ฉายแสงรักษาสิว คืออะไร ต้องใช้สีอะไร ได้ผลจริงหรือ?


รักษาสิวด้วยแสง, แสงสีแดงรักษาสิว

HDmall สรุปให้!

ขยาย

ปิด

  • แสงรักษาสิว เป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นในช่วงที่ตาของคนเราสามารถมองเห็นได้ ได้แก่ แสงสีฟ้าและแสงสีแดงมาใช้รักษาสิว
  • แสงสีฟ้าช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium Acne (P. Acne) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ เป็นถุงหนองบริเวณรูขุมขน ต่อมไขมัน นอกจากนี้แสงสีฟ้ายังช่วยควบคุมความมันของผิวอีกด้วย
  • แสงสีแดงช่วยลดการอักเสบของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันเล็กและหดตัวลง ส่งผลให้สิวอักเสบลดลง หน้ามันลดลง อีกทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้
  • เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจรักษาสิว ลดรอยสิวได้ผ่านเว็บไซต์ HDmall.co.th

“แสงรักษาสิว” เป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นในช่วงที่ตาของคนเราสามารถมองเห็นได้

โดยปกติแล้วแสงที่เกิดขึ้นทั่วๆ ไปที่เราเห็นในชีวิตประจำวันจะมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน และวัตถุต่างๆ สิ่งของต่างๆ รวมถึงร่างกายเรา เช่น เม็ดเลือดแดง หรือเม็ดสีเมลานิน (melanin) ที่ผิวหนังของเรา ก็จะดูดซับแสงเหล่านี้ในความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน

ในทางการแพทย์ เราอาศัยหลักการเหล่านี้มาใช้ ทั้งรักษาโรคผิวหนัง และใช้ในการดูแลผิวที่เกี่ยวข้องกับความงามต่าง ๆ

“สิว” เป็นปัญหาผิวหนังอย่างหนึ่งที่ใช้แสงรักษาได้

เราสามารถจำแนกแสงตามความยาวคลื่นของแสงได้ดังนี้

  • แสงสีม่วง 380-450 นาโนเมตร
  • แสงสีน้ำเงิน 450-485 นาโนเมตร
  • แสงสีฟ้า 485-500 นาโนเมตร
  • แสงสีเขียว 500-565 นาโนเมต
  • แสงสีเหลือง565-590 นาโนเมตร
  • แสงสีแสด 590-625 นาโนเมตร
  • แสงสีแดง 625-700 นาโนเมตร

แสงรักษาสิว คืออะไร?

แสงรักษาสิว คือ แสงสีฟ้าและสีแดง ซึ่งแสงสีฟ้าเป็นแสงชนิดที่นิยมมากที่สุดในการนำมาใช้รักษาสิว

เนื่องจากความยาวคลื่นของแสงสีฟ้าสามารถไปทำลายเชื้อแบคทีเรียโดยตรง แต่แสงสีฟ้าทะลุลงไปที่ผิวได้น้อยกว่าแสงสีแดง ในปัจจุบันจึงมีการใช้แสงสีฟ้าร่วมกับแสงสีแดงในการรักษาสิว และมักจะใช้ควบคู่กับการรักษาอื่นๆ ด้วย เช่น ทายา รับประทานยา หรือใช้เลเซอร์

แสงสีฟ้ากับแสงสีแดง รักษาสิวต่างกันอย่างไร?

แสงสีฟ้าและแสงสีแดง มีการทำงานที่ส่งผลต่อการรักษาต่างกัน ดังนี้

  • แสงสีฟ้า จะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium Acne (P. Acne) ซึ่งเชื้อตัวนี้ทำให้เกิดสิวอักเสบ เป็นถุงหนอง (Cutibacerium Acne) บริเวณรูขุมขน ต่อมไขมัน นอกจากนี้แสงสีฟ้ายังช่วยควบคุมความมันของผิวอีกด้วย
  • แสงสีแดง ช่วยลดการอักเสบของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันเล็กและหดตัวลง ส่งผลให้สิวอักเสบลดลง หน้ามันลดลง อีกทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้

กล่าวโดยสรุป แสงสีฟ้าและแสงสีแดงมีบทบาทในการช่วยรักษาสิวได้เป็นอย่างมาก โดยที่มีงานวิจัยหลายๆ ชิ้น ที่บ่งบอกว่าแสงเหล่านี้ช่วยรักษาสิวได้จริง แต่ทั้งนี้ควรรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้ยาทาสิว เป็นต้น


บทความนี้เขียนโดย: พญ. มณสิญา พงษ์ชมพร (หมอเกด) แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง แพทย์ผู้ก่อตั้ง DermaGlow Clinic


บทความที่เกี่ยวข้อง

@‌hdcoth line chat