โรคมือ เท้า ปาก (Hand, foot and mouth disease: HFMD) เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัส พบการระบาดบ่อยในกลุ่มเด็กเล็ก เชื้อสามารถแพร่กระจายและติดต่อกันง่าย ยิ่งเป็นเด็กเล็ก ๆ อายุต่ำกว่า 5 ปี มักมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่
ในบทความนี้ ได้รวบรวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เฝ้าระวัง และเตรียมตัวรับมือกับโรคอย่างเหมาะสม
สารบัญ
- 1. โรคมือ เท้า ปาก คืออะไร แล้วใครเสี่ยงบ้าง?
- 2. เชื้อไวรัสโรคมือ เท้า ปากมีกี่สายพันธุ์?
- 3. อาการโรคมือ เท้า ปาก มีอะไรบ้าง?
- 4. ลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก ต้องหยุดเรียนกี่วัน?
- 5. ถ้าลูกเคยเป็นมือ เท้า ปากแล้ว จะติดซ้ำได้อีกไหม?
- 6. โรคมือ เท้า ปาก หายเองได้ไหม?
- 7. เจลแอลกอฮอล์เจลช่วยฆ่าเชื้อโรคมือ เท้า ปากได้ไหม?
- 8. โรคมือ เท้า ปาก เกิดเฉพาะในเด็กหรือเปล่า?
- 9. หลังหายแล้ว ลูกยังแพร่เชื้อโรคมือ เท้า ปาก ได้อยู่ไหม?
- 10. วัคซีนมือ เท้า ปาก ช่วยป้องกันได้จริงไหม?
- 11. เด็กกี่ขวบถึงฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก ได้?
- 12. วัคซีนมือ เท้า ปาก มีผลข้างเคียงไหม?
- 13. วัคซีนมือ เท้า ปาก จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ไหม?
1. โรคมือ เท้า ปาก คืออะไร แล้วใครเสี่ยงบ้าง?
โรคมือ เท้า ปาก เป็นการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ ซึ่งติดต่อกันได้ผ่านการหายใจเอาเชื้อในอากาศจากการไอ จาม ของผู้ป่วยเข้าไป หรือได้รับเชื้อผ่านการกินอาหารหรือสัมผัสสิ่งของจากมือที่มีเชื้อปนเปื้อน
โรคมือ เท้า ปากพบได้ตลอดปี แต่พบการระบาดมากในฤดูฝนที่อากาศเย็นและชื้น โดยกลุ่มเสี่ยงจะเป็นทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แม้อาการมักไม่รุนแรง แต่บางรายอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง โดยเฉพาะการติดเชื้อจากสายพันธุ์อันตราย EV71
2. เชื้อไวรัสโรคมือ เท้า ปากมีกี่สายพันธุ์?
เชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัสที่ก่อโรคมือ เท้า ปาก มีอยู่หลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์พบบ่อย และเป็นสาเหตุหลักของโรค คือ คอกซากีไวรัส (Coxsackievirus) และอีกสายพันธุ์อันตรายที่ควรระวัง คือ เอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71) หรือ EV71 เพราะมักก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
3. อาการโรคมือ เท้า ปาก มีอะไรบ้าง?
หลังจากได้รับเชื้อ 3–5 วัน จะเริ่มมีไข้ต่ำหรือไข้สูง 38–39 องศาเซลเซียส มีอาการอ่อนเพลีย หลังจากนั้น 1–2 วัน จะเกิดแผลในช่องปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก อาจทำให้เด็กกินอาหารได้น้อยลง เบื่ออาหาร และเจ็บคอ
ต่อมาจะเกิดผื่น ตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และร่างกายส่วนอื่น อาการจะเป็นอยู่นาน 7–10 วัน กรณีอาการรุนแรง เด็กจะซึม ไม่ยอมกินอาหารหรือดื่มนม หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ อาเจียนมาก เซ หรือชัก หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
4. ลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก ต้องหยุดเรียนกี่วัน?
โดยทั่วไป แนะนำให้เด็กที่ป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก หยุดเรียนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงให้ลูกไปอยู่ในสถานที่แออัด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังเด็กหรือคนอื่น ๆ
5. ถ้าลูกเคยเป็นมือ เท้า ปากแล้ว จะติดซ้ำได้อีกไหม?
