ไวรัสลงกระเพาะ หรือหวัดลงกระเพาะ เป็นโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยโรคนี้มักไปพบแพทย์ด้วยอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำปริมาณมาก ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน และอาจมีไข้ร่วมด้วย
โดยทั่วไปอาการมักไม่รุนแรง ผู้ป่วยมักหายจากโรคเองได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ แต่ในทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันมีปัญหา อาจเป็นไวรัสลงกระเพาะแบบรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้
แม้โรคนี้จะมีชื่อเรียกคล้ายกับไข้หวัด แต่ไวรัสก่อโรคไข้หวัดใหญ่ๆ ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคนี้
ไวรัสลงกระเพาะไม่มีวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ วิธีง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้นอกเหนือจากการไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยแล้วคือ “การล้างมือบ่อยๆ” เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อซึ่งปนเปื้อนมาในน้ำและอาหารมากขึ้น
สารบัญ
ไวรัสลงกระเพาะ ติดต่อได้ไหม?
ไวรัสลงกระเพาะติดต่อกันได้ง่ายมาก สามารถแพร่กระจายไปกับอาเจียน อุจจาระ หรือเสมหะของผู้ที่ติดเชื้อ ด้วยวิธีต่อไปนี้
- การสัมผัส คลุกคลีกับผู้ติดเชื้อ เช่น การจับมือกับผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนอยู่
- การใช้สิ่งของเครื่องใช้ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เช่น จาน ชาม ช้อน
- การบริโภคอาหารและน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนเชื้อ
ไวรัสลงกระเพาะเกิดจากอะไร?
เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของโรคไวรัสลงกระเพาะมีดังนี้
- ไวรัสโรต้า (Rotavirus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในทารกวัยตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี 3 เดือน อาการของโรคจะคงอยู่ตั้งแต่ 3-7 วัน พบได้ทุกฤดู แต่พบบ่อยในช่วงอากาศเย็น หรือฤดูหนาว
- ไวรัสโนโร (Norovirus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ มักพบแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ที่เดินทางโดยเรือสำราญ สามารถพบการติดเชื้อได้ตลอดปี อาการจะเป็นอยู่ตั้งแต่ 1-3 วัน
- ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) มักจะเกิดการติดต่อในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี อาการจะคงอยู่ตั้งแต่ 5-12 วัน และพบการติดเชื้อได้ตลอดทั้งปี
ไวรัสลงกระเพาะอาการเป็นอย่างไร?
อาการของโรคไวรัสลงกระเพาะมักจะเกิดประมาณ 1-2 วัน หลังจากได้รับเชื้อ อาการที่สามารถพบได้มีดังนี้
เมื่อมีการถ่ายเหลวเป็นปริมาณมากหลายๆ ครั้ง ร่างกายอาจสูญเสียน้ำจนมีภาวะขาดน้ำซึ่งเป็นอันตรายมาก เพราะอาจนำไปสู่ภาวะช็อกและหมดสติตามมาได้
อาการที่บ่งบอกว่า ผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ได้แก่
- ปัสสาวะสีเข้มขึ้น หรือปริมาณปัสสาวะลดลง
- ริมฝีปากปากแห้ง ผิวแห้ง
- ตาโหล
- วิงเวียนศีรษะ
- กระหม่อมหน้ายุบลง (ในทารก)
ไวรัสลงกระเพาะ รักษาอย่างไร?
เนื่องจากเป็นการติดเชื้อไวรัสจึงไม่มีวิธีการรักษาที่จำเพาะต่อเชื้อ การรักษาทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น
เป้าหมายหลักคือ ผู้ป่วยต้องได้รับน้ำและเกลือแร่ทดแทนอย่างเพียงพอ แม้ว่าผู้ป่วยจะสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่การได้รับผงเกลือแร่ชงผสมน้ำทดแทนระหว่างมื้ออาหารก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ดี
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร หรือคลื่นไส้อาเจียน จนไม่สามารถรับประทานอาหารได้ อาจมีความจำเป็นต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำทดแทน
บางรายอาจมีการเช็ดตัว ให้ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียน และยาแก้ปวดท้องตามอาการที่เกิดขึ้น
ไวรัสลงกระเพาะ กินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไรบ้าง?
- เด็กที่ยังดื่มนมแม่ ให้ดื่มได้ตามปกติ
- เปลี่ยนนมเป็นชนิดที่ไม่มีแลกโตส เช่น นมถั่วเหลือง เนื่องจากขณะที่ลำไส้มีการติดเชื้อ โดยเฉพาะจากไวรัสโรต้า ในร่างกายจะย่อยน้ำตาลประเภทนี้ได้แย่ลง
- ให้เน้นอาหารพวก ข้าว มัน เผือก เนื้อไม่ติดมัน โยเกิร์ต กล้วย และผัก
- งดอาหารมันๆ หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเข้มข้นสูง เนื่องจากช่วงที่มีอาการอุจจาระร่วง การดูดซึมของอาหารประเภทแป้งจะดีกว่าไขมันและโปรตีน
การป้องกันโรคไวรัสลงกระเพาะ
แม้ปัจจุบันจะมีวัคซีนป้องกันไวรัสลงกระเพาะผลิตออกมา สามารถป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคได้ แต่ก็ยังสามารถป้องกันได้เพียงไวรัสโรต้าเท่านั้นและมีราคาสูง
ดังนั้นคุณจึงควรระวังรักษาสุขภาพด้วยตนเองร่วมด้วย ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หรืออุ่นให้ร้อนก่อน
- ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานเสมอ
- ล้างมือให้สะอาด ถูกวิธีบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังขับถ่ายและก่อนรับประทานอาหาร ผู้ใหญ่ควรสอนให้เด็กเล็กรู้จักวิธีล้างมือที่ถูกต้อง
- ขณะเดินทางควรพกน้ำสะอาดไปด้วยเสมอเพื่อใช้ดื่มและแปรงฟัน
- จัดบ้านให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ
- ไม่คลุกคลี หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
- หากมีลูก หรือมีเด็กในการดูแลซึ่งอยู่ในวัยเรียนป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ ควรให้เด็กหยุดเรียน หรือแยกตัวออกจากเด็กคนอื่นๆ ประมาณ 48 ชั่วโมง หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น
สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ อาเจียน หรืออุจจาระของผู้ป่วย มีคำแนะนำเพื่อป้องกันโรคและไม่ให้เป็นตัวกลางในการแพร่กระจายเชื้อ ดังนี้
- ใส่ถุงมือและผ้าปิดปากทุกครั้ง ขณะทำความสะอาด
- ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วินาที
- เก็บผ้าขี้ริ้วที่เช็ดทำความสะอาดในถุงพลาสติกที่ปิดมิดชิดก่อนทิ้งลงถังขยะ
- ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ด้วยน้ำร้อนและผงซักฟอก จากนั้นรอให้แห้งก่อนแล้วจึงค่อยมานำมาใช้ใหม่
ไวรัสลงกระเพาะแม้จะยังไม่มีวัคซีน หรือยารักษาโดยเฉพาะ แต่มีวิธีที่สามารถป้องกันตนเองและบุตรหลานให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้
ดูแลสุขอนามัยตั้งแต่วันนี้เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ห่างไกลโรคไวรัสลงกระเพาะและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอื่นๆ
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. วรพันธ์ พุทธศักดา