สวนล้างลำไส้ระบบวารีบำบัด Colon Hydrotherapy ตอบครบทุกคำถามโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

สวนล้างลำไส้ระบบวารีบำบัด Colon Hydrotherapy ตอบครบทุกคำถามโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

หลายคนอาจยังไม่รู้จักว่า การสวนล้างลำไส้นั้นเป็นอย่างไร? สวนล้างลำไส้เจ็บหรือไม่? ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายหรือเปล่า และหลายคนอาจนึกภาพการฟื้นฟูสุขภาพด้วยวิธีนี้ไปในทางการทำหัตถการที่น่ากลัว

แต่จริงๆ แล้ว การสวนล้างลำไส้ด้วยระบบวารีบำบัด (Colon Hydrotherapy) จะช่วยกระตุ้นการกำจัดสารพิษและสารตกค้างที่ไม่จำเป็นออกไปจากร่างกาย ผ่านนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยและปลอดภัย

การมีสารตกค้างหรือสารพิษจากสิ่งที่เรารับประทานเข้าไปหมักหมมอยู่ในร่างกายย่อมไม่ใช่เรื่องดี เพราะมีแต่จะทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ แถมยังทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวจากสารอาหารที่ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายและยังตกค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร

ด้วยเหตุนี้ หลายคนก็มักจะเลือกวิธีขับล้างสิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายผ่านการกินยากระตุ้นการขับถ่าย ซึ่งก็จะมีผลลัพธ์แตกต่างกันไป และไม่มีการการันตีได้ว่า สารตกค้างที่อยู่ในร่างกายจะถูกกำจัดออกจนหมด

ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพ Bangkok Anti-Aging Center โดย คุณเบอ สุภัทรศิลป์ คงสกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ร่วมกับ HDmall.co.th จะมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ “การสวนล้างลำไส้ด้วยระบบวารีบำบัด (Colon Hydrotherapy)”

สารบัญ

สวนล้างลำไส้คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?

การสวนล้างลำไส้ (Colon Hydrotherapy) คือ การกำจัดสารพิษ สารตกค้าง และสิ่งหมักหมมที่อยู่ในทางเดินอาหารส่วนของลำไส้ ผ่านวิธีการสวนล้างทางทวารหนักด้วยระบบปิด (Closed System) และน้ำบริสุทธิ์ (RO) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับถ่าย และนำของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกมาให้หมด

ประโยชน์ของการสวนล้างลำไส้ไม่ได้มีเพียงบริเวณลำไส้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ส่งผลดีเกือบทุกอวัยวะของร่างกาย และยังช่วยป้องกันโรคร้ายแรงได้หลายอย่างอีกด้วย เช่น

  • เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง สามารถจับเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกายได้แม่นยำและทรงประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
  • ช่วยล้างพิษในตับ ไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมตกค้างจนการทำงานของตับเสื่อมตัวลง และไม่สามารถย่อยสารอาหารสำคัญเพื่อนำไปบำรุงการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้
  • ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้และโรคมะเร็งเต้านม
  • ทำให้ลำไส้สะอาด ไม่มีสิ่งตกค้างหรือสิ่งหมักหมมที่เป็นอันตรายอยู่ภายในลำไส้
  • ป้องกันการเกิดโรคหรือความผิดปกติที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทั่วไป เช่น โรคภูมิแพ้ อาการท้องผูก ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ขับถ่ายได้ยากหรือไม่เป็นเวลา

สวนล้างลำไส้ด้วยระบบวารีบำบัดคืออะไร?

การสวนล้างลำไส้ด้วยระบบวารีบำบัด (Colon Hydrotherapy) คือ การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำบริสุทธิ์ (Reverse Osmosis: RO) โดยใช้ระบบปิด (Close System) ไม่มีการใช้สารสกัดจากสมุนไพร สารฆ่าเชื้อ หรือสารยาเพื่อกระตุ้นให้ลำไส้เกิดการบีบตัวตามธรรมชาติและขับถ่ายของเสียออกมา

ดังนั้นการสวนล้างลำไส้ด้วยระบบวารีบำบัดจึงเป็นเหมือนวิธีการสวนล้างลำไส้ โดยเลียนแบบกลไกการขับถ่ายตามธรรมชาติของร่างกาย ไม่มีการกระตุ้นด้วยยาภายนอกซึ่งอาจเสี่ยงเกิดอาการแพ้หรืออาการระคายเคืองจากยาในภายหลัง จัดเป็นการสวนล้างลำไส้แบบใหม่ที่ปลอดภัย และเหมาะกับทุกคนที่ต้องการกำจัดของเสียออกจากร่างกายในระบบทางเดินอาหารให้หมด

สวนล้างลำไส้เหมาะกับใครบ้าง?

การสวนล้างลำไส้มีข้อดีสำหรับหลายคนที่มีปัญหาสุขภาพและมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตดังต่อไปนี้

  • มีอาการท้องผูก โดยอาจเกิดจากการดื่มน้ำน้อยและไม่ออกกำลังกาย
  • ชอบรับประทานอาหารที่มีสารกันบูด เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น ผักผลไม้ดอง รวมถึงอาหารประเภทแป้งขัดขาวอย่างขนมปัง ขนมจีน ข้าวขาว และชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ
  • ผู้ที่มีประวัติการใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะบ่อยๆ
  • ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ โดยไม่ได้จำกัดเพียงผู้ที่มีอาการแพ้อาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีอาการแพ้อากาศหรือแพ้ฝุ่นด้วย
  • ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก แต่น้ำหนักมักขึ้นลงอย่างไม่สมดุลและหาสาเหตุไม่ได้
  • ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวขึ้นจากอาการท้องผูก โดยเมื่อลองเอกซเรย์หรือตรวจอย่างละเอียดก็จะพบว่า มีอุจจาระหมักหมมอยู่ในลำไส้ในปริมาณมาก แต่ก็ไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้

สวนล้างลำไส้ช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่?

การสวนล้างลำไส้ไม่ได้เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักโดยตรง แต่มีส่วนช่วยให้กระบวนการดูดซึมสารอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยขับสารพิษ รวมถึงสารอาหารส่วนเกินที่ไม่จำเป็นออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างมาก

หากร่างกายมีการหมักหมมของสารตกค้าง สารพิษ หรือสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ระบบทางเดินอาหารก็จะไม่สามารถย่อยสารอาหารเป็นโมเลกุลเล็กๆ แล้วนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อใช้ต่อ ระบบเผาผลาญในร่างกายจะเสียหาย การดูดซึมอาหารและขับส่วนที่ไม่จำเป็นออกในรูปของอุจจาระก็จะไม่คงที่

เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี น้ำหนักตัวก็จะเพิ่มมากขึ้น และยังส่งผลต่อฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการควบคุมน้ำหนักตัวด้วย ต่อให้พยายามออกกำลังกายหรือรับประทานอาหารน้อยเพียงใด น้ำหนักตัวก็จะลดลงได้ยาก เพราะกลไกพื้นฐานที่ทำให้น้ำหนักตัวลดมเกิดความบกพร่องไปแล้วนั่นเอง

สวนล้างลำไส้ต้องนั่งหรือนอนท่าไหน? ระหว่างทำจะเจ็บหรือไม่?

