AdobeStock 137949293 scaled

ทำความรู้จักการขริบแบบเจาะลึก! ตอบคำถามโดยแพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา

เมื่อพูดถึงการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หลายคนอาจนึกว่าเป็นเรื่องของความเชื่อในบางศาสนาเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว การขริบอวัยวะเพศชายสามารถทำได้ทุกวัยและเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ชายควรทำ เนื่องจากการขริบมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงช่วยเพิ่มความอึดในการทำกิจกรรมบนเตียงได้อีกด้วย

สำหรับใครที่อยากรู้จักการขริบให้มากขึ้น ในบทความนี้ HDmall.co.th ร่วมกับ นายแพทย์จิรวีร์ จันทรานุกูล ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางยูโร หรือแพทย์ทางเดินปัสสาวะและอวัยเพศ จาก Men Plus By MediPrime Clinic จะพาทุกคนมาทำความรู้จักการขริบกันอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนมั่นใจขึ้นอีกขั้นก่อนตัดสินใจขริบกัน!

ขริบแล้วฟิน! หัวสวยพร้อมเสียว ด้วย Laser Sleeve Technique กับ หมอนัท ที่ Mediprime Clinic

ขริบคืออะไร?

การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย (Circumcision) คือ การผ่าตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออกบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อสุขอนามัยที่ดี ทำความสะอาดได้ง่าย ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆ เช่น หนังหุ้มปลายตีบหรือมีปัญหาการปัสสาวะ

โดยการขริบนั้นสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันการขริบสามารถทำได้หลายเทคนิค เช่น การขริบด้วยการผ่าตัดแบบดั้งเดิม (Surgical Circumcision), การขริบไร้เลือด (Stapler Circumcision) และการขริบ Sleeve Technique

การขริบมีข้อดีอย่างไร?

การขริบมีข้อดีหลายอย่าง ทั้งในด้านของสุขภาพและด้านสุขอนามัย โดยข้อดีของการขริบสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  • ช่วยแก้ปัญหาหนังหุ้มปลายตีบ การขริบเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาหนังหุ้มปลายตีบได้ ซึ่งปัญหานี้มีส่วนทำให้อวัยวะเพศอักเสบ บวม แดง รวมถึงทำให้มีปัญหาในการปัสสาวะ
  • ทำความสะอาดน้องชายง่ายขึ้น การขริบจะช่วยให้ทำความสะอาดน้องชายได้ง่ายขึ้น ลดการสะสมของขี้เปียก (Smegma) ที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งหรือขี้ไคล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
  • ช่วยเพิ่มความอึด หลังจากขริบไปแล้วจะช่วยเพิ่มความอึดของกิจกรรมบนเตียงและควบคุมการหลั่งได้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมให้หลั่งเร็วหรือหลั่งช้า แต่ทั้งนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาให้ร่างกายปรับตัวก่อนประมาณ 3-6 เดือน
  • ลดโอกาสเกิดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การขริบจะช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้เกือบทุกโรค โดยเฉพาะเชื้อ HIV ที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ ซึ่งสามารถลดโอกาสติดเชื้อได้สูงถึง 5-10 เท่า รวมถึงเชื้อ HPV หรือเชื้อที่เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในคุณผู้หญิง

คนส่วนใหญ่เลือกขริบเพราะอะไร?

ส่วนใหญ่คนไข้ที่เข้ามาใช้บริการขริบที่ Men Plus By MediPrime Clinic มักจะไม่ได้มีปัญหาเรื่องหนังหุ้มปลายตีบ แต่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดและกิจกรรมบนเตียงเป็นหลัก เนื่องจากการขริบจะช่วยให้ทำความสะอาดน้องชายได้ง่ายขึ้น ลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และลดการสะสมของคราบไคลได้

ส่วนคนที่อยากเน้นเรื่องกิจกรรมบนเตียง อยากอึดขึ้น ทำกิจกรรมบนเตียงได้ยาวนานมากขึ้น ในกรณีนี้คุณหมอจะแนะนำให้ตรวจสุขภาพด้านอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าปัญหาที่ทำให้คนไข้ไม่อึดเกิดจากสาเหตุอะไร เนื่องจากการขริบเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ทั้งหมด

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเข้ามาขริบ คือ กำลังวางแผนที่จะเพิ่มขนาดน้องชาย เนื่องจากการขริบจะช่วยให้ผลลัพธ์หลังผ่าตัดเพิ่มขนาดน้องชายออกมาสวยงามมากขึ้น

การขริบมีกี่วิธี?

หลายคนที่สงสัยว่าการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายมีกี่วิธี? ความจริงแล้วการขริบมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออก แต่ที่แตกต่างกันคือเทคนิคและกระบวนการตัดหนังหุ้มปลาย โดยปัจจุบันมีอยู่ 3 เทคนิคหลักๆ ดังนี้

  • Free Hands Technique เป็นวิธีดั้งเดิมของการขริบ โดยวิธีนี้แพทย์จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น มีดหรือกรรไกร ในการตัดหนังหุ้มปลายโดยตรง ก่อนจะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ทำให้ได้ความสวยงามในระดับหนึ่ง
  • Sleeve Technique เป็นเทคนิคการขริบที่นิยมทำในแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากเป็นวิธีที่ต้องอาศัยความประณีตมากกว่าวิธีอื่นๆ โดยแพทย์จะค่อยๆ วัดความยาวของหนังและกรีดนำหนังส่วนเกินออกไป ซึ่งวิธีนี้คนไข้สามารถบอกความต้องการได้ว่าต้องการนำหนังส่วนเกินออกมากน้อยแค่ไหน ต้องการผูกปมไหมบริเวณไหน รวมถึงต้องการเย็บปิดแผลด้วยไหมละลายธรรมดาหรือเลือกเย็บแบบเสริมความงามที่ทำให้สังเกตเห็นปมไหมได้ยาก
  • Stapler Circumcision หรือการขริบไร้เลือด เป็นการขริบที่จะใช้เครื่องอัตโนมัติในการตัดหนังหุ้มปลายและเย็บปิดแผลด้วยแม็กทางการแพทย์ เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และสามารถตัดหนังหุ้มปลายพร้อมกับเย็บปิดแผลได้พร้อมกัน แต่การขริบไร้เลือดจะมีข้อจำกัดตรงที่ผลลัพธ์หลังทำอาจมีความสวยงามน้อยที่สุด

ขริบไร้เลือดคืออะไร? ดีไหม?

ขริบไร้เลือด คือ การขริบโดยใช้อุปกรณ์อัตโนมัติที่เรียกว่า “Stapler” ที่มีความโดดเด่นในการขริบและเย็บแผลไปพร้อมกัน ทำให้ช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี

การขริบไร้เลือดได้รับการพัฒนามาจากเครื่องมือที่เรียกว่า “ระฆัง” หรือ “Gomco Clamp” ที่นิยมใช้ในการขริบหนังหุ้มปลายให้กับเด็กทารก เป็นเครื่องมืออัตโนมัติที่สามารถตัดและซีลได้พร้อมกัน 

แต่ด้วยสรีระของผู้ใหญ่ที่บริเวณน้องชายมีการยืดหดมากกว่าและแผลไม่สามารถหายเองได้หากไม่มีการเย็บแผล ทำให้มีการพัฒนา Stapler ขึ้น เพื่อที่หลังจากตัดหนังหุ้มปลายแล้ว ตัวเครื่องจะสามารถเย็บปิดแผลให้ด้วยแม็กทางการแพทย์ได้ทันที

