โรคมะเร็ง (Cancer) หนึ่งในโรคร้ายแรงที่พบได้ในคนทุกเพศ ทุกวัย และยังเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลกอีกด้วย
สิ่งที่น่ากังวลคือ มะเร็งเป็นโรคที่มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น กว่าจะตรวจพบโรคก็ลุกลาม ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากขึ้น ซับซ้อนขึ้น ใช้ระยะเวลานานขึ้น รวมทั้งโอกาสหายขาดก็อาจลดลง
แต่ปัจจุบันมีการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Marker) ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรองหาความเสี่ยงของโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบและวางแผนรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
การตรวจ Tumor Marker คืออะไร สำคัญอย่างไร ตรวจโรคมะเร็งอะไรได้บ้าง แม่นยำมากน้อยแค่ไหน ใครควรตรวจ? บทความนี้เจาะลึกทุกรายละเอียดที่คุณควรรู้ เพื่อให้คุณอุ่นใจห่างไกลจากโรคมะเร็ง
สารบัญ
- การตรวจ Tumor Marker คืออะไร?
- การตรวจ Tumor Marker สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องตรวจไหม?
- การตรวจ Tumor Marker เช็กความเสี่ยงโรคมะเร็งอะไรได้บ้าง ค่าปกติอยู่ที่เท่าไหร่?
- ใครควรตรวจ Tumor Marker บ้าง?
- วิธีการตรวจ Tumor Marker มีขั้นตอนอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- การตรวจ Tumor Marker แม่นยำแค่ไหน?
- ข้อดีของการตรวจ Tumor Marker
- ข้อจำกัดของการตรวจ Tumor Marker
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจ Tumor Marker
การตรวจ Tumor Marker คืออะไร?
‘สารบ่งชี้มะเร็ง’ หรือหลายคนอาจคุ้นเคยในชื่อ ‘Tumor Marker’ คือสารที่ร่างกายหลั่งออกมาจากการตอบสนองต่อเซลล์มะเร็ง หรืออาจเกิดจากเซลล์มะเร็งหลั่งสารเหล่านี้ออกมาเอง พบได้ทั้งในเลือด ปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งต่างๆ ของร่างกาย โดยสารเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็งและระยะของโรค
การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง จึงเป็นการตรวจหาค่าความผิดปกติของสารเหล่านี้ในร่างกาย เพื่อใช้ในคัดกรองโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ในเบื้องต้น และวางแผนการตรวจเพิ่มเติม หรือรักษาได้ทันท่วงที
การตรวจ Tumor Marker สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องตรวจไหม?
เนื่องจากโรคมะเร็งหลายๆ ชนิด มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น หรือบางครั้งอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลย ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่จึงมาพบแพทย์ก็ต่อเมื่อโรคอยู่ในระยะท้ายๆ แล้ว ทำให้โอกาสรักษาให้หายขาดลดลง
การตรวจ Tumor Marker จะช่วยประเมินความเสี่ยงในเบื้องต้น ทำให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงวินิจฉัย คัดกรอง และพยากรณ์โรคมะเร็งได้เร็วขึ้น นอกจากนี้แพทย์ยังใช้ตรวจเพื่อติดตามผลการรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กระบวนการรักษาเสร็จสิ้นแล้วด้วย
โรคมะเร็งยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไหร่ โอกาสในการรักษาหายขาดก็สูงขึ้นเท่านั้น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญที่ช่วยลดอัตราการป่วย รวมทั้งเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งได้
การตรวจ Tumor Marker เช็กความเสี่ยงโรคมะเร็งอะไรได้บ้าง ค่าปกติอยู่ที่เท่าไหร่?
การตรวจ Tumor Marker ไม่สามารถตรวจคัดกรองโรคมะเร็งได้ทุกชนิด แต่มะเร็งชนิดที่ตรวจคัดกรองได้ก็ถือเป็นชนิดที่พบได้บ่อย เช่น
โรคมะเร็ง | สารบ่งชี้มะเร็ง | ค่าปกติ | ค่าผิดปกติ |
โรคมะเร็งตับ | AFP (Alpha-Fetoprotein) | < 10 ng/ml | > 200 ng/ml |
โรคมะเร็งเต้านม | CA 15-3 (Cancer Antigen 15-3) | < 40 u/ml | > 60 u/ml |
โรคมะเร็งรังไข่/เยื่อบุโพรงมดลูก | CA 125 (Cancer Antigen 125) | < 35 u/ml | > 50 u/ml |
โรคมะเร็งลำไส้/ปอด | CEA (Carcinoembryonic Antigen) | < 5 ng/ml | > 10 ng/ml |
โรคมะเร็งตับอ่อน/ทางเดินน้ำดี | CA 19-9 (Cancer Antigen 19-9) | < 35 u/ml | > 100 u/ml |
โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร | CA 72-4 (Cancer Antigen 72-4) | < 6 u/ml | > 30 u/ml |
โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก | PSA (Prostatic Specific Antigen) | < 4 ng/ml | > 10 ng/ml |
นอกจากรายการที่ระบุไปข้างต้นแล้ว ยังมีสารบ่งชี้มะเร็งชนิดอื่นๆ ที่สามารถตรวจได้เช่นกัน เช่น
- โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมายอีโลมา: B2M (Beta-2 Microglobulin)
- โรคมะเร็งอัณฑะ: B-HCG (Human Chorionic Gonadotropin)
- โรคมะเร็งปอด และมะเร็งของระบบประสาท: NSE (Neuron-specific enolase)
ใครควรตรวจ Tumor Marker บ้าง?
โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่เริ่มมีความเสี่ยงตรวจ Tumor Marker เพื่อป้องกันความเสี่ยง ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย เครียดเรื้อรัง
- ผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคเรื้อรังเช่น โรคตับอักเสบ ตับแข็ง ไขมันพอกตับ มีเนื้องอกในมดลูกหรือรังไข่ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ฯลฯ
- ผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน
วิธีการตรวจ Tumor Marker มีขั้นตอนอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
การตรวจ Tumor Marker ไม่ยุ่งยากซับซ้อน โดยจะใช้วิธีเก็บตัวอย่างด้วยการเจาะเลือด ส่งตัวอย่างเลือดเข้าห้องปฏิบัติการ รอผลประมาณ 1-5 วัน ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลนั้นๆ จากนั้นส่งให้แพทย์อ่านผลเพื่อประเมินความเสี่ยง
ด้านการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจนั้น ส่วนใหญ่ไม่ต้องเตรียมตัวด้านใดเป็นพิเศษ และไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหาร (ยกเว้นบางรายการที่เจ้าหน้าที่ระบุไว้ว่าต้องงดล่วงหน้า)
การตรวจ Tumor Marker แม่นยำแค่ไหน?
การตรวจ Tumor Marker เป็นเพียง “เครื่องมือคัดกรอง” ไม่ใช่การวินิจฉัยโรค 100% ผลการตรวจอาจ “สูงโดยไม่เป็นมะเร็ง” หรือ “ปกติแต่ยังมีความเสี่ยง” ก็ได้ โดยแพทย์จะพิจารณาร่วมกับประวัติและการตรวจเพิ่มเติม เช่น CT, MRI, Ultrasound เป็นต้น
ข้อดีของการตรวจ Tumor Marker
- ตรวจง่าย สะดวก เพียงแค่เจาะเลือดเท่านั้น
- ช่วยให้ทราบความเสี่ยงก่อนเกิดโรค
- เพิ่มโอกาสการรักษาหายขาด
- ใช้ติดตามผลหลังการรักษามะเร็ง
ข้อจำกัดของการตรวจ Tumor Marker
- ไม่สามารถยืนยันการเป็นมะเร็งได้ 100%
- ต้องใช้การตรวจอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อยืนยันผล
- ค่า Tumor Marker อาจสูงจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่มะเร็งได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจ Tumor Marker
1. ควรตรวจ Tumor Marker บ่อยแค่ไหน?
ตอบ: สำหรับผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ และความเสี่ยงต่ำ จะแนะนำให้ตรวจปีละ 1 ครั้ง พร้อมกับการตรวจสุขภาพประจำปี แต่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง อาจตรวจทุกๆ 6 เดือน
2. ตรวจ Tumor Marker ใช้สิทธิประกันได้ไหม?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน บางแผนคุ้มครองเฉพาะการตรวจพื้นฐาน แต่สามารถสอบถามเพิ่มเติมจากบริษัทประกันโดยตรง
3.ถ้าพบค่าผิดปกติต้องทำอย่างไร?
ตอบ: หากตรวจพบค่าที่ผิดปกติ ยังไม่ต้องตกใจ เพราะว่าค่าที่ผิดปกติไม่ได้บ่งชี้ว่าจะเป็นมะเร็งเสมอไป อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้ แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินผล รวมทั้งตรวจเพิ่มเติม เช่น Ultrasound, CT Scan หรือ ส่องกล้อง จากนั้นค่อยวางแผนติดตามผลหรือรักษาอย่างเหมาะสม
4. ตรวจ Tumor Marker ราคา เท่าไหร่?
ตอบ: โดยทั่วไปค่าตรวจ Tumor Marker จะอยู่ที่ประมาณ 1,490 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และค่าบริการของสถานพยาบาลนั้นๆ
สอบถามแพ็กเกจตรวจ Tumor Marker ค้นหาสัญญาณเสี่ยงโรคมะเร็งยอดฮิต รู้ก่อนสาย ป้องกันได้ง่ายๆ แค่ตรวจเลือด! คลิก
5. ตรวจ Tumor Marker ที่ไหนดี?
ตอบ: การตรวจ Tumor Marker นั้น มีให้บริการทั้งในคลินิก ห้องแล็บ รวมทั้งโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป โดยควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีห้องแล็บที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อผลที่แม่นยำ รวมทั้งยังสามารถนำผลไปใช้ประกอบการตรวจเพิ่มเติมได้ด้วย
การตรวจเลือดหาค่าบ่งชี้มะเร็ง หรือ Tumor Marker เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณรู้เท่าทันความเสี่ยงโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสรักษาหายสูง เริ่มต้นดูแลสุขภาพของคุณวันนี้ เพราะการป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