เชื้อเอชพีวี (HPV) หรือไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา (Human Papillomavirus) ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก และเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด โดย HPV แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- HPV ชนิดก่อมะเร็ง: มี 14 สายพันธุ์ ทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด โดยสายพันธ์ุ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึงประมาณร้อยละ 70 รองลงมาคือ สายพันธุ์ 45, 31 และ 33
- HPV ชนิดไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง: ไม่ได้ทําให้เกิดมะเร็งปากมดลูกแต่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ เช่น HPV 6 และ 11
การฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ตั้งแต่ต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้เด็กทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง เข้ารับการฉีดวัคซีน HPV เข็มแรกตอนอายุ 11-12 ปี เพราะเป็นช่วงที่ได้รับประโยชน์จากวัคซีนสูง และฉีดวัคซีนเพียงแค่ 2 เข็มเท่านั้น
สารบัญ
ตรวจพบเชื้อไวรัส HPV แล้ว ยังฉีดวัคซีนป้องกันได้อยู่ไหม?
หากตรวจพบเชื้อไวรัส HPV แล้ว ยังสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีน HPV ได้อยู่ เนื่องจากเชื้อ HPV ที่ตรวจพบอาจไม่ได้เป็นการติดเชื้อแบบฝังแน่นจนก่อให้เกิดโรคกับสตรีนั้น นอกจากนั้น ในกรณีที่พบเซลล์ผิดปกติก็อาจไม่ได้เกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่บรรจุในวัคซีน
วัคซีน HPV มีกี่ชนิด? ช่วยป้องกันโรคอะไรได้บ้าง?
ปัจจุบันวัคซีน HPV มีด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่
- วัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ 6 และ 18 สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอด
- วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ 6, 11, 16 และ 18 สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ได้
- วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งคอหอยส่วนบน มะเร็งศีรษะและลำคอ และหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ได้
ซึ่งวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ เป็นวัคซีน HPV ที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัส HPV ได้ครอบคลุมมากที่สุดในปัจจุบัน
สรุปเรื่องการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ที่ตรวจเจอเชื้อไวรัส HPV แล้ว
จะเห็นได้ว่าการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ที่ตรวจเจอเชื้อไวรัส HPV แล้ว ยังมีประโยชน์เพราะวัคซีน HPV สามารถป้องกันเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ยังไม่เคยติดได้
ดังนั้นใครที่ตรวจเจอเชื้อไวรัส HPV แล้วก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการจัดการและคำแนะนำที่เหมาะสมกับตัวท่าน