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการขริบไร้เลือดจะเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และมีราคาที่เข้าถึงง่าย แต่การขริบไร้เลือดก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ในการขริบไร้เลือดเป็นเครื่องมือที่ทำงานอัตโนมัติ ทำให้มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้สูง ซึ่งการขริบด้วยเครื่อง Stapler จะขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์เพียง 60% ส่วนอีก 40% อยู่ที่หนังหุ้มปลายของคนไข้และการทำงานของเครื่องมือว่าจะเลือกตัดหนังมากน้อยแค่ไหน ทำให้ถึงแม้ว่าจะขริบกับแพทย์ที่มีความชำนาญก็อาจเกิดความผิดพลาดได้

คุณหมอจึงมักจะแนะนำให้คนไข้หลายคนเลือกขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique มากกว่า เนื่องจากให้ผลลัพธ์หลังทำที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสการตัดหนังหุ้มปลายพลาดแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นเทคนิคที่ควรทำกับแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น

ขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique มีกี่รูปแบบ?

การขริบด้วยวิธี Sleeve Technique มีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่ แบบมีปมไหม และแบบไร้ปมไหม ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบมีความแตกต่างกันดังนี้

การขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique แบบมีปมไหม คุณหมอจะเลือกใช้เส้นไหมละลายที่มีขนาดค่อนข้างหนา เพื่อลดจำนวนเข็มในการเย็บแผลเหลือเพียงแค่ประมาณ 12-16 เข็ม หลังทำอาจใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ให้ไหมละลายและหลุดออกไปเอง ซึ่งแผลที่ได้จะมีความเรียบเนียน สวยงาม แต่อาจมีรอยเข็มและปมไหมอยู่บ้างเล็กน้อย

ส่วนการขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique แบบไร้ปมไหม คุณหมอจะเลือกใช้ไหมขนาดเล็กและบางเป็นพิเศษ พร้อมทั้งเลือกใช้เทคนิคการเย็บแผลที่ปรับให้เหมาะสมกับลักษณะของหนังหุ้มปลายของแต่ละคน ซึ่งข้อดีของเทคนิคนี้ คือ ไหมจะละลายได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ไหมก็เริ่มละลายแล้ว นอกจากนี้ แผลหลังทำยังดูเรียบเนียน สวยงาม และไม่มีรอยปมไหมให้เห็นด้วย

ขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique เจ็บไหม?

การขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique ความเจ็บจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยที่ Men Plus By MediPrime Clinic คุณหมอจะทำการฉีดยาบล็อกเส้นประสาทให้ที่บริเวณหัวหน่าว 2 จุด ซึ่งจะทำให้คนไข้รู้สึกชาตั้งแต่ลำไปจนถึงส่วนหัวของอวัยวะเพศ

แต่ในกรณีที่คนไข้กลัวเจ็บมากๆ คุณหมอจะทำการแปะยาชาให้ก่อน เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างลงเข็มฉีดยาบล็อกเส้นประสาท

จุดเด่นของการขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique

จุดเด่นของการขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique คือ เป็นเทคนิคที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ดีและแผลหายเร็ว 

เนื่องจากเทคนิคนี้คุณหมอและคนไข้สามารถออกแบบการรักษาร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่ต้องการตัดหนังหุ้มปลายออก รูปแบบของแผลตอนหาย รวมถึงยังเป็นเทคนิคที่มีการห้ามเลือดได้อย่าละเอียดทุกจุด ทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม แผลหายไว และสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

แต่ทั้งนี้ การขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique ก็จำเป็นที่จะต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ต้องใช้ความละเอียด ความประณีต และความชำนาญสูง

ขั้นตอนการขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique

สำหรับการขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique จะใช้ระยะเวลาทำอยู่ที่ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง โดยมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

