็กๆ ทานง่าย ใส่เนื้อสัตว์ผสมลงไปเล็กน้อยเพื่อโภชนาการทางอาหารที่ครบถ้วน

3. หน่อไม้ฝรั่งห่อไข่

เป็นอีกเมนูสร้างสรรค์ที่ทานง่าย อร่อยทั้งเด็กและผู้ใหญ่กันเลยทีเดียว แถมยังทำง่ายด้วย เพียงนำหน่อไม้ฝรั่งผสมกับแฮมหรือเบค่อน นำไปใส่ในไข่เจียวที่แผ่อยู่ในกระทะแล้วนำไปม้วนให้พอดีคำ จิ้มทานกับซอสมะเขือเทศหรือซอสมายองเนสก็อร่อยไปอีกแบบ

4. แซลมอนอบเนยกับหน่อไม้ฝรั่ง

เป็นเมนูที่อินเตอร์ขึ้นมาอีกนิด แต่อร่อยเลิศเต็มสิบ กับกลิ่นความหอมของแซลมอนและหอมเนยกรุบกรอบไปกับหน่อไม้ฝรั่ง เมนูนี้ก็ทำไม่ยากเช่นกัน นำแซลมอนทาเนยวางหน่อไม้ฝรั่งแล้วนำไปอบ แค่นี้ก็ได้เมนูอร่อยๆ เอาไว้เป็นอาหารว่างรับประทานระหว่างวัน หรือจะเป็นอาหารเย็นเพื่อลดน้ำหนักก็ดีไม่น้อย

5สเต๊กไก่แอสพารากัสย่าง

เป็นเมนูยอดนิยมเลยทีเดียว แถมกินลดน้ำหนักได้อีกด้วย โดยให้นำอกไก่ลงไปย่างในกระทะที่มีน้ำมันมะกอกอยู่เล็กน้อย ใส่เกลือและพริกไทยดำลงไปตามใจชอบ ตักใส่จาน ใส่มะเขือเทศ เลมอน แล้วนำแอสพารากัสที่ลวกไว้แล้วลงย่างในกระทะ เพื่อให้เกิดความหอม นำมาวางเคียงคู่กับสเต๊กไก่ ตกแต่งจานด้วยการฝานข้าวโพด นำอัลมอนด์ไปอบให้กรอบ นำมาใส่ในจาน พร้อมยกขึ้นเสิร์ฟ

ข้อควรระวัง

1. ทำให้โรคเกาต์กำเริบ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ต้องหลีกเลี่ยงการทานแอสพารากัสหรือหน่อไม้ฝรั่ง หรือทานในปริมาณน้อย เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งมีพิวรีนสูง ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นอาการปวดข้อของผู้ป่วยโรคเกาต์ได้ ปริมาณที่เหมาะสมในการทานคือ 1 ถ้วยตวงต่อวัน ไม่ควรทานเกิน 4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือควรทานให้น้อยกว่านี้

2. ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโรคไทรอยด์ ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ไม่ควรทานแอสพารากัสเช่นกัน เนื่องจากสารอาหารในแอสพารากัส มีส่วนทำให้การเผาผลาญพลังงานในร่างกายสูงขึ้น จนส่งผลทำให้ผอมและเหนื่อยง่ายมากกว่าเดิม

3. ทำให้ปัสสาวะกลิ่นแรง การทานหน่อไม้ฝรั่งจะทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น เนื่องจากระหว่างการย่อยจะทำให้เกิดแก๊สซัลเฟอร์ออกมามาก หลังจากเข้าห้องน้ำ ถึงแม้ว่าจะกดชักโครกแล้วก็ตาม แต่กลิ่นเหม็นเขียวก็ยังไม่หายไป ดังนั้นให้ทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น หากไม่อยากมีกลิ่นปัสสาวะเหม็นเขียว จนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

4. หลีกเลี่ยงการทานแบบปรุงไม่สุก แม้ว่าหน่อไม้ฝรั่งจะมีประโยชน์มากเพียงใดก็ควรปรุงสุกก่อนทานเท่านั้น เพราะหากทานแบบยังไม่สุกนอกจากจะเหม็นเขียวแล้ว ความแข็งของเปลือกทำให้เคี้ยวไม่ลง เคี้ยวยากและย่อยยาก เป็นการผลักภาระให้กับลำไส้ที่จะต้องทำงานหนักขึ้น

5. ผู้ป่วยมะเร็งควรทานในปริมาณเหมาะสม จริงอยู่ที่หน่อไม้ฝรั่งจะมีสารที่ช่วยต้านมะเร็งได้ แต่ก็ควรทานอย่างควบคุมและทำตามคำแนะนำของแพทย์ในกรณีที่กำลังรักษาโรคมะเร็งอยู่ อย่าทานแบบผิดๆ เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้

สรุปโดยรวมแล้ว หน่อไม้ฝรั่งนั้นเป็นผักที่มีประโยชน์กับร่างกายมากจริงๆ เพราะนอกจากจะช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยบำบัดรักษาปัญหาทางสุขภาพอีกด้วย ดังนั้น ใครไม่อยากเจ็บป่วย หันมาทานผักมากคุณประโยชน์อย่างหน่อไม้ฝรั่งเป็นประจำจะดีที่สุด


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพ

Scroll to Top