การสวนล้างลำไส้จะเป็นการนอนหงายบนเตียงภายในห้องที่มีการปิดมิดชิดเพื่อความเป็นส่วนตัว เจ้าหน้าที่จะใส่ท่อที่มีเจลหล่อลื่น (KY Gel) เข้าไปในทวารหนักเพื่อปล่อยน้ำสำหรับสวนล้างลำไส้เข้าไปในร่างกาย

ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกเจ็บหน่วงหรือระคายเคืองทวารหนักเล็กน้อยในการสวนล้างลำไส้ครั้งแรก แต่ไม่ใช่ระดับความเจ็บที่รุนแรง

ในระหว่างการสวนล้างลำไส้ที่ BAAC จะมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยนวดท้องเพื่อบรรเทาอาการเจ็บหน่วงที่อาจเกิดขึ้นให้ระหว่างสวนล้างลำไส้ด้วย

สวนล้างลำไส้ใช้เวลานานเท่าไร? ทำได้บ่อยแค่ไหน?

การสวนล้างลำไส้ในแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในช่วงแรกสามารถสวนล้างลำไส้ได้ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ลำไส้ขับถ่ายและนำของเสียออกมาจากร่างกายจนหมดอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อร่างกายสามารถปรับตัวกับระบบการขับถ่ายที่ต่อเนื่องมากขึ้นได้แล้ว ก็สามารถเปลี่ยนมารับบริการเดือนละ 1 ครั้งได้

แต่หากมีเงื่อนไขด้านโรคประจำตัวหรือปัญหาด้านสุขภาพ ที่อาจทำให้ต้องมาสวนล้างลำไส้บ่อยกว่านี้หรือต้องทิ้งระยะเวลาห่างนานมากกว่านี้ ก็สามารถแจ้งประวัติสุขภาพเพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของทาง BAAC เป็นผู้พิจารณาระยะเวลาในการมาสวนล้างลำไส้ได้เช่นกัน

สวนล้างลำไส้เสร็จแล้วจะมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นหรือไม่?

หลังจากการสวนล้างลำไส้ อาจรู้สึกอ่อนเพลียได้บ้าง โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มน้ำน้อย พักผ่อนน้อย ไม่ค่อยรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินเสริมความสดชื่นให้กับร่างกาย

แต่ที่ BAAC มีการจัดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเกลือแร่บำรุงร่างกายให้กับผู้เข้ารับบริการทุกคน เพื่อป้องกันปัญหาความอ่อนเพลียที่มักพบได้บ่อย

สวนล้างลำไส้ทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไร? เด็กสามารถมาสวนล้างลำไส้ได้หรือไม่?

โดยปกติอายุของผู้เข้ารับบริการที่สามารถมาสวนล้างลำไส้ได้จะอยู่ที่ 18 ปีขึ้นไป

สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่านั้นและมีปัญหาท้องผูก ระบบน้ำเหลืองไม่ดีจนส่งผลต่อการขับถ่าย หรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและจำเป็นต้องมาสวนล้างลำไส้ก็สามารถมาใช้บริการได้ แต่ต้องให้แพทย์ประจำตัวที่ดูแลโรคของผู้เข้ารับบริการเป็นผู้อนุญาตยินยอม

ใครที่ไม่สามารถสวนล้างลำไส้ได้บ้าง?

ถึงแม้การสวนล้างลำไส้จะทำได้ในกลุ่มคนทั่วไปเกือบทั้งหมด แต่ก็มีข้อจำกัดในกลุ่มผู้เข้ารับบริการบางราย ได้แก่

  • สตรีมีครรภ์และกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ มีเนื้องอกที่บริเวณลำไส้หรือช่องท้อง
  • ผู้ที่มีเลือดออกทางทวารหนักหรือเป็นโรคริดสีดวงทวารในระยะที่กำลังอักเสบรุนแรง
  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือยังไม่สามารถควบคุมโรคได้
  • ผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia)
  • ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน
  • ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดมา ต้องได้รับการยินยอมจากแพทย์เสียก่อน

สำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดบริเวณลำไส้หรือตัดต่อลำไส้มา หากระยะเวลาจากการผ่าตัดนานกว่า 3 ปีแล้ว ก็สามารถมารับบริการได้เช่นกัน แต่ควรไปตรวจสุขภาพและได้รับการยินยอมจากแพทย์ประจำตัวเสียก่อน

การเตรียมตัวก่อนสวนล้างลำไส้

กระบวนการเตรียมตัวก่อนสวนล้างลำไส้โดยหลักๆ มีดังต่อไปนี้

  • งดอาหารประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนสวนล้างลำไส้ เพื่อลดความรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำและจิบน้ำบ่อยๆ ก่อนมารับบริการ เพื่อไม่ให้เกิดอาการอ่อนเพลียมากหลังจากสวนหลังลำไส้เสร็จแล้ว

สำหรับผู้ที่ไม่เคยสวนล้างลำไส้มาก่อน เจ้าหน้าที่จะมอบเอกสารเช็กลิสต์สุขภาพมาให้ ในเอกสารนี้จะมีทั้งข้อบ่งชี้ และข้อห้ามที่จำเป็นในการสวนล้างลำไส้

ก่อนเข้ารับการสวนล้างลำไส้ เจ้าหน้าที่จะวัดความดันโลหิต และชั่งน้ำหนักของผู้เข้ารับบริการ พร้อมสอบถามประวัติทางสุขภาพและโรคประจำตัวอีกครั้ง

ขั้นตอนการสวนล้างลำไส้

ก่อนการสวนล้างลำไส้ เจ้าหน้าที่พยาบาลจะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เหมาะกับการสวนล้างลำไส้ และให้คำแนะนำในการทำความสะอาดร่างกาย จุดซ่อนเร้นและทวารหนัก จากนั้นจึงเริ่มขั้นตอนการสวนล้างลำไส้

ขั้นตอนที่ 1 นวดกดจุดกระตุ้นการขับถ่าย

เริ่มต้นด้วย ขึ้นนอนบนเตียงจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวระหว่างสวนล้างลำไส้อีกครั้ง และเริ่มนวดกดจุดเพื่อกระตุ้นการขับถ่ายประมาณ 5-10 นาที ระหว่างนี้ผู้รับบริการสามารถผ่อนคลายหรือเล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างสวนล้างลำไส้ไปด้วยได้

ขั้นตอนที่ 2 สอดท่อเข้าทางทวารหนัก

ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะทาเจลหล่อลื่นบริเวณปลายท่อปล่อยน้ำ และสอดเข้าไปในทวารหนักประมาณ 2 นิ้ว ครึ่ง และทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ผู้รับบริการผ่อนคลาย ระหว่างนี้จะมีการนวดกดจุดตลอดเวลา

ขั้นตอนที่ 3 ปล่อยน้ำเข้าลำไส้

เจ้าหน้าที่จะเริ่มปล่อยน้ำในอุณหภูมิร่างกายเข้าไปในทวารหนัก ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเย็น ร้อน หรือปริมาณน้ำจะมากเกินไปจนตัวบวม เพราะเครื่องปล่อยน้ำจะปรับทั้งอุณหภูมิ ปริมาณ รวมถึงแรงดันที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการแต่ละราย และระหว่างนี้เจ้าหน้าที่จะนวดท้องให้อย่างสม่ำเสมอ

ระหว่างสวนล้างลำไส้เจ้าหน้าที่อาจให้ผู้เข้ารับบริการนอนตะแคงเพื่อไล่แก๊สในท้องระหว่างสวนล้างลำไส้ด้วย ระหว่างนี้ของเสียหรือสิ่งตกค้างต่างๆ ที่อยู่ในลำไส้ก็จะค่อยๆ ขับออกมาจนหมด

ขั้นตอนที่ 4 ขับถ่ายของเสีย

การสวนล้างลำไส้จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ผู้เข้ารับบริการเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งขับถ่ายต่อในห้องน้ำ ในกรณีที่ยังรู้สึกถ่ายของเสียออกมาไม่หมด

ขั้นตอนที่ 5 ฟื้นฟูด้วยเกลือแร่

หลังจากออกมาจากห้องสวนล้างลำไส้ เจ้าหน้าที่จะวัดความดันโลหิตอีกครั้ง และให้ชั่งน้ำหนักเพื่อเปรียบเทียบกับก่อนสวนล้างลำไส้ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะเสิร์ฟเครื่องดื่มเกลือแร่ (ORS) และโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์ ลดอาการอ่อนเพลียที่อาจเกิดขึ้นหลังสวนล้างลำไส้

การดูแลตนเองหลังสวนล้างลำไส้

สิ่งสำคัญที่ต้องทำหลังจากสวนล้างลำไส้เสร็จแล้วจะอยู่ที่การรับประทานอาหารเพื่อเติมเต็มสารอาหารที่ขาดไป และป้องกันอาการอ่อนเพลียจากการสูญเสียเกลือแร่สำคัญหลังสวนล้างลำไส้ ได้แก่

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน
  • ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) และโพรไบโอติกส์ที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ของทาง BAAC ในวันที่ทำเสร็จทันที
  • งดอาหารหนักท้องหรือย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และรับประทานอาหารประเภทโปรตีนย่อยง่าย เช่น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา หรือไข่แทน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

สวนล้างลำไส้ด้วยระบบวารีบำบัดที่ Bangkok Anti-Aging Center

Bangkok Anti-Aging Center หรือ BAAC มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย รวมถึงเจ้าหน้าที่พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ผู้มีประสบการณ์สำหรับการสวนล้างลำไส้ ที่พร้อมให้บริการทุกท่านที่ต้องการปรับกระบวนการการดูดซึมสารอาหาร การขับถ่ายของเสียที่อาจยังตกค้างของร่างกายให้กลับมาทำงานอย่างเต็มที่ได้ใหม่อีกครั้ง

เพราะในยุคปัจจุบันที่วิถีชีวิตของทุกคนเต็มไปด้วยความเร่งรีบและหลายคนมักนิยมรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ดูดซึมนำสารอาหารไปใช้ต่อได้ยาก และยังอาจก่อโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง รวมถึงโรคภูมิแพ้ซึ่งก่ออาการน่ารำคาญในระหว่างทำกิจวัตรระหว่างวันด้วย

การสวนล้างลำไส้หรือ Colon Hydrotherapy จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกวิธีลัดที่จะช่วยให้สุขภาพของระบบทางเดินอาหารยังคงแข็งแรงภายในเวลาอันรวดเร็ว สามารถขับสารพิษและของเสียออกมาได้จนหมด แต่ยังคงกักเก็บส่วนที่ยังมีประโยชน์ไว้ใช้เป็นพลังงานต่ออวัยวะต่างๆ ต่อไปได้

อีกทั้งทาง BAAC ยังเข้าใจผู้ที่มีปัญหาลดน้ำหนักไม่สำเร็จหรืออยากควบคุมน้ำหนักแต่ยังหาวิธีที่ใช่ไม่เจอ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมการสวนล้างลำไส้เพื่อให้ร่างกายดูดซึมแต่สารอาหารที่จำเป็นไว้และขับทิ้งส่วนที่มีแต่ก่อโทษรวมถึงก่อน้ำหนักส่วนเกินออกไปให้หมด เพื่อให้กลไกการควบคุมน้ำหนักของร่างกายกลับมาสมดุลอีกครั้ง

เรียกได้ว่าการสวนล้างลำไส้ที่ BAAC ไม่ได้มีส่วนช่วยเพียงการทำความสะอาดลำไส้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคร้ายต่างๆ ที่อาจตามมาภายหลัง ทำให้กระบวนการเผาผลาญและการดูดซึมสารอาหารที่สำคัญกลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง และยังบรรเทาอาการท้องผูก ซึ่งเป็นอีกอาการที่พบได้บ่อยในคนยุคปัจจุบันด้วย

Scroll to Top