  • ฉีดยาบล็อกเส้นประสาท ก่อนขริบคุณหมอจะทำการฉีดยาบล็อกเส้นประสาทบริเวณหัวหน่าว 2 จุดก่อน เพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างผ่าตัด
  • วัดขนาดหาตำแหน่งทูโทน คุณหมอจะทำการวัดขนาดน้องชายเพื่อดูว่าต้องการให้ตำแหน่งทูโทนรอบลำอวัยวะเพศอยู่ตรงไหน รวมถึงวัดขนาดที่จะตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออกด้วย
  • เริ่มผ่าตัดหรือเลเซอร์ หลังจากวัดขนาดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะเริ่มทำการกรีดหนังหุ้มปลายด้วยมีดผ่าตัดหรือเลเซอร์ตามตำแหน่งที่วัดไว้ จากนั้นจะใช้การจี้ไฟฟ้าเลาะเนื้อเยื่อออก โดยการจี้ไฟฟ้าจะช่วยห้ามเลือดและตัดหนังหุ้มปลายได้ในครั้งเดียวกัน
  • ดึงหนังมาเย็บชนกัน หลังจากตัดหนังหุ้มปลายออกแล้ว คุณหมอจะทำการดึงหนังมาเย็บชนกันและใช้ไหมละลายเย็บแผลตามรูปแบบที่วางไว้ เช่น แบบมีปมไหมและแบบไร้ปมไหม

การดูแลตัวเองหลังขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique

หลังจากขริบด้วยเทคนิค Sleeve Technique คุณหมอจะพันแผลไว้ประมาณ 2 วัน ระหว่างนี้คนไข้อาจรู้สึกแน่นบริเวณอวัยเพศและปัสสาวะได้ค่อนข้างลำบาก

หลังจากถอดผ้าพันแผลออกแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากไหมที่ใช้เย็บแผลเป็นไหมละลาย เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ไหมจะละลายหายไปเอง

ส่วนคนที่สงสัยว่าสามารถใส่กางเกงในได้ไหม? คำตอบคือ สามารถใส่กางเกงในได้ตามปกติ แต่ถ้าหากคนไข้กังวลเรื่องการเสียดสี สามารถใช้ยาฆ่าเชื้อในรูปแบบขี้ผึ้งที่ทางคลินิกจ่ายให้ทาบริเวณน้องชายเพื่อป้องกันการเสียดสีได้ทันที

หลังขริบส่งผลต่อกิจกรรมทางเพศหรือไม่?

จากประสบการณ์ของคนไข้ที่มาขริบกับคุณหมอ ที่ Men Plus By MediPrime Clinic ส่วนใหญ่มักพบว่าหลังขริบไปแล้วล้วนส่งผลดีต่อคนไข้ ทำให้คนไข้มีความมั่นใจในการทำกิจกรรมทางเพศมากขึ้น

เนื่องจากอวัยวะเพศไม่มีกลิ่นอับ ไม่มีการสะสมของคราบไคล ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงยังมีส่วนช่วยในเรื่องความอึดของน้องชาย สามารถควบคุมการหลั่งได้ง่ายขึ้นด้วย การขริบจึงเป็นวิธีที่ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกขริบด้วยเทคนิคที่เหมาะสมและดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

ขริบกับแพทย์เฉพาะทางดีอย่างไร?

ถึงแม้การขริบจะไม่ใช้หัตถการที่ซับซ้อนหรือมีความเสี่ยงมากนัก แต่ก็เป็นหัตถการที่ทำบนอวัยวะที่สำคัญ เพราะฉะนั้นหากตัดสินใจขริบแล้ว การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเลือกทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางก็เป็นสิ่งสำคัญ

เนื่องจากแพทย์เฉพาะทางมีความเข้าใจและถนัดเรื่องนี้โดยตรง การเลือกขริบกับแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงยังได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม มีประสิทธิภาพ และตรงกับความต้องการของคนไข้อีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจขริบ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะขริบที่ไหนดี Men Plus By MediPrime Clinic เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง และให้คำปรึกษาอย่างละเอียดแบบเคสต่อเคส ผู้รับบริการจึงมั่นใจในผลลัพธ์ได้เลย

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อแอดมินเพื่อนัดคิวปรึกษาคุณหมอผ่านไลน์ @HDcare ได้ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