การติดเชื้อครั้งแรกจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่เคยเป็นเท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นในกลุ่มเดียวกันได้ เด็กที่เคยป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปากแล้ว สามารถติดเชื้อซ้ำและป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ได้อีกจากเชื้อไวรัสคนละสายพันธุ์ เช่น หากเคยเป็นโรคมือเท้าปาก จากการติดเชื้อไวรัส คอกซากีไวรัส (Coxsackievirus) แล้ว ก็อาจจะเป็นโรคมือ เท้า ปากซ้ำ จากการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71) ได้อีก
6. โรคมือ เท้า ปาก หายเองได้ไหม?
โรคมือ เท้า ปาก เป็นการติดเชื้อไวรัส จึงไม่มียารักษาโดยเฉพาะ การรักษาจะเน้นดูแลตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ การใช้ยารักษาแผลในช่องปาก การให้ยาปฏิชีวนะกรณีจำเป็น หากเด็กอ่อนเพลียมาก อาจต้องให้น้ำเกลือและนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
โรคมือ เท้า ปากส่วนใหญ่หายได้ภายใน 7–10 วัน แต่คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการอยู่เสมอ หากอาการไม่ดีขึ้น หรือพบอาการผิดปกติ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์
7. เจลแอลกอฮอล์เจลช่วยฆ่าเชื้อโรคมือ เท้า ปากได้ไหม?
การล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ร่วมกับการดูแลสุขอนามัยด้านอื่น ๆ ยังเป็นวิธีหลักในการป้องกันและกำจัดเชื้อไวรัสที่ทางการแพทย์แนะนำ ส่วนเจลแอลกอฮอล์อาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันโรคมือ เท้า ปาก แต่สามารถใช้ในกรณีที่ไม่สะดวกล้างมือได้
8. โรคมือ เท้า ปาก เกิดเฉพาะในเด็กหรือเปล่า?
แม้โรคมือ เท้า ปาก จะพบบ่อยในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อและป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ได้เช่นกัน แต่จะพบได้น้อยกว่า และอาการมักจะไม่รุนแรงเท่าในเด็กเล็ก
9. หลังหายแล้ว ลูกยังแพร่เชื้อโรคมือ เท้า ปาก ได้อยู่ไหม?
แม้ว่าอาการจะหายดีแล้ว แต่เชื้อไวรัสยังสามารถปนเปื้อนออกมากับอุจจาระได้นาน 2–3 สัปดาห์ จึงต้องเน้นย้ำในการดูแลเรื่องสุขอนามัย โดยเฉพาะการล้างมือหลังเข้าห้องน้ำ และก่อนกินอาหาร
10. วัคซีนมือ เท้า ปาก ช่วยป้องกันได้จริงไหม?
การฉีดวัคซีนมือ เท้า ปากจะช่วยป้องกันสายพันธุ์เอนเทอโรไวรัส 71 หรือ EV71 ที่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในเด็ก จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า เมื่อฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก ครบ 2 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ EV71 ได้สูงถึง 97%
อย่างไรก็ตาม วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโรคมือ เท้า ปากสายพันธุ์อื่น ๆ ได้ หากติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ยังป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปากได้ แต่อาการส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง และหายได้ภายใน 1 สัปดาห์
11. เด็กกี่ขวบถึงฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก ได้?
วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย เริ่มฉีดได้ในเด็กอายุ 6 เดือน ไปถึงก่อน 6 ปี โดยฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
12. วัคซีนมือ เท้า ปาก มีผลข้างเคียงไหม?
เช่นเดียวกับวัคซีนทั่วไป หลังฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก สามารถเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ ส่วนใหญ่อาการมักไม่รุนแรง เช่น อาการปวด บวม แดง คัน บริเวณที่ฉีด มีไข้ คลื่นไส้ ปวดหัว หรือถ่ายเหลว
13. วัคซีนมือ เท้า ปาก จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ไหม?
ปัจจุบันยังไม่มีคำแนะนำให้ฉีดในผู้ใหญ่ เนื่องจากผู้ใหญ่มักมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อบางสายพันธุ์แล้ว และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมีน้อยกว่าในเด็ก การฉีดวัคซีนจึงเน้นไปที่กลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
ทั้งหมดนี้ คือ คำตอบของคำถามเกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก ที่คุณพ่อคุณแม่สงสัย การทราบข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ป้องกันลูกน้อยจากโรคนี้ได้ดีขึ้น และช่วยให้รับมือเมื่อลูกป่วยได้อย่างเหมาะสม