แม้ว่าการทำไอออนโตโฟรีซิสจะเป็นที่รู้จักกันในฐานะตัวเลือกสำหรับการรักษาฝ้า ริ้วรอยจุดด่างดำ รวมถึงบำรุงผิวหน้าให้ขาวใส แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ความจริงแล้วการทำไอออนโตโฟรีซิสคิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ รวมถึงบาดแผล และภาวะความผิดปกติหลายอย่างของร่างกาย
นอกจากคุณประโยชน์ด้านความงามของผิวหน้า การทำไอออนโตโฟรีซิสมีกระบวนการรักษาภาวะความผิดปกติอะไรได้บ้าง แล้วมีขั้นตอน ข้อควรระวังในการทำอย่างไร
สารบัญ
การทำ Iontophoresis คืออะไร?
การทำไอออนโตโฟรีซิส (Iontophoresis) คือ กระบวนการรักษาอาการบาดเจ็บของร่างกาย ผ่านการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ พาสารเคมี หรือยาซึมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บต่างๆ
ในช่วงแรก การทำไอออนโตโฟรีซิสมักเป็นที่นิยมในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis disorder) บริเวณมือและเท้า
แต่ปัจจุบันกระบวนการนี้ได้มีการพัฒนาให้สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยที่หลากหลายมากขึ้น เช่น
- อาการกล้ามเนื้ออักเสบ (Inflammation)
- อาการบวมน้ำ (Edema)
- อาการผื่นขึ้น หรือมีตุ่มบวม (Swelling)
- บาดแผลที่เนื้อเยื่อฉีกขาด (Scar tissue)
- อาการเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย หรือยกของหนัก (Muscle pain)
- อาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Muscle spasms)
- อาการในช่วงวัยหมดประจำเดือน (Menopause)
- อาการไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)
ขั้นตอนการทำ Iontophoresis
การทำไอออนโตโฟรีซิสจะกระทำผ่านการกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ต่างศักย์กัน ในการนำตัวยา หรือสารเคมีที่ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยเข้าสู่ผิวหนัง
กล่าวคือ หากตัวยา หรือสารเคมีดังกล่าวเป็นประจุบวก ก็จะต้องใช้กระแสไฟฟ้าที่เป็นขั้วบวกเช่นกันในการผลักสารเข้าสู่ผิวหนัง แต่หากตัวยา หรือสารเคมีเป็นประจุลบ ก็ต้องใช้กระแสไฟฟ้าขั้วลบในการผลักสาร
ขั้นตอนการทำไอออนโตโฟรีซิสจะมีดังนี้
- ติดตั้งอุปกรณ์ขั้วไฟฟ้าบริเวณที่ทำการรักษา
- ผู้ป่วยจะแช่ตัว หรืออวัยวะส่วนที่ต้องการรักษาลงในอ่างน้ำ
- แพทย์ หรือพยาบาลจะเปิดเครื่องส่งกระแสไฟฟ้าไปยังขั้วไฟฟ้าที่แปะอยู่ จนผู้ป่วยรู้สึกชาเบาๆ บริเวณดังกล่าว
โดยปกติ ระยะเวลาในการทำไอออนโตโฟรีซิสจะอยู่ที่ประมาณ 10-40 นาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนบริเวณที่ผู้ป่วยต้องการรักษา
นอกจากนี้ในระหว่างทำไอออนโตโฟรีซิส ผู้ป่วยอาจรู้สึกชา หรือระบมเบาๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และอย่าตกใจหากผิวหนังบริเวณที่แปะขั้วไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะถือเป็นผลข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป
ความถี่ของการทำไอออนโตโฟรีซิสนั้นมักอยู่ที่ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่าอาการที่ต้องการรักษาจะดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยยังต้องมาพบแพทย์ตามตารางนัดประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้งด้วย เพื่อติดตามผลการรักษา
หลายคนอาจกังวลว่า กระแสไฟฟ้าจากการทำไอออนโตโฟรีซิสจะเป็นอันตราย แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากกระบวนการรักษาวิธีนี้ใช้เพียงกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เท่านั้น ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือทำให้ช็อกได้
การทำ Iontophoresis มีกี่ประเภท?
