อาการร้อนวูบวาบถือเป็นหนึ่งในอาการที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเพราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ตัวแดง และมีเหงื่อออกร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หลายคนมักจะเชื่อมโยงอาการดังกล่าวกับ “ภาวะหมดประจำเดือน หรือภาวะวัยทอง” แต่ความจริงแล้ว อาการร้อนวูบวาบยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน แต่จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูพร้อมกันเลย
สารบัญ
1. ยาบางชนิด
อาการร้อนวูบวาบอาจเป็นผลข้างเคียงของการรับประทานยาร่วมกันหลายๆ ชนิด ตัวอย่างเช่น ยาโอปิออยด์ ยาต้านซึมเศร้า ยาที่ช่วยรักษาโรคกระดูกพรุน
สิ่งที่ควรทำ: บอกให้แพทย์ทราบถึงอาการร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้น รายการยาทั้งหมดที่ได้รับและรับประทานไป เพื่อให้แพทย์ได้วินิจฉัยว่า อาการร้อนวูบวาบมีโอกาสเกิดจากการใช้ยาหรือไม่ หรือยาชนิด แพทย์จะได้พิจารณาปรับเปลี่ยนชนิดของยาให้เหมาะสม หรือให้คำแนะนำอื่นๆ
2. มีน้ำหนักมากเกินไป
การมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐานมากเกินไป สามารถรบกวนการทำงานของกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย และทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบได้ในที่สุด
สิ่งที่ควรทำ: การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกาย สามารถช่วยทำให้อาการร้อนวูบวาบบรรเทาลงได้ เพราะมีงานวิจัยจาก The University of California ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้หญิงที่รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่วมกับออกกำลังกาย 200 นาทีต่อสัปดาห์
ผู้หญิงกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะมีอาการร้อนวูบวาบ “น้อยกว่า” คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานและเป็นโรคอ้วนมากถึง 2 เท่า
3. แพ้อาหาร หรือมีความรู้สึกไวต่อสิ่งต่างๆ
มีหลายคนที่ประสบอาการร้อนวูบวาบเมื่อรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดมาก เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แต่ถ้าคุณแพ้อาหารที่ไม่สามารถระบุได้ แนะนำให้ลองสพิจารณาส่วนผสม เช่น วัตถุดิบ เครื่องปรุงรส หรือสารบางอย่างในอาหาร ที่อาจเป็นต้นเหตุทำให้มีอาการดังกล่าวได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรทำ: ตัวการที่ทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ เช่น แอลกอฮอล์ คาเฟอีน ซัลไฟต์ ฯลฯ ทั้งนี้ให้ลองสังเกตปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้ ซึ่งคุณอาจพบความเชื่อมโยงบางอย่าง เช่น อาการร้อนวูบวาบจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่รับประทานอาหารเมนูนี้ หรือดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้
อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจอาจลองปรึกษาแพทย์ก็ได้
4. ความวิตกกังวล
ในขณะที่เกิดความวิตกกังวล หัวใจจะเต้นเร็วมากขึ้น และรู้สึกกระสับกระส่าย นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวอย่างการเกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบตามมาได้
สิ่งที่ควรทำ: การฝึกหายใจเข้า-ออก ถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยให้อาการวิตกกังวลสงบลงได้ นอกจากนี้การออกกำลังกายบางประเภท การทำสมาธิ และการเล่นโยคะ ก็นับว่า เป็นวิธีที่ช่วยให้มีสติ รับมือกับความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่หากไม่ได้ผลจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ หรือนักบำบัดด้านความคิดและพฤติกรรม เพื่อแก้ปัญหานี้
5. เป็นโรคประจำตัว
ปัญหาด้านสุขภาพที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนและระบบต่อมไร้ท่อ สามารถนำไปสู่การเกิดอาการที่คล้ายกับคนที่อยู่ในช่วงวัยทองได้ ทั้งนี้หากต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปจะส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น คุณจึงรู้สึกอุ่นขึ้น
แต่หากต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป อุณหภูมิในร่างกายก็จะต่ำลง คุณจะรู้สึกหนาว หรือเรียกวา ขี้หนาวก็ไม่ผิดนัก นอกจากนี้การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด หรือเชื้อไวรัสบางชนิด ก็สามารถทำให้เกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรทำ: ถ้าปัญหาคือต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกตื คุณมีแนวโน้มที่จะมีอาการอื่นๆ นอกเหนือจากอาการร้อนวูบวาบจามมา เช่น หัวใจเต้นเร็ว น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ เข้าห้องน้ำบ่อย รู้สึกเพลียมาก ฯลฯ
แต่ถ้าเป็นเรื่องของการติดเชื้อก็อาจมีอุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้น ท้องเสีย หรือรู้สึกไม่สบายท้อง หากมีอาการดังกล่าวเกิดร่วมกับอาการร้อนวูบวาบ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
6. นอนในห้องที่ร้อนเกินไป
อุณหภูมิของร่างกายจะเกิดการผันผวนตลอดช่วงกลางคืน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงและผู้ชายจะตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับความรู้สึกร้อน หรือเหงื่อออกตามร่างกายแม้ว่า ร่างกายจะไม่มีได้ป่วยใดๆ ก็ตาม บางคนก็หลับๆ ตื่นๆ จนกลายเป็นคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ง่วงในตอนกลางวันก็มี
สิ่งที่ควรทำ: หากสังเกตว่า อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นช่วงกลางดึก บางทีอาจเป็นเพราะห้องนอนมีอุณหภูมิที่อุ่น หรือร้อนเกินไป การห่มผ้า การใส่ชุดนอนที่หนาเกินไป วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ คือ ให้เปิดหน้าต่างช่วยเพื่อระบายอากาศ เปิดพัดลมให้แรงขึ้น ปรับแอร์ให้เย็นขึ้น หรือจะเปิดพัดลมร่วมกับเปิดแอร์ก็ได้
อีกทั้งควรเปลี่ยนชุดนอนให้มีเนื้อผ้าบางลง สวมใส่สบาย ห่มผ้าที่ผืนบางลง เช่น เปลี่ยนจากการห่มผ้านวมผืนโต มาห่มผ้าแพรแทน
แม้ว่าอาการร้อนวูบวาบจะดูเหมือนเป็นอาการที่ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพมากเท่าไรนัก แต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็สามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้เช่นกัน หากลองใช้วิธีที่แนะนำข้างต้นแต่อาการร้อนวูบวาบก็ยังไม่หาย อีกทั้งตัวคุณเองก็ยังไม่ถึงวัยใกล้หมดประจำเดือน หรือภาวะวัยทองซึ่งมีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้
ก็อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เพื่อปรึกษา รับการตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป