การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของตับ นำไปสู่การเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับ ซึ่งการติดต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในประเทศไทยส่วนใหญ่เกิดจาก “การแพร่เชื้อจากแม่ไปสู่ลูก” ดังนั้นการตรวจคัดกรองหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อจากแม่ไปสู่ลูกได้ เช็กก่อนชัวร์ก่อน ป้องกันได้เพื่อคนที่คุณรัก
สารบัญ
- ไวรัสตับอักเสบบีเกิดจากอะไร?
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดไวรัสตับอักเสบบี
- คนท้องติดไวรัสตับอักเสบบีได้ไหม?
- อาการไวรัสตับอักเสบบีในคนท้องเป็นอย่างไร?
- คนท้องติดเชื้อไวรัสตับอักเสบอันตรายไหม?
- คนท้องติดไวรัสตับอักเสบบีทารกในครรภ์จะติดไหม?
- ไวรัสตับอักเสบบีส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์อย่างไร?
- ไวรัสตับอักเสบบีติดแล้วรักษาหายไหม?
- การป้องกันไวรัสตับอักเสบบีถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก
ไวรัสตับอักเสบบีเกิดจากอะไร?
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Hepatitis B virus (HBV) การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสามารถทำให้เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรังได้ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ตับแข็งหรือตับมะเร็งในอนาคตได้ หากไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุมอย่างเหมาะสม
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบบีติดต่อได้ทางเลือดหรือของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำอสุจิ, น้ำหล่อลื่นในช่องคลอด หรือการใช้สิ่งของที่มีการปนเปื้อนจากผู้ติดเชื้อ เช่น เข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างดีรวมถึงการถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ทารกในระหว่างการคลอดหรือแม้กระทั่งการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง
คนท้องติดไวรัสตับอักเสบบีได้ไหม?
คนท้องสามารถติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้เหมือนกับคนทั่วไป และในบางกรณีการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์สามารถส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้
โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ในระหว่างการคลอด หรือบางครั้งอาจจะถ่ายทอดไปในระหว่างการตั้งครรภ์ผ่านทางรก แต่การติดเชื้อผ่านรกถือว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยาก
อาการไวรัสตับอักเสบบีในคนท้องเป็นอย่างไร?
อาการของไวรัสตับอักเสบบีในคนท้องจะไม่แตกต่างจากอาการในคนทั่วไปมากนัก แต่การตั้งครรภ์อาจทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัสได้แตกต่างออกไป และอาจส่งผลต่อสุขภาพของทั้งแม่และทารกได้เช่นกัน
ในบางกรณี คนท้องที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจไม่แสดงอาการใดๆ หรือมีอาการเล็กน้อย (ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน) อาการที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
อาการของตับอักเสบเฉียบพลัน
- ปวดท้องบริเวณขวาล่างของท้อง (บริเวณตับ)
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- ตัวเหลือง (ดีซ่าน) หรือดวงตาเหลือง
- ปัสสาวะเข้ม
- อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย
อาการในกรณีที่ติดเชื้อในระยะเรื้อรัง
บางครั้งอาจไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก แต่เมื่อเชื้อดำเนินไป อาจทำให้ตับเสียหายเรื้อรัง จนเกิดภาวะตับแข็งหรือตับมะเร็งในภายหลัง
คนท้องติดเชื้อไวรัสตับอักเสบอันตรายไหม?
ไวรัสตับอักเสบบีในคนท้องสามารถเป็นอันตรายได้ทั้งต่อแม่และทารกในครรภ์ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้หญิงท้องมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังหรือมีการติดเชื้อในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การตับอักเสบหรือตับแข็งในระยะยาว
คนท้องติดไวรัสตับอักเสบบีทารกในครรภ์จะติดไหม?
คนท้องที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีความเสี่ยงที่จะถ่ายทอดเชื้อให้กับทารกในครรภ์ได้ แต่โอกาสที่จะติดเชื้อจากแม่สู่ลูกในระหว่างการตั้งครรภ์นั้นค่อนข้างต่ำ โดยปกติแล้วการติดเชื้อจะเกิดขึ้นในระหว่างการคลอดมากกว่าผ่านทางรกในระหว่างตั้งครรภ์
การถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกในระหว่างการคลอดสามารถเกิดขึ้นได้ หากแม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือดในปริมาณสูง ซึ่งทำให้ทารกมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะติดเชื้อในระหว่างการคลอดได้
ไวรัสตับอักเสบบีส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์อย่างไร?
ผลกระทบในทารกอาจทำให้เกิด การติดเชื้อเรื้อรังตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงภาวะดีซ่าน หรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับในอนาคต ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ
หากแม่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ความเสี่ยงจากการคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะเลือดออกมากเกินไปหลังคลอด (Postpartum hemorrhage)
ไวรัสตับอักเสบบีติดแล้วรักษาหายไหม?
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีทั้งกรณีที่หายได้และกรณีที่ไม่สามารถหายขาดได้ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการติดเชื้อในระยะไหนและระดับของการติดเชื้อเป็นอย่างไร
หากคุณติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในระยะเฉียบพลัน มีโอกาสหายขาด แต่หากติดเชื้อในระยะเรื้อรัง ก็จะต้องมีการรักษาต่อเนื่องเพื่อควบคุมการติดเชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การป้องกันไวรัสตับอักเสบบีถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก
หากคุณติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในระยะเฉียบพลัน มีโอกาสหายขาด แต่หากติดเชื้อในระยะเรื้อรัง ก็จะต้องมีการรักษาต่อเนื่อง เพื่อควบคุมการติดเชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- การตรวจคัดกรอง
ควรตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในระหว่างการตั้งครรภ์เพื่อให้รู้สถานะการติดเชื้อ ถ้าแม่มีการติดเชื้อควรได้รับการดูแลและคำแนะนำจากแพทย์ - การฉีดวัคซีน
ถ้าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ได้มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สามารถรับวัคซีนได้ก่อนตั้งครรภ์ หรือในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนในช่วงตั้งครรภ์ได้ - การรักษาด้วยยาต้านไวรัส
หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอย่างรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ทารก - การดูแลหลังคลอด
ทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีควรได้รับการฉีดวัคซีนและยาฉีดภูมิคุ้มกัน (HBIG) ภายใน 12 ชชั่วโมงหลังคลอดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากโรคไวรัสตับอักเสบบี อยากตรวจให้มั่นใจแนะนำให้มาเลือกดูแพ็กเกจตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี ได้ที่ HDmall.co.th เลย ในนี้มีแพ็กเกจและโปรโมชั่นดีๆ จากหลากหลายคลิกนิกและโรงพยาบาลเอาชั้นนำมากมาย พร้อมมีบริการเช็กคิวทำนัด ฟรี