การทำไอออนโตโฟรีซิสรักษาอาการเจ็บป่วยได้หลากหลาย แต่ส่วนมากกระบวนการรักษานี้มักจะใช้รักษาอาการเจ็บป่วยอยู่ 2 อาการหลักๆ ได้แก่
1. การทำ Iontophoresis สำหรับรักษาภาวะเหงื่อออกมาก
ภาวะเหงื่อออกมากถือเป็นความผิดปกติของร่างกายที่เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ ภาวะฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
การทำไอออนโตโฟรีซิสเพื่อรักษาภาวะนี้นิยมใช้กับบริเวณมือและเท้า โดยจะใช้เวลาในการผลักตัวยาเข้าสู่ผิวหนังประมาณ 25-45 นาที และมักต้องรักษามากกว่า 1 ครั้ง
ผู้ป่วยภาวะนี้มักจะได้รับการออกแบบตารางการรักษาจากแพทย์โดยตรง เพราะจะต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องว่า ภาวะนี้ดีขึ้นแล้วหรือไม่ ตามแต่อาการของผู้ป่วยซึ่งต่างกันออกไป
ผู้ป่วยบางรายอาจรับคำแนะนำจากแพทย์ให้ซื้อเครื่องทำไอออนโตโฟรีซิสไว้ที่บ้านด้วย
2. การทำ Iontophoresis สำหรับรักษาบาดแผลจากการเล่นกีฬา
บาดแผลจากการเล่นกีฬาในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงแค่บาดแผลฉีกขาด หรือแผลถลอกภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาการกล้ามเนื้ออักเสบ กล้ามเนื้อหดเกร็ง อาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือยกของหนักเกินไป
โดยปกติแพทย์จะเพิ่มยาแก้อักเสบลงไปในอ่างน้ำสำหรับทำไอออนโตโฟรีซิสด้วย เพื่อให้อาการอักเสบจากข้างในดีขึ้น
การรักษาประเภทนี้มักใช้เวลาน้อยกว่าการรักษาภาวะเหงื่อออกมาก โดยจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 นาที แต่อาจนานขึ้น หากมีอาการบาดเจ็บหลายจุด
แต่ถึงแม้ระยะเวลาการรักษาประเภทนี้จะสั้น แต่ความถี่ในการมาพบแพทย์เพื่อผลักยาเข้าสู่ผิวหนังนั้นอาจบ่อยกว่าผู้ป่วยภาวะเหงื่อออกมาก
บริเวณที่สามารถทำ Iontophoresis ได้
โดยปกติ คุณสามารถทำไอออนโตโฟรีซิสบริเวณอวัยวะที่เกิดการบาดเจ็บได้ทั้งนั้น แต่ส่วนมากกระบวนการนี้มักจะทำบริเวณแขน ขา และเท้า ส่วนบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อนว่า สามารถทำได้หรือไม่
นอกเหนือจาก 3 บริเวณของร่างกายที่ได้รับความนิยมแล้ว ผู้คนยังนิยมทำไอออนโตโฟรีซิสบริเวณใบหน้าอีกด้วย เพราะไอออนโตโฟรีซิสมีคุณสมบัติช่วยลดปัญหารอยฝ้า ความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และทำให้ดูผิวกระจ่างใสขึ้น
อีกทั้งในปัจจุบัน ผู้คนยังนิยมทำไอออนโตโฟรีซิสเพื่อผลักวิตามินสู่ผิวโดยตรงอีก
ข้อควรระวังในการทำ Iontophoresis
กลุ่มคนต่อไปนี้ควรแจ้งแพทย์ก่อนจะขอทำไอออนโตโฟโรซิส เพื่อป้องกันผลข้างเคียงร้ายแรง
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยโรคลมบ้าหมู
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจติดกับตัว หรือมีอุปกรณ์เสริมเหล็กอยู่ในร่างกาย เช่น ข้อต่อเทียม
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้หาวิธีรักษาอื่นๆ แทน
ในผู้ที่มีบาดแผลค่อนใหญ่และกลัวว่าบาดแผลจะเปิด หากได้รับอนุญาตให้ทำไอออนโตโฟรีซิสได้ แพทย์อาจใช้ปิโตรเลียมเจลทาบริเวณแผลก่อนที่จะเริ่มส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อผลักยา ปากแผลจะได้ไม่เปิดในระหว่างรักษา
อีกคำแนะนำสำหรับผู้ที่ทำไอออนโตโฟรีซิสเองที่บ้าน หากรู้สึกว่า การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร คุณอาจลองปรึกษากับแพทย์ว่า ได้พลาดขั้นตอนอะไรไปหรือไม่
หรืออาจเติมเบกกิ้งโซดาลงไปในน้ำประมาณ 1 ช้อนชา เพื่อเพิ่มเกลือแร่และสารละลายที่มีประจุไฟฟ้า (Electrolyte)
ผลข้างเคียงจากการทำ Iontophoresis
การทำไอออนโตโฟรีซิสเป็นกระบวนการรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัย หากมีผลข้างเคียงก็มีเพียงแค่เล็กน้อย ไม่ได้เป็นอาการรุนแรงแต่อย่างใด
ผลข้างเคียงที่พบได้มากจากการทำไอออนโตโฟรีซิส ได้แก่
- ผิวแห้ง
- ผิวหนังเป็นตุ่มพอง
- ผิวลอก หรือเป็นขุย
- รู้สึกคัน หรือระคายเคือง
สามารถบรรเทาได้ง่ายๆ โดยการทาโลชันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
การปฏิบัติตนหลังจากทำ Iontophoresis
แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำหลังจากทำไอออนโตโฟรีซิสเสร็จแล้ว
โดยในเบื้องต้นคุณควรหลีกเลี่ยงไม่ประคบร้อน หรือประคบเย็นบริเวณที่เพิ่งผลักยา หรือสารเคมี เพราะความเย็นและความร้อนจากการประคบอาจล้างเอาตัวสารที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยออกไปหมด
ราคาการทำ Iontophoresis
คุณสามารถเข้าปรึกษาแพทย์และทำไออนโตโฟรีซิสได้ที่โรงพยาบาล หรือคลินิกความงามชั้นนำต่างๆ
ปัจจุบันการทำไอออนโตโฟรีซิสเป็นที่รู้จักมากขึ้นในส่วนของการบำรุงรักษาผิวหน้าให้ดูกระจ่างใส มากกว่ารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ
ราคาการทำไอออนโตโฟรีซิสโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและโปรโมชันของทางโรงพยาบาลและคลินิก
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยและให้การทำไอออนโตโฟรีซิสมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเสมอ และเลือกใช้บริการใช้โรงพยาบาล หรือคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
เนื่องจากสถานพยาบาลเหล่านั้นมักเลือกใช้เครื่องมือที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) แล้ว
ในประเทศสหรัฐอเมริกาเครื่องที่ได้รับการอนุมัติจะแบ่งเป็นสองแบบ แบบแรก คือ “clear” หมายถึง เครื่องมือรุ่นดังกล่าวมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรุ่นที่เคยได้รับการอนุมัติมาก่อน
ส่วนแบบที่สองคือ “approved” ซึ่งใช้กับรุ่นที่มีกรรมวิธีใหม่ๆ และไม่เคยมีการใช้วิธีการนั้นในท้องตลาดมาก่อน